ฉันเชื่อว่าช่วงเวลาในระหว่างการเดินทาง หลายคนคงสังเกตเห็น “ดอกไม้ริมทาง” ที่ปลูกเป็นแถวเป็นแนวสวยงาม ในช่วงเวลาที่สภาพอากาสเหมาะกับการผลิดอกออกผล ดอกไม้เหล่านั้นจะพากันออกดอกบานสะพรั่ง สะกดสายตาคนที่ผ่านไปมาให้หยุดมอง สำหรับคนที่ชื่นชอบอาจมองเหลียวหลังกันเลยทีเดียว
ขึ้นชื่อว่าดอกไม้ริมทาง ส่วนใหญ่ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไป (ดอกไม้ริมทางที่ว่านี้ หมายถึงดอกไม้ที่ปลูกอยู่ริมทางจริงๆ ไม่ได้เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึงสิ่งอื่นใดนะคะ) เนื่องจากดอกไม้ที่ว่านี้ปลูกอยู่ริมทาง ดังนั้นช่วงที่ผ่านไปพบเห็นโดยบังเอิญนั้น อาจจะไม่เหมาะกับการเก็บภาพเสมอไป ทิศทางแสง จังหวะเวลา และสถานการณ์อาจไม่เอื้ออำนวย ความปลอดภัยก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระวัง โดยเฉพาะเส้นทางขนาดใหญ่ รถใช้ความเร็วสูง หรือทางแคบไม่มีไหล่ทาง ไม่ควรจอดรถแบบกระทันหันเพียงเพราะอยากถ่ายภาพ เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ง่ายๆ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีโอกาสเก็บภาพดอกไม้ริมทางที่ว่านี้ เพราะตามสวนสาธารณะ หรือตามเส้นทางเล็กๆ ที่มีความปลอดภัย รถราไม่พลุกพล่าน ก็มีดอกไม้ริมทางให้เราสามารถเก็บภาพได้ไม่ใช่น้อย อย่างชุดนี้ ถ่ายมาจากบริเวณถนนเส้นเล็กๆ บริเวณปากทางเข้าเขื่อนภูมิพลฯ ขับรถเข้าไปเจอโดยบังเอิญ เนื่องจากกิจกรรมที่เรามักจะทำกันในตอนเช้าๆ คือหามุมสงบๆ นั่งดริปกาแฟ เป็นการพักรถ พักสายตา จากการขับรถทางไกลข้ามคืนด้วยระยะเวลายาวนาน
ออกจากกรุงเทพดอนดึก ถึงตากก็ฟ้าสางพอดี ตั้งใจเข้าไปชมวิวสันเขื่อนยามเช้าเพื่อพักรถ พักคน ขณะวิ่งตามทางหลักเข้าไปยังสันเขื่อน มองไปฝั่งตรงข้ามมีศาลาพักเล็กๆ ประกอบกับมีทางแยกให้วิ่งไปได้ จึงเป็นจุดที่พวกเราจะเข้าไปพักจิบกาแฟยามเช้ากัน ปลายทางของถนนที่แยกเข้าไปนั้นเป็นทางตัน จึงค่อนข้างเงียบสงบ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นเรียงรายอยู่ 6-7 ต้น กำลังออกดอกบานสะพรั่งพอดี มุมจิบกาแฟของพวกเรา จึงเปลี่ยนมาอยู่ใต้ต้นไม้แทนศาลาพักร้อนที่หมายตาไว้แต่แรก
จากที่จะพักดริปกาแฟ สมาชิกเปลี่ยนมาเก็บภาพดอกไม้ริมทางกันอย่างสนุกสนาน ถือโอกาสนำเทคนิคการถ่ายภาพดอกไม้ริมทางบางมุมมาฝากท่านผู้อ่าน เผื่อมีโอกาสเจอจังหวะดีๆ แบบนี้แล้วอยากเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกบ้าง โดยแต่ละมุมที่เก็บภาพมาฝากนี้เกิดจากการเลือกใช้เลนส์ที่แตกต่างกัน
