ทะเลทรายตามจิตนาการของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ริ้วลอนทรายที่ทอดยาวสุดสายตา เนินทรายน้อยใหญ่ที่มีแสงเงาสาดส่อง อูฐเดินชักแถวบนเนิน ทุกอย่างเป็นจิตนาการที่เราสามารถพบเห็นได้ ในสถานที่จริง แต่ในความเป็นจริงอาจจะมีอุปสรรค เรื่องจังหวะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้ามีโอกาสไปยืนอยู่ท่ามกลางสถานที่นั้นแล้ว ไม่พบภาพในจิตนาการก็อย่าเพิ่งถอดใจ
มีการเก็บภาพ 3 แบบง่ายๆ มาแนะนำ ลองใช้เป็นไอเดีย นำไปปฎิบัติดู อาจทำให้ท่านเก็บภาพได้สนุกมากขึ้น
1. การเก็บภาพทะเลทรายใต้แสงจันทร์
ปัจจุบันพบว่ามีนักถ่ายภาพจำนวนมาก ชื่นชอบวีธีการถ่ายภาพใต้แสงจันทร์พอสมควร โดยเฉพาะตามโซเชียลมีเดียต่างๆ วิธีการถ่ายพื้นฐานน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว จึงขอเน้นไปที่เรื่องการถ่ายทะเลทราย ใต้แสงจันทร์เท่านั้นนะคะ แสงจันทร์กับดวงตะวันมีความสว่างพอที่จะให้เราเก็บภาพได้เหมือนกัน เพียงแต่แสงจันทร์มีความสว่างน้อย จึงต้องใช้เวลาในการเก็บภาพมากกว่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงหรือขนาดของดวงจันทร์ในคืนนั้นๆ ถ้าเป็นคืนพระจันทร์เสี้ยวก็ต้องใช้เวลามากขึ้นอีก ถึงจะได้ภาพ ที่สว่างเหมือนตาเห็นคล้ายภาพในตอนกลางวัน แต่ปัญหาของการถ่ายทะเลทรายในตอนกลางคืน คือ การมองเห็นของสายตาเรานั้นไม่เหมือนตอนกลางวัน แม้จะมีดวงจันทร์ส่องแสงให้แล้วก็ตาม ยิ่งถ้าเราใช้ไฟฉายส่อง ก็จะทำให้ขอบเขตการมองเห็นแคบลงตามปริมาณแสงของไฟฉายที่ส่องไปถึง ดังนั้นถ้าเป็นคืนที่มีแสงจันทร์ แนะนำให้เราอยู่ในที่มืดโดยไม่ใช้ไฟฉายจะพบว่า สายตาเราจะปรับให้เข้ากับปริมาณแสงของสถานที่บริเวณนั้น โดยจะมองเห็นบริเวณรอบแบบอัตโนมัติ แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งสายตาเราจึงจะปรับการมองเห็นได้ บางทีเราเดินจากที่มีแสงไฟสว่างออกมา บริเวณที่เพิ่งเดินพ้นมาจะมืดอยู่ชั่วขณะ เพราะสายตาเรายังปรับไม่ทัน ให้ยืนนิ่งในที่มืดสนิทนั้นสักพักแล้วบริเวณรอบๆ ก็จะค่อยๆ สว่างขึ้นภายใต้แสงจันทร์ หรือถ้าเราใช้ไฟฉายเดินส่องทางออกมา ก็ให้ปิดไฟฉายแล้วยืนนิ่งสักพักจะเห็นความสว่างบริเวณนั้นเพิ่มขึ้น แต่ความสว่างที่ว่านี้ก็ยังไม่เท่ากับความสว่างในตอนกลางวัน ดังนั้นการจะเห็นแสงเงาสวยๆ เหมือนตอนกลางวันนั้น ก็อาจจะมองค่อนข้างยาก แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องทิศทางแสง วิธีการถ่าย การเลือกเลนส์ ใส่ไอเดียเข้าไปอีกนิดหน่อย ก็จะได้ภาพทะเลทรายเก๋ๆ กลับมาได้ไม่ยาก
