TRAVELS

ยลแสงเช้า เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

จุดประสงค์แรกที่ตั้งใจไว้ ก่อนที่จะเดินทางมาเยือนที่นี่ “จุดชมวิวยอดเขาพระยาเดินธง” คือถ่ายภาพทะเลหมอก แต่กว่าจะเคลียร์งาน จัดการคิวได้ลงตัว ก็ล่วงเลยช่วงฝนไปพอสมควร ทำให้อากาศแห้งกว่าที่หวังไว้ ดังนั้น จึงไม่ได้ทะเลหมอกตามที่ต้องการ แต่ก็ได้บรรยากาศสวยๆ แบบอื่นมาแทน ก็คนละฟีลล่ะครับ

ยอดเขาพระยาเดินธง เป็นส่วนหนึ่งของแนวสันเขาที่มีความยาวกว่า 7 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ของอำเภอพัฒนานิคม เมื่อก่อนนี้ยังไม่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ถูกใช้เป็นสนามแข่งจักรยานอยู่บ่อยๆ เนื่องจากทางขึ้นเขากว่า 4 กิโลเมตรนั้น ค่อนข้างขึ้นได้ลำบาก เนื่องจากเป็นทางหินคลุก และผุพังไปตามระยะเวลา จะต้องใช้รถกระบะยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น หรือถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ ก็ต้องใช้แบบเกียร์แมนนวลเท่านั้นครับ แต่ปัจจุบัน เส้นทางขึ้นไปยังจุดชมวิวได้รับการพัฒนาเป็นถนนราดยางราบเรียบ จะมีเฉพาะช่วงก่อนถึงจุดชมวิวเท่านั้น ที่ยังคงเป็นทางลูกรัง ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ผุพังอยู่บ้าง แต่รถเก๋งอย่างพาหนะของผมและทีมงานในครั้งนี้ก็สามารถขึ้นไปได้แบบสบายๆ ครับ

พาหนะของผมและทีมงานเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางรุ่นใหม่ล่าสุด นั่นคือ New Toyota Collola Altis 1.8 Hybrid High ที่ได้รับการพัฒนาโฉมให้ดูโฉบเฉี่ยว สวยงาม และมีความสปอร์ตมากขึ้น โดยมีสโลแกนว่า Make a New High และโดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ Hybrid ที่มีความประหยัดเป็นเลิศทีเดียว รวมทั้งยังอัดแน่นไปด้วยระบบความปลอดภัยต่างๆ มากมายอีกด้วย เมื่อเข้าไปนั่งยังตำแหน่งคนขับ เบาะปรับแบบไฟฟ้าช่วยให้จัดตำแหน่งคนขับได้สะดวก รวมทั้งยังมีปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้าที่ช่วยลดความเมื่อยล้า เมื่อต้องขับทางไกลนานๆ ได้ด้วย เมื่อมองไปด้านหน้า จอแสดงผลการขับขี่ อย่างความเร็ว และการใช้งานระบบ Dynamic Radar Cruise Control จะโชว์ให้เห็นที่กระจกหน้า ช่วยให้ไม่ต้องคอยเหลือบลงมามองที่แผงหน้า เพื่อความปลอดภัยสูงสุดนั่นเอง

ระบบ Dynamic Radar Cruise Control เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผมเปิดใช้งานอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะการขับทางไกลๆ ยาวๆ ซึ่งช่วยให้ประหยัดนํ้ามันได้เป็นอย่างดี แต่ความโดดเด่นที่ผมชอบของฟีเจอร์นี้ก็คือ การควบคุมความเร็วของรถที่แปรผันตามรถคันหน้า ซึ่งบนเส้นทางกลับจากนํ้าตกวังก้านเหลือง มุ่งหน้าสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ผมขับตามรถคันหน้าด้วยความเร็วที่ตั้งระบบไว้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วจู่ๆ รถคันหน้าก็หักหลบไปเลนขวาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีรถที่อยู่เลยด้านหน้าไปอีกขับช้ากว่า พอระบบตรวจจับว่ามีรถคันหน้าที่มีความเร็วตํ่ากว่า ระบบก็จะหน่วงเบรก ให้ความเร็วลดลงแบบรู้สึกได้ว่าระบบกำลังทำงานอยู่ครับ ถือเป็นฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งที่มีอยู่ใน New Toyota Collola Altis 1.8 Hybrid High คันนี้ล่ะครับ