สถานที่ตามธรรมชาติที่ไม่ได้จัดไว้เพื่อการถ่ายภาพโดยเฉพาะนั้น ส่วนใหญ่ จะประกอบด้วยหลายสิ่งหลายอย่างที่มักมีผลกับการเก็บภาพ เพียงแค่มองมองด้วยตาเปล่าอาจจะไม่เห็นเพราะส่วนใหญ่สายตาเราก็มักจับจ้องอยู่กับสิ่งสวยงามอย่างเดียว ลืมมองสิ่งรอบข้าง แต่พอหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพ ก็จะพบว่าในมุมที่เรามองด้วยตาเปล่า กับมุมที่จะเก็บภาพนั้นมีความต่างกันพอสมควร
อีกเรื่องหนึ่งที่จะเห็นได้ชัดเจน คือการเลือกใช้ช่วงเลนส์ในการถ่ายภาพ แว๊บแรกอาจจะนึกถึงเลนส์มุมกว้างเก็บภาพดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งสีสันสดสวยตัดกับสีท้องฟ้า เห็นต้นไม้ขึ้นเป็นแถวเป็นแนว เก็บดอกไม้ส่วนที่ร่วงหล่นบนพื้นดินไว้ด้วยในเวลาเดียวกัน เรียกว่าเก็บทุกอย่างไว้ในมุมกว้างๆ เหมือนที่ตาเห็น และเวลาถ่ายก็มักจะปรับไปมุมกว้างสุดๆ เพื่อให้ได้ภาพอย่างที่ตาเห็นนั่นเอง
ซึ่งภาพที่ได้จากการถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้างสุดๆ นี้ ถ้าไม่มีฉากหน้าเป็นจุดเด่นที่สวยงาม ภาพที่ได้ก็จะดู ไม่สวยงามอย่างที่คิด เพราะช่องว่างระหว่างต้นไม้แต่ละต้นจะดูห่างกันกว่าความเป็นจริง ดอกใบกิ่งก้านก็จะดูเล็กและให้ความรู้สึกน้อยกว่าความเป็นจริง
ภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้างมาก ได้ทุกอย่างตามที่ตาเห็น แต่ได้ภาพต่างจากความรู้สึกที่รับรู้ ณ เวลานั้นเพราะเพอร์สเปกทีฟของเลนส์มุมกว้างจะผลักให้ทุกอย่างดูเล็กและดูไกลกว่าความเป็นจริงมาก
เปรียบเทียบกับอีกมุมที่ใช้ช่วงเลนส์เทเลฯในการเก็บภาพ ต้นไม้ก็จะดูแน่น ระยะห่างระหว่างต้นไม้ก็ดูใกล้กัน ยิ่งถ้าใช้ช่วงเทเลฯมาก ก็จะทำให้ต้นไม้ดูใกล้กันมากกว่าความเป็นจริงยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งบางคนก็มักเข้าใจว่า ถ้าเช่นนั้นก็ใช้ช่วงซุปเปอร์เทเลในการเก็บภาพไปเลย ดอกไม้จะได้ดูเยอะๆ แต่ปัญหาของการใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสสูง ถ้าต้องการเก็บภาพดอกไม้ทั้งต้นก็จะต้องถอยออกไปยืนถ่ายภาพจากระยะไกลมาก
ภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ จะทำให้ช่วงห่างของต้นไม้ดูใกล้กันกว่าที่ตาเห็น ต้นไม้ ดอกไม้ จะให้ความรู้สึกเยอะกว่าความเป็นจริง ส่วนใหญ่ถ้าต้องการถ่ายต้นไม้ที่ขึ้นเป็นแถว โดยที่มีต้นไม้จริงๆ ไม่กี่ต้นก็มักจะถ่ายด้วยเลนส์เทเล เพื่อหลอกสายตาหรือครอปตัดบางส่วนที่ไม่น่าสนใจออกไป โดยเฉพาะดอกไม้ริมทาง สิ่งที่มักเป็นปัญหาคือ เสาไฟ สายไฟ ถังขยะ หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่เราไม่สามารถหลบหรือเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางเหล่านั้นได้ ช่วงเลนส์เทเลต้นๆ อย่าง 70-200 mm. มีช่วงยืดหยุ่นให้เราใช้ได้มากพอสมควร อาจถอยหลังไปยืนให้ได้ระยะที่ต้องการแล้วซูมเข้ามาถ่ายครอปเลือกเอาเฉพาะส่วนที่สวยๆ ได้ง่ายกว่าช่วงซูปเปอร์เทเล