- ภาพแรกที่กดชัตเตอร์ใต้แสงจันทร์ เนื่องจากมองเห็นเนินทรายสูงอยู่ในระยะไกล ในใจก็คิดอยากถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้างให้เห็นทะเลทรายกว้างๆ มีเหลี่ยมเนินลูกใหญ่ๆ อยู่ด้านหลัง มีดาวสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าด้วย แต่ได้สิ่งที่มากกว่านั้น คือรอยเท้าบนเนินทราย ซึ่งตอนที่มองด้วยตาเปล่าใต้แสงจันทร์ไม่เห็นเงาของรอยเท้าชัดขนาดนี้ จึงต้องปรับความคิดใหม่ ในเมื่อเรามองเห็นแบบชัดๆ ได้ไม่ไกล ก็ต้องถ่ายในพื้นแคบลง
- ภาพริ้วทรายใต้แสงจันทร์ ภาพนี้ตอนแรกก็อยู่ในมุมที่เห็นริ้วทรายไม่ชัด ปัญหาเดิมคือ เรามองเห็นเพียงแค่แสงรำไรเท่านั้น เงาจึงไม่ชัดเหมือนกลางวัน แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องทิศทางแสง ก็จะรู้ว่าควรจะไปยืนอยู่มุมไหนเหลี่ยมไหนถึงจะได้แสงเงาดีๆ ซึ่งมุมที่ดีก็ต้องเป็นมุมที่แสงเฉียงข้าง ถึงจะได้ริ้วลอนทรายสวยๆ บริเวณไม่ต้องกว้างมาก เพื่อสังเกตรูปทรงเหลี่ยมสันและริ้วรอยได้ง่าย เลือกใช้เลนส์มุมกว้าง ริ้วทรายจะได้ดูกว้างไกลมากขึ้น ทำสำเร็จไปขั้นหนึ่ง คือได้มุมที่ดูเป็นทะเลทรายมีริ้วลอนสวยงามภายใต้แสงจันทร์ แต่ก็ยังรู้สึกว่า ภาพดูธรรมดา
- ภาพริ้วลอนทรายใต้แสงจันทร์และตัวฉัน เพิ่มไอเดีย กับเทคนิคการถ่ายภาพเข้าไปช่วยอีกนิดหน่อย ด้วยการเปลี่ยนจากเลนส์มุมกว้างแบบธรรมดา มาใช้เลนส์ฟิชอาย แล้วกดหน้ากล้องก้มลง ผืนทรายก็จะดูโค้งเหมือนเนินทรายกว้างใหญ่กว่าเดิม ใช้คนเป็นตัวประกอบ ซึ่ง ณ เวลานั้นไม่มีใคร จึงตั้งกล้องแล้วก็วิ่งขึ้นไปยืน ตำแหน่งที่เล็งไว้ ได้ภาพเก๋ๆ ตามที่เก็บมาฝาก กดไปหลายภาพพอสมควร โชคดีได้ภาพที่ถูกใจก่อนดวงจันทร์จะลับไป
ทะเลทรายใต้แสงจันทร์กับตัวฉัน ได้ภาพอย่างที่ต้องการ โดยที่ไม่ต้องเดินออกไปไกลมาก ใช้เลนส์ฟิชอายเก็บภาพ แล้วกดหน้ากล้องลง ใช้ตัวเองเป็นการเทียบสัดส่วน ดูเหมือนจะเป็นการหลอกลวงจากการใช้มุมกล้อง แต่เป็นการสร้างภาพจากสถานที่จริงๆ โดยใช้เทคนิคเล็กๆน้อยๆ อย่างที่แนะนำ วิ่งขึ้นวิ่งลงให้ได้ภาพคนยืนตำแหน่งที่ต้องการ บางท่านอาจนำคนแบบซิลลูเอท มาซ้อนทีหลัง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคล โดยส่วนตัวชอบวิธีการแบบนี้ เพราะได้ลุ้นและสนุกกับการถ่ายภาพจนลืมเวลาไปเลยทีเดียว กรณีนี้ถ้ามีเพื่อนร่มอุดมการณ์ก็จะง่ายขึ้น ก่อนนอกไปชวนสมาชิกที่คาดว่าน่าจะนอนกลางดินกินกลางทรายได้ไป แต่เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการนั่งรถมาไกล ส่วนใหญ่ต้องการพักผ่อน ไอเดียที่คิดได้นี้จึงเป็นมุขที่ต้องชงเองเล่นเองแบบสดๆ