ผมลองทดสอบความแม่นยำของระบบนี้อยู่หลายๆ ครั้ง ทั้งแบบตั้งใจที่จะเข้าไปใกล้ๆ คันหน้า แต่พอปล่อยคันเร่ง ระบบก็จะหน่วงเบรกให้ความเร็วของรถลดลงจนอยู่ในระยะที่ปลอดภัยครับ ความโดดเด่นของระบบนี้คือ ระบบจะโชว์ไอคอนของรถคันหน้าที่จอแสดงผล เมื่อมีรถคันหน้าที่อยู่ในระยะตรวจจับ ซึ่งสามารถตั้งระยะได้ ซึ่งระบบจะโชว์ให้เห็นว่ามีรถอยู่ด้านหน้า เมื่อเข้ามาในระยะที่ตั้งไว้ และจะเริ่มหน่วงเบรก เมื่อรถเข้าใกล้เกินกว่าระยะครับ

ระบบ T-connect Telematics ของ New Toyota Collola Altis 1.8 Hybrid High คันนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผมชื่นชอบ เนื่องจากให้ความสะดวกสบายกับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก อย่างแรกคือ สามารถปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ให้ใช้งานในการเชื่อมต่อต่างๆ จากสมาร์ทโฟนได้ จะท่องโลกอินเตอร์เน็ต จะดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์ ก็สะดวกในทุกๆ ที่ล่ะครับ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เชื่อมต่อกับ Call Center ให้ช่วยค้นหาสถานที่ และปักหมุดให้เสร็จสรรพ ผมก็แค่กดใช้ระบบนำทางให้พาไปจนถึงที่หมายได้อย่างสะดวก โดยที่ผมไม่ต้องมาเสริชหาสถานที่นั้นๆ เอง ซึ่งจะต้องหยุดรถ และเสียเวลาไปโดยใช่เหตุด้วยครับ

New Toyota Collola Altis 1.8 Hybrid High ใช้เครื่องยนต์รหัส 2ZR-FXE ความจุ 1800 ซีซี พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า และเกียร์ E-CVT ให้พละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ตอบสนองการเร่งแซงได้ดี ช่วงล่างปรับเซ็ตมาได้นุ่มหนึบ และเกาะโค้งดีเยี่ยมทีเดียวครับ อีกจุดหนึ่งที่มีมาให้ แต่ผมและทีมงานไม่ได้ใช้ คือที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ซึ่งอยู่ใต้คอนโซลกลาง สะดวกสำหรับผู้ที่มีมือถือที่รองรับกับการชาร์จแบบไร้สายอีกด้วยครับ

หลังจากที่เดินทางมาจนถึงจุดชมวิวยอดเขาพระยาเดินธง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักปฏิบัติธรรมวัดบ้านนา ผมเข้าไปแจ้งความประสงค์ที่จะขอพักแรมค้างคืน เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาดูวิวยามเช้าได้อย่างสบายๆ ผมและทีมงานเลือกพื้นที่บริเวณดงไผ่ริมหน้าผา ซึ่งมีร่องรอยของนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์ก่อนหน้าแล้ว หลังจากที่จัดการกับที่พักเรียบร้อยแล้ว ผมและทีมงาน ก็ตั้งวงจัดการกับอาหารมื้อเย็น ที่เตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะขึ้นมา เราเลือกโขดหินใกล้ๆ หน้าผาเป็นโต๊ะทานมื้อเย็น มองวิวด้านหน้าไปได้ไกลสุดลูกหู ลูกตา อืมมมมมม..อาหารหลักร้อย วิวหลักล้านที่แท้ทรู…..

จุดชมวิวบนยอดเขาพระยาเดินธง ซึ่งมองวิวได้กว้างมาก

ถ้าเป็นวันที่ฟ้าใสๆ จากจุดชมวิวจะมองเห็นเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และทางรถไฟลอยนํ้าได้อย่างชัดเจนทีเดียว แต่ช่วงที่เราไปนั้น ฟ้าค่อนข้างหนาไปด้วยหมอก ทำให้หลายๆ อย่างที่อยู่ไกลออกไปเลือนรางลงไปพอสมควร หลังจัดการกับมื้อเย็นเสร็จสรรพ เราก็คว้ากล้องและขาตั้งกล้องออกไปเก็บแสงเย็น เป็นการประเดิมทริปครั้งนี้ ฝั่งซ้ายของจุดชมวิว ซึ่งต้องเดินผ่านศาลหลวงปู่หิน ที่เป็นผู้บุกเบิกสถานปฏิบัติธรรม และจุดชมวิวแห่งนี้ขึ้นมา

นักท่องเที่ยวจะนิยมขึ้นมาชมวิวในช่วงเช้าๆ ในบางฤดูจะมีทะเลหมอกคลุมพื้นด้านล่างเต็มไปหมด

ถัดจากศาลหลวงปู่หินออกไป เป็นจุดที่ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่ เนื่องจากมีพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ประดิษฐานอยู่ และสามารถมองวิวได้กว้างที่สุดอีกด้วย รวมทั้งมีก้อนหินที่ตั้งโดดเด่นขึ้นมา ให้นักท่องเที่ยวที่ไม่กลัวความสูง ปีนขึ้นไปถ่ายภาพเก็บเป็นความทรงจำดีๆ อีกด้วย

เบื้องหน้าไกลออกไปคือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

หลังจากเสร็จภารกิจในการเก็บภาพแสงเย็น ผมเปิดแอพลิเคชั่นหาทางช้างเผือก ว่าขึ้นมาแล้วหรือยัง เนื่องจากเป็นช่วงปลายๆ ของฤดูกาลถ่ายภาพทางช้างเผือก ที่ช่วงนี้อาจจะเห็นเพียงส่วนหางๆ เท่านั้น เพราะใจกลางทางช้างเผือกจะมาในช่วงหัวคํ่าที่ฟ้ายังไม่มืด จึงไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นจึงได้เพียงส่วนหางๆ เท่านั้น เมื่อได้ตำแหน่งของทางช้างเผือกแล้ว ผมจึงเดินไต่ลงไประหว่างซอกหิน และให้องค์พระฯ ด้านบนเป็นจุดเด่น ใช้ไฟฉายเปิดความสว่างของก้อนหินที่เป็นฉากหน้าเล็กน้อย เพื่อไม่ให้มืดทึบจนเกินไปครับ หลังจากที่ถ่ายภาพกันพอสมควรแล้ว ผมและทีมงานก็กลับที่พัก ไปอาบนํ้าอาบท่าที่ห้องนํ้าของศูนย์ฯ ที่ถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงอย่างเดียวบนยอดเขาแห่งนี้ แต่ก็ถือว่าเพียงพอกับความต้องการของเราแล้วครับ