ตัวอย่างที่เห็นถ้ายืนในระยะใกล้เคียงกันก็จะถ่ายได้แค่บริเวณโคนต้นเท่านั้น
400 mm. เป็นเลนส์ทางยาวโฟกัสค่อนข้างสูง ถ้าจะถ่ายเก็บทุกส่วนของต้นไม้ จะต้องถอยไปยืนในระยะไกลพอมาก ซึ่งแม้ว่าอาจจะทำได้ แต่มักจะเจอตัวแปรที่เป็นสิ่งกีดขวางอย่างอื่น อย่างภาพนี้ถ้าถอยไปไกล แนวต้นไม้เล็กก็จะบังพื้นล่าง จึงเลือกเปลี่ยนมุมที่นำเสนอ ถ่ายเจาะให้เห็นเฉพาะส่วนของดอกไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นที่แคบๆ อย่างเดียว แทนการถ่ายภาพโดยรวม
“ก็ถอยไปไกลๆ ไม่เห็นยาก” บางท่านอาจคิดเช่นนั้น
แต่ในความเป็นจริงบางสถานที่ก็อาจไม่มีที่ทางให้ถอย หรือถ้าทำได้ส่วนใหญ่ก็ มักจะมีสิ่งกีดขวางต่างๆ นานาเข้ามาเป็นตัวสอดแทรก เช่น เสาไฟ สายไฟ ตู้โทรศัพท์ ป้ายโฆษณา ถังขยะ ฯลฯ หรือ ในภาพตัวอย่างปัญหาคือ ต้นเข็มต้นเล็กๆ ที่ปลูกไว้เป็นแนว เมื่อถอยไปถ่ายจากระยะไกล แนวต้นเข็มจะบังส่วนล่างของพื้นทำให้มองไม่เห็นดอกไม้ที่ร่วงหล่นอยู่ ถ้าเจอข้อจำกัดแบบนี้ก็อาจต้องเปลี่ยนช่วงเลนส์ หรือเปลี่ยนไปเก็บภาพในมุมอื่นแทน
ภาพบน : เก็บภาพด้วยเลนส์ซูมมุมกว้าง แต่ถ่ายที่ช่วงกลาง สองภาพนี้ถ่ายที่ช่วง ประมาณ 35 mm. ระยะห่างของต้นไม้ดูใกล้เคียงกับตาเห็น ปริมาณดอกก็ดูใกล้เคียงกับที่ตาเห็น เก็บภาพเป็นแนวตั้งให้เห็นสภาพโดยรวม เก็บท้องฟ้าต้นไม้ และดอกไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นดิน ส่วนภาพแนวนอนเดินข้ามไปเก็บภาพอีกฝั่งของถนน เพื่อให้เห็นต้นที่ขึ้นเรียงกันเป็นแถวในอีกมุมหนึ่ง
70-200 mm. กับการเลือกแสงเงาถ่ายครอปเน้นบริเวณลำต้นกับดอกไมัที่ล่วงหล่นอยู่ตามพื้นมุมโดยรวม
สำหรับช่างภาพมือใหม่ที่อาจยังไม่รู้จะถ่ายทอด ดอกไม้ริมทางออกมาให้สวยได้อย่างไร ในครั้งหน้าลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะคะ ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องใหญ่เลนส์โต อย่างที่ยกตัวอย่าง แค่กล้องคอมแพคก็สามารถถ่ายภาพได้ เพียงลองปรับซูมเลนส์ไปใช้ในช่วงที่อื่นๆ ดูบ้าง ลองเดินเข้าเดินออกด้วยขาของตัวเองสักหน่อย ก็จะเห็นถึงความแตกต่างของการเลือกใช้ช่วงเลนส์ที่ต่างกัน
ภาพจากเลนส์ 400 mm. กับบรรยากาศการดริปกาแฟ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจอมุมดีๆ สำหรับการเก็บภาพดอกไม้ริมทาง
เรื่อง/ภาพ : ฤทัยรัตน์ พวงแก้ว
หมายเหตุ : ดอกไม้ริมทางในสายตาของแต่ละคน อาจเห็นความสวยงามที่แตกต่างกัน ถ้าเข้าใจความแตกต่างของเลนส์แต่ละช่วง ก็สามารถเลือกใช้งาน ได้ตรงตามความต้องการ