ถือเป็นกล้อง Mirrorless ที่ได้รับการพัฒนาการทำงานมาอย่างตอเนื่อง สำหรับ PEN E-PLseries จนมาถึงรุ่นที่ 8 นั่นคือ Olympus PEN E-PL8 ที่นิตยสารโฟโต้อินโฟได้รับมาทดลองใช้งานในครั้งนี้ ซึ่งมีความโดดเด่นหลายๆ อย่าง อาทิ ออกแบบจอมอนิเตอร์ให้ สามารถปรับพลิกลงด้านล่างเพื่อให้สามารถถ่ายภาพ Self Portrait และตัวกล้องยังมีระบบป้องกันการสั่นไหวที่ช่วยให้ใช้งานกล้องได้อย่างสะดวก แม้จะนำไปถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ หรือเมื่อต้องถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ตํ่าๆ เพื่อบันทึกแสงตามธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องได้อีกด้วย นอกจากนี้ ตัวกล้องยังมีการออกแบบได้อย่างสวยงามอีกด้วย
จุดเด่นของ Olympus PEN E-PL8
- เซ็นเซอร์ Live MOS ฟอร์แมท Micro Four-thirds
- ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- จอมอนิเตอร์ 3 นิ้ว 1,037,000 พิกเซล ระบบสัมผัส, ปรับระดับได้
- ระบบโฟกัส Contrast Detection พร้อมจุดโฟกัส 81 จุด
- ระบบป้องกันการสั่นไหวในตัวแบบ 3 แกน
- ถ่ายภาพต่อเนื่อง 8 ภาพต่อวินาที
- บันทึกวิดีโอ Full HD 1080p
- มี Wi-Fi ในตัว
- ตัวกล้องออกแบบได้สวยงาม
การออกแบบ และประสิทธิภาพการทำงาน
ต้องยอมรับว่า Olympus PEN E-PL8 ได้รับการออกแบบตัวกล้องที่สวยงามลงตัว โครงสร้างตัวบอดี้หลักๆ นั้นเป็นสีเงิน แต่หุ้มตัวบอดี้ด้านหน้าด้วยหนังสีขาว สีดำ และสีนํ้าตาลให้เลือกตามความชอบและรสนิยมของแต่ละบุคคล รวมทั้งออกแบบให้ปรับจอมอนิเตอร์พับลงมาด้านล่างเพื่อถ่ายภาพ Selfies ตามสมัยนิยมอีกด้วย ซึ่งจอมอนิเตอร์มีขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1,037,000 พิกเซล และปรับควบคุมด้วยระบบสัมผัส โดยการพับจอลงมาด้านล่างนั้นก็เพื่อให้สามารถใช้ฮอทชูด้านบนตัวกล้องกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น แฟลชเฉพาะกิจ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่มีมาให้ในกล่องไปพร้อมๆ กันได้ด้วย
Olympus PEN E-PL8 ยังคงใช้เซ็นเซอร์แบบ Live MOS ฟอร์แมท Micro Four-Thirds เช่นเดียวกับกล้อง Mirrorless หลายๆ รุ่นของโอลิมปัส มาพร้อมมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ให้ภาพที่มีความคมชัด สีสันสดใส และถ่ายทอดรายละเอียดได้เป็นอย่างดี ตัวกล้องตอบสนองการใช้งานที่รวดเร็วฉับไว จากประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล TruePic VII ซึ่งนอกจากจะทำให้กล้องมีการทำงานที่รวดเร็วแล้วยังช่วยให้ได้ไฟล์ภาพคุณภาพสูง มีความคมชัดและมีสีสันอิ่มตัว และมีการจัดการ Noise หรือจัดการกับสัญญาณรบกวนได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเป็นการถ่ายภาพด้วยความไวแสงสูง หรือการตั้งถ่ายภาพด้วยการเปิดชัตเตอร์นานๆ แบบ Long Exposure ก็ตาม ซึ่งไฟล์ภาพที่ได้ยังคงคมชัด ใสเคลียร์ และมีสีสันที่ถูกต้องสมจริง