ทะเลทรายใต้แสงจันทร์กับรอยเท้าที่ทุกคนฝากเอาไว้ เนื่องจากสายตาเรามองเห็นใต้แสงจันทร์ได้ไม่ชัดเท่าตอนกลางวัน ตอนที่ตั้งกล้องถ่ายเลยไม่เห็น ภาพออกมาไม่ได้อย่างใจจึงต้องค้นหามุมใหม่
ริ้วลอนทรายใต้แสงจันทร์ เดินตามหาจนเจอริ้วลอนทรายสวยๆ ในมุมที่แสงเฉียงข้าง โดยสังเกตจากทิศทางของดวงจันทร์ ไม่ต้องกว้างมากเพราะเราสามารถมองเห็นพื้นที่ทั้งหมดว่า สวยงามและไม่มีรอยเท้าอย่างที่เราต้องการ วิธีการเดินหามุมแนะนำให้ดูทิศทางดวงจันทร์ไว้ก่อน อย่าเดินตามแสง(หมายถึงดวงจันทร์อยู่ข้างหลังขณะเดิน) ให้เดินในทิศทางย้อนแสง(ดวงจันทร์อยู่ข้างหน้าหรือข้างๆ) เพราะบางครั้งรอยเท้าเราก็เป็นปัญหาเหมือนกัน ถ้าจะหลบรอยเท้าที่ทำให้พื้นทรายไม่สวยบางทีอาจต้องเดินไปไกลๆ ซึ่งไม่แนะนำเพราะตอนกลางคืนอาจหลงได้ง่าย ดังนั้นก่อนเดินออกไปในที่มืดควรตรวจเช็คทิศทาง ของแคมป์และก็ตำแหน่งที่เราจะเดินออกไปก่อน เวลาเดินให้มองย้อนกลับมาดูแคมป์ด้านหลังไว้เป็นระยะ จะได้ไม่หลงทิศ
2. การเก็บภาพเนินทรายใต้แสงตะวัน
ปัญหาการเก็บภาพค่อนข้างน้อย เพราะเราสามารถมองเห็นแสงเงาชัดเจนและเลือกมุมได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าเป็นคนโชคดีเรื่องจังหวะเวลา แค่ยกกล้องเล็งก็ได้ภาพสวย หรือถ้าไม่ได้เป็นคนมีโชค ก็สร้างโอกาสขึ้นมาได้ไม่ยาก เพราะในสถานที่จริงสามารถปั้นแต่งมุมตามจิตนาการได้ ด้วยการเซ็ทถ่ายนั่นเอง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความถนัดความชอบ สำหรับตัวเอง ถ้ามีแบบเซ็ทให้ก็ถ่ายเหมือนกัน แต่ที่จะมาแนะนำในส่วนนี้คือ ถ้าไปแล้วไม่ได้ภาพในมุมที่คิด ไม่มีคนให้เซ็ท ก็นำแนวคิดง่ายๆ เหล่านี้ลองไปใช้ดู สร้างเรื่องราวจากสิ่งที่ปรากฎในเวลานั้น นักท่องเที่ยว คน ต้นไม้ ใบหญ้า เราสามารถนำมาประกอบเรื่องราว ให้ทะเลทรายดูยิ่งใหญ่ สวยงามภายใต้แสงเงาที่เราเจอ ณ เวลานั้นได้