ในวันเดือนมืด เหมาะที่จะถ่ายภาพทางช้างเผือกด้วยเช่นกัน

เช้าวันใหม่ ผมตื่นขึ้นมาในตอนตี 4 เนื่องจากได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ 3-4 คันวิ่งขึ้นมาใกล้ๆ กับเต็นท์ของเรา เป็นนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาชมหมอกยามเช้านั่นเอง ก่อนที่จะมีทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ ทยอยกันขึ้นมาอีกหลายๆ คัน พื้นด้านล่างไร้เมฆหมอกปกคลุม เพราะสภาพอากาศร้างฝนไปหลายวัน ความชื้นสะสมเลยมีน้อย แต่พอใกล้ๆ ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ท้องฟ้าที่อึมครึมไปด้วยโทนสีฟ้าทึมๆ เริ่มมีแสงสีส้ม แดง ม่วงทาทาบ ผมปรับชิฟท์ไวท์บาลานซ์ ให้ออกโทนส้มแดง เพื่อเพิ่มความอิ่มตัวของสีให้มากขึ้น ก่อนที่จะกดชัตเตอร์อีกชุดใหญ่ๆ จนพระอาทิตย์เริ่มสูง

บรรยากาศในช่วงเช้ามืด ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น

แสงสีเริ่มหายไป ผมก็เก็บกล้องเดินกลับมายังที่จอดรถ ซึ่งมีแม่ค้า ขึ้นมาขายกาแฟ ไข่ลวก ผมและทีมงานก็จัดกันไปคนละชุดล่ะครับ เป็นมื้อเช้า ก่อนที่จะไปอาบนํ้า แต่งตัว เตรียมเดินทางกลับกรุงเทพฯ ครับ

นักท่องเที่ยวจะนิยมขึ้นมาชมวิวในช่วงเช้าๆ ในบางฤดูจะมีทะเลหมอกคลุมพื้นด้านล่างเต็มไปหมด

ช่วงสายๆ แดดเริ่มแผดแสงแรงกล้า ราวกับจะแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของดวงอาทิตย์ แต่ผมและทีมงานก็ไม่ได้หวั่นเกรงแต่อย่างใดครับ เพราะเราอยู่ในรถยนต์ New Toyota Collola Altis 1.8 Hybrid High ที่มีระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติที่เย็นรวดเร็วทันใจอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีเครื่องฟอกอากาศในตัว ที่ช่วยให้เรามีอากาศบริสุทธิ์สูดกันอย่างเต็มปอดระหว่างการเดินทางอีกด้วยครับ

ทริปหน้า เรามีแพลนที่จะเดินทางไปจุดชมวิวอีกแห่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ นั่นคือ ไปล่องเรือชมวาฬ บางตะบูน ส่วนจะไปกับรถยนต์โตโยต้ารุ่นไหนนั้น ติดตามได้ในฉบับหน้านะครับ ..สวัสดีครับ…


การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหมายเลข 1 ถนนมิตรภาพผ่านตัวจังหวัดสระบุรีไปจนถึงพุแค ก่อนที่จะเลี้ยวไปยังเส้นทางหมายเลข 21 เดินทางต่อไปอีกประมาณ 25 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 3333 ขับจากสี่แยก
ไปประมาณ 7 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายตามทางที่ไปยังสำนักสงฆ์เขาพระยาเดินธง ขับตามเส้นทางไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางขึ้นไปจุดชมวิวเขาพนะยาเดินธง ให้ขับตามเส้นทางไปเรื่อยๆ เส้นทางจะสิ้นสุดที่สำนักสงฆ์บนยอดเขา

เรื่อง / ภาพ : กองบรรณาธิการ

ขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด


อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^


ติดตาม FOTOINFO ได้ทั้งรูปแบบนิตยสาร Free Copy, e-magazine ฟรีดาวน์โหลด และช่องทางอื่นๆออนไลน์ได้ที่ ?
Line@ : @fotoinfo
YouTube : Fotoinfo Channel
Website : fotoinfomag.com
e-magazine : issuu.com/fotoinfomagazine


ติดตามเทคนิค ความรู้เรื่องการถ่ายภาพ กิจกรรมถ่ายภาพ และสิทธิประโยชน์มากมาย ส่งตรงถึงคุณ ได้ที่นี่ FotoinfoPlus

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยววิถีไทยที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

https://test2.fotoinfo.online/travels/shooting-destination/