Olympus PEN E-PL8 มีระบบป้องกันการสั่นไหวในตัว ซึ่งเป้นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของกล้อง Mirrorless ทั้งตระกูล OM-D และ PEN โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการสั่นไหวเป็นแบบ 3 แกน ครอบคลุมทั้งการสั่นไหวในแนวระนาบ หรือแนวนอน และแนวตั้งหรือแนวดิ่งด้วย ช่วยให้ถ่ายภาพโดยใช้ความเร็วชัตเตอร์ได้ตํ่ากว่าปกติถึง 3.5 สตอป ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ โดยไม่ใช้แฟลช หรือขา ตั้งกล้อง เพื่อเก็บบรรยากาศของแสงธรรมชาติในขณะนั้น หรือเมื่อต้องถ่ายภาพในสถานที่ที่มีแสงน้อย รวมทั้งสถานที่ที่ห้ามใช้แฟลชหรือขาตั้งกล้องอีกด้วย
หนึ่งในฟังก์ชั่นที่โดดเด่นของ Olympus PEN E-PL8 นั่นคือมีระบบโฟกัสที่รวดเร็วฉับไวจากจุดโฟกัสทั้งหมด 81 จุด ครอบคลุมการถ่ายภาพทั้งแนวนอนและแนวตั้ง สามารถเลือกรูปแบบโฟกัสได้ทั้งทีละจุด แบบกลุ่ม หรือแบบอัตโนมัติทุกจุด พร้อมทั้งเลือกขนาดของกรอบ โฟกัสให้เหมาะสมกับพื้นที่โฟกัสได้ นอกจากนี้ยังเลือกรูปแบบ Smile Shutter ได้ด้วย ซึ่งมีการตอบสนองการโฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำ การเลือกจุดโฟกัส สามารถทำได้ทั้งการเลือกจากแป้นควบคุมแบบ 4 ทิศทางด้านซ้าย จากนั้นกดแป้นซ้าย-ขวา หรือขึ้น-ลง เพื่อเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการ หรือเลือกรูปแบบ Touch AF โดยแตะไปยังจุดที่ต้องการโฟกัสได้เลย และสามารถเลือกแบบ Touch Shutter โดยการแตะจุดโฟกัสที่ต้องการ ซึ่งกล้องจะทำการปรับโฟกัสให้ชัด พร้อมลั่นชัตเตอร์ถ่ายภาพอัตโนมัติอีกด้วย
จอมอนิเตอร์ออกแบบให้พับลงมาได้ถึง 180 องศา ช่วยให้ถ่ายภาพ Selfies ได้ง่ายขึ้น
Olympus PEN E-PL8 มี Wi-Fi ในตัว รองรับการเชื่อมต่อและโอนถ่ายข้อมูลต่างๆ ผ่าน Wi-Fi โดยสามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย ผ่านแอพลิเคชั่น Olympus Image Share ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ทาง App Store ของระบบปฏิบัติการ iOS และ Play Stroe ของระบบปฏิบัติการ Android และติดตั้งลงใน Smartphone หรือ Tablet ซึ่งหลังจากเขื่อมต่อแล้ว ก็สามารถโอนถ่ายภาพ หรือควบคุมการถ่ายภาพจาก Smartphone หรือ Tablet ได้อีกด้วย
สำหรับการเชื่อมต่อ ทำได้แสนง่ายดาย โดยแตะที่สัญลักษณ์ Wi-Fi ที่มุมบนซ้ายของจอมอนิเตอร์ และกล้องจะเข้าสู่โหมดการเชื่อมต่อ พร้อมแสดง QR Code ที่จอมอนิเตอร์ จากนั้นเพียงแค่เปิดแอพลิเคชั่น แล้วแตะเลือกการตั้งค่าอย่างง่ายดายที่ด้านล่างของจอสมาร์ทโฟน เลือกสแกน QR Code แล้วนำกล้องของ Smartphone หรือ Tablet มาสแกน QR Code ที่ตัวกล้องเท่านั้นก็สามารถเชื่อมต่อกันได้แล้ว หรือถ้าหากว่าต้องการต่อผ่าน Wi-Fi ปกติ ก็สามารถใส่พาสเวิร์ดที่กล้องโชว์ข้างๆ QR Code ก็ได้เช่นกันครับ
หลังจากเชื่อมต่อแล้ว ก็สามารถเลือกควบคุมการถ่ายภาพจากสมาร์ทโฟน หรือเลือกควบคุมกล้องแบบรีโมทคอนโทรล, นำเข้าภาพ, แก้ไขภาพ หรือ Tag Location ลงในภาพ การควบคุมการถ่ายภาพแบบรีโมทคอนโทรล มีความโดดเด่นที่สามารถปรับเปลี่ยนค่าการถ่ายภาพได้ เช่นเดียวกับที่ตัวกล้อง และที่โดดเด่นเหนือแอพลิเคชั่นกล้องอื่นๆ สามารถเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพได้อีกด้วย นอกเหนือจากการควบคุมค่าอื่นๆ อาทิ ความเร็วชัตเตอร์, รูรับแสง, ไวท์บาลานซ์, การชดเชยแสง, การเลือกจุดโฟกัส, การเลือกถ่ายภาพแบบ Touch AF Shutter รวมทั้งการปรับซูมเลนส์ที่สมาร์ทโฟน เมื่อใช้งานกับเลนส์ตระกูล EZ อีกด้วย
นอกจากโหมดถ่ายภาพต่างๆ แล้ว Olympus PEN E-PL8 ยังมีโหมดที่ช่วยสร้างสรรค์ภาพที่โดดเด่นเฉพาะตัวจาก Art Filter หลักๆ อีก 14 รูปแบบ เช่น Pop Art ปรับสีสันให้สดใสมากขึ้น, Soft Focus ปรับโทนภาพให้ฟุ้งแบบนุ่มนวลชวนฝัน, Grainy Film เป็นโทนภาพขาวดำ ซึ่งกล้องจะปรับภาพให้หยาบขึ้น มองเห็นเกรนของภาพได้ชัดเจน หรือ Pin Hole ปรับขอบภาพให้มืดลง เป็นต้น นอกจากนี้ แต่ละแบบยังเลือกปรับเพิ่มเอฟเฟคต์พิเศษอย่างกรอบภาพแบบต่างๆ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบพิเศษ นั่นคือ Photo Story ที่สามารถเลือกบันทึกภาพเพื่อสร้างเรื่องราวลงในเฟรมเดียวกันได้ โดยเลือกรูปแบบของการสร้าง story หรือ Theme ของเรื่องราวได้ 5 รูปแบบ อาทิ มาตรฐาน เป็นการเลือกผสมผสานรูปแบบเฟรมภาพได้หลายแบบ, ซูม เข้า/ซูมออก เป็นการรวมชอทต่างๆ ที่มีมุมมองแตกต่างกันทั้งระยะมุมกว้างและระยะเทเลโฟโต้, สปีด เป็นการถ่ายความต่อเนื่องโดยการเลื่อนนิ้วไปตามเฟรมในหน้าจอ, เฟรมหรรษา เป็นการเลือกผสมสผานรูปแบบภาพหลายๆ แบบ และเลย์เอ้าท์ เป็นการจัดวางภาพเรียงกันแบบอัลบั้ม ซึ่งรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ ช่วยให้ใช้งานกล้องได้สนุกสนานมากขึ้น
ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจอื่นๆ
Olympus PEN E-PL8 ปรับตั้งความไวแสงเองได้ตั้งแต่ ISO200-25600 สามารถปรับใช้งานแบบออโต้ ซึ่งเป็นการให้กล้องปรับตั้งความไวแสงให้ตามความเหมาะสมกับสภาพแสงขณะนั้น ทางด้านไวท์บาลานซ์ปรับตั้งได้แบบออโต้เช่นเดียวกัน และเลือกปรับตั้งตามสภาพแสงได้ 7 แบบ ปรับตั้งแบบ Preset ได้ 4 แบบ ส่วนการบันทึกวิดีโอนั้น บันทึกด้วยคุณภาพ Full HD 1080p สามารถกดบันทึกได้จากปุ่มบันทึก วิดีโอที่แยกออกมาให้ใช้งานได้อย่างสะดวกที่ด้านหลังตัวกล้อง นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานในระบบแฟลชไร้สายสำหรับการใช้งานที่ซีเรียสมากขึ้นด้วย โดยเลือกปรับตั้งการใช้งานได้จากเมนูการทำงานหลัก และสามารถปรับเลือกโหมดแฟลช รวมทั้งเลือกปรับเพิ่มหรือลดกำลังแฟลช ได้อีกด้วย
Olympus PEN E-PL8 มีรูปแบบการควบคุมการทำงานแบบง่ายๆ แต่ถือว่าโดดเด่นสำหรับมือใหม่ นั่นคือฟังก์ชั่น Live guide ที่มีเมนูการทำงานซ่อนอยู่ข้างๆ จอมอนิเตอร์ เลือกใช้งานได้โดยแตะเลือกเมนูนั้นให้โชว์ขึ้นที่จอมอนิเตอร์ จากนั้นก็เลือกปรับตั้งรูปแบบต่างๆ ตามความต้องการ อาทิ ปรับโทนของภาพ, ปรับสีสันของภาพ , ปรับความสว่างของภาพ หรือปรับชัดลึกชัดตื้น เป็นต้น ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งานกล้องก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายทีเดียว
การใช้งาน
กล้อง Olympus PEN E-PL8 เลนส์ M.Zuiko 14-42 มม. F3.5-5.6EZ ED MSC โหมด iAuto ชัตเตอร์ 1/60 วินาที, f/4.1, ISO400, WB: Auto
ในวันที่ไปงานเปิดตัวกล้อง Olympus PEN E-PL8 นั้น ผมเองไม่ค่อยได้จับเล่นตัวกล้องเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเห็นตัวจริงก็รู้สึกชื่นชอบการออกแบบที่สวยงามของตัวกล้อง โดยมีสีสันของหนังที่นำมาหุ้มตัวกล้องให้เลือกใช้งาน 3 แบบคือ สีขาว, สีดำ และสีนํ้าตาล โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบสีขาวที่มีส่วนของกริปด้านหน้า และปุ่มปลดเลนส์ที่หุ้มด้วยหนังสีนํ้าตาลอ่อน ดูโดดเด่นมากขึ้นไปอีก
ตัวกล้องออกแบบให้สามารถพับจอลงมาด้านล่างได้ 180 องศา ซึ่งเหมาะสำหรับถ่ายภาพ Selfies ส่วนด้านบนตัวกล้องนั้นเป็นตำแหน่งของฮอทชู พร้อมช่องเชื่อมต่อการทำงานที่สามารถใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้เป็นปกติในขณะที่ Selfies ต่างจากการปรับจอขึ้นมาทางด้านบน ที่อุปกรณ์เสริมบนออทชูจะไม่สามารถใช้งานได้ รวมทั้งไม่สามารถปรับจอได้ถึง 180 องศาอีกด้วยนั่นเอง ส่วนข้อด้อยของการพับจอลงทางด้านล่างก็คือไม่สะดวกกับการใช้งาน เมื่อต้องติดกล้องเข้ากับขาตั้งกล้องนั่นเอง แต่การ Selfies ปกติ ก็ถือกล้องด้วยมืออยุ่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหากับการใช้งานมากนักครับ
ตัวกล้องมาพร้อมกับเลนส์คิท M.Zuiko 14-42 มม. F3.5-5.6EZ ED MSC เมื่อไม่ใช้งานจะมีขนาดที่เล็กพอสมควร สะดวกกับการพกพาไปใช้งานในสถานที่ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เมื่อเปิดสวิชท์กล้อง ตัวเลนส์จะยืดยาวออกมาอีกเล็กน้อย ปรับซูมเลนส์ด้วยระบบไฟฟ้าจากวงแหวนที่ตัวเลนส์ให้ความนุ่มนวลดีทีเดียว
บนแป้นปรับโหมดถ่ายภาพมีให