- ภาพเพื่อนสมาชิกในทริปกับมุมตามแสง ขณะพระอาทิตย์จะขึ้นพ้นขอบฟ้า เพื่อนๆ สมาชิกเดินมุ่งหน้าไปยังเนินทรายขนาดใหญ่ ตัวเองถ่ายรูปแล้วก็นอนเฝ้าดาว ในทะเลทรายจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น เกิดอาการหมดเรี่ยวแรง ขึ้นเนินทรายใหญ่ไม่ไหว เลยยืนหมุน หามุมถ่ายอยู่รอบๆ บริเวณนั้น เพื่อนสมาชิกที่อยู่ด้านหลังเป็นมุมตามแสง เห็นเนินทรายใหญ่ก็จริง แต่ ก็ได้ภาพที่ดูไม่ค่อยสวยงามน่าประทับใจ จึงเก็บภาพให้เพื่อนๆ เป็นที่ระลึกไว้ไม่กี่ภาพ ซึ่งส่วนใหญ่จะถ่ายไปด้านข้างๆ ที่มีแสงเฉียงๆ เห็นเนินทรายเป็นสันสวยงามมากกว่า
- ภาพเพื่อนสมาชิกในมุมแสงเฉียงข้าง ได้ภาพมีมิติกว่าเมื่อเทียบกับมุมซึ่งเก็บภาพตามแสงที่ถ่ายในเวลาเดียวกัน สังเกตในมุมแสงเงาสวยๆ นี้มีจำนวนสมาชิกยืนเล็งไปในทิศทางเดียวกัน สามถึงสี่คนเลยทีเดียว ภาพนี้จึงเลือกนำเสนอ แบบ Juxtaposition (การล้อกันในภาพ) จัดคอมโพสต์โดยใช้คนที่ยืนเก็บภาพคล้ายกัน มาสร้างเรื่องราว ภายใต้แสงเงาสวยๆ
ทะเลทรายใต้แสงตะวัน..แต่ไร้เงา บันทึกภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกให้กับสมาชิกที่ร่วมเดินทางด้วยกัน ภาพนี้เพื่อนสมาชิกอยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นมุมตามแสง เนินทรายที่กว้างใหญ่เทียบกับคน ขาดแสงเงา ภาพจึงดูไม่ค่อยน่าสนใจ ทะเลทรายไม่สวยงามอลังการเหมือนที่ตาเห็น เปรียบเทียบกับอีกภาพ ซึ่งเป็นเนินทรายเล็กๆ แต่มีแสงเงาเฉียงข้าง ภาพดูหน้าสนใจกว่า
ทะเลทรายใต้แสงตะวันและแสงเงา ในมุมที่มีแสงเฉียงเงาจะสร้างมิติน่าสนใจ ภาพทะเลทรายใต้แสงตะวันสองภาพนี้ถ่ายในเวลาใกล้เคียงกัน ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม เก็บภาพเพื่อนสมาชิกที่อยู่ด้านหลังซึ่งเป็นมุมตามแสง แล้วก็หันไปเก็บภาพด้านข้างซึ่งเป็นมุมที่แสงเฉียง ได้ภาพต่างกันทั้งที่เป็นเวลาเดียวกัน
3. ภาพทะเลทรายใต้ดวงดาว
ถ้าพูดถึงดวงดาวส่วนใหญ่จะนึกถึงดาวหมุนๆ ซึ่งก็เป็นอีกภาพที่ไม่พลาดต้องเก็บไว้เมื่อมีโอกาส ทริปนี้ได้ไว้หลายภาพ เนื่องจากอยู่ในทะเลทรายจนเช้า แต่ภาพที่รู้สึกชอบและประทับใจ เป็นภาพดวงดาวเล็กๆ ที่ประกอบกันเป็นทางช้างเผือก ระยิบระยับ เต็มท้องฟ้า
- ภาพทะเลทรายกับทางช้างเผือกหลังพระจันทร์ลับขอบฟ้าเผลอหลับไปชั่วขณะ ตกใจตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางความมืด ค่อยๆหลับตา ลืมตาอยู่สักระยะ สายตาจึงปรับเข้ากับความมืดได้ แต่ครั้งนี้ไม่สว่างเหมือนกับตอนที่มีดวงจันทร์ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วลอยตามลมมาไกลๆ มองไปตามเสียงเห็น ไฟฉายสว่างเป็นระยะ มีเสียงกรี๊ดแบบดีใจดังขึ้นเป็นระยะเช่นกัน ฟังจากน้ำเสียงแล้วน่าจะเป็นเพื่อนๆสมาชิก ที่ตื่นออกมาถ่ายดาวบริเวณใกล้ๆ แคมป์ สำรวจรอบตัวเองแล้วก็ มองขึ้นไปบนท้องฟ้า โอวววพระเจ้า!!! ทางช้างเผือกสวยงาม ชัดเจนสุดๆ นึกย้อนไป ที่ได้ยินเสียงหัวเราะ เสียงกรี๊ด เมื่อสักครู่ ก็คงเพราะเห็นทางช้างเผือกนี่เอง จะเดินไปร่วมวงด้วย ดูจากแสงไฟแล้วไกลพอสมควร จึงปักหลักเก็บภาพตรงบริเวณนั้น ได้ทางช้างเผือกกับขอบของเนินทราย ซึ่งก็ดูโล่งไม่มีอะไรน่าสนใจ หยิบฟิชอายมาเก็บภาพมุมกว้าง ทั้งก้มทั้งเงยหน้าเลนส์เล่น แต่ก็ยังรู้สึกไม่ชอบภาพที่ได้ อยากได้ริ้วทรายเป็นองค์ประกอบ ก็ต้องไปขุดเอาหลังจากถ่ายมาแล้ว ซึ่งก็ไม่ค่อยมีความสามารถด้านนี้ ก็เลยใส่ไอเดียอื่นเข้าไปแทน
- ภาพทะเลทรายใต้ดวงดาวกับคนเก็บดาว ภาพนี้เปลี่ยนจากที่ถ่ายด้วยมุมกว้างๆ มาเก็บภาพด้วยช่วงเลนส์กลางๆ แล้วก็วิ่งขึ้นไปทำท่าเหมือนเอื้อมเก็บดาว ยืนหันข้างถือไฟฉายไว้ในมือแล้วก็ยืนนิ่งๆ ตามเวลาที่ตั้งไว้ ได้ภาพเก็บดาวเก๋ๆ มาฝาก
ทะเลทรายใต้ดวงดาวและทางช้างเผือก บริเวณที่อยู่ไม่มีแสงไฟหรือความสว่างใดๆ ที่พอจะทำให้เห็นรายละเอียดของผืนทรายเลย เนื่องจากเดินห่างจากแคมป์ที่พักมาไกลพอสมควร จึงเก็บภาพทางช้างเผือกแบบกว้างๆคู่กับเนินทรายเอาไว้ ได้ภาพทางช้างเผือกแบบเรียบๆ ไม่มีอะไร ถ่ายไปสักพักได้ไอเดียบางอย่าง จึงเป็นที่มาของภาพถัดไป
ทะเลทรายใต้ดวงดาว (มุขเอื้อมเก็บดาว) เนื่องจากเก็บภาพมุมกว้างแล้วดูเรียบ ทรายก็ไม่เห็นริ้วลอนสวยงามเหมือนตอนที่มีแสงจันทร์ ทุกอย่างดูมืดสนิท ขณะนั้นได้ไอเดีย การเอื้อมเก็บดาวขึ้นมา เริ่มแรกก็วิ่งขึ้นไปยืนทำท่าเหมือนเอื้อมเก็บดาว แต่ด้วยดาวดูเล็กและไม่ชัดเจน ตัวคนยืนคว้าดาวก็ดูเล็กเกิน จึงเลือกถ่ายด้วยเลนส์ช่วงกลางๆ ดวงดาวที่ตอนแรกทำท่าคว้าดาวอย่างเดียวไม่เวิร์ค เปลี่ยนมาใช้ไฟฉายแทน ดาวดวงที่เอื้อมไปเก็บมาได้เลยดวงใหญ่กว่าปกติ..ฮ่าฮ่า กว่าจะได้ภาพนี้ วิ่งขึ้นวิ่งลงกดชัตเตอร์ไปหลายภาพพอสมควร บางจังหวะยืนไม่นิ่ง บางอันนิ่ง แต่ท่าไม่สวย ท่าสวยแล้วดูอ้วนไปเพราะใส่เสื้อขนเป็ด สุดท้ายต้องเอาเป็ดออก แล้วไปยืนนิ่งคว้าดาว ได้ดาวดวงมาโตอย่างที่เห็น ถ่ายอยู่นานกว่าจะได้ภาพดังใจ และสุดท้ายดวงตะวันที่วิ่งตามไปเมื่อตอนเย็น ก็ลอยพ้นขอบฟ้าขึ้นมา อรุณสวัสดิ์ยามเช้าอีกรอบ
เรื่อง/ภาพ : ฤทัยรัตน์ พวงแก้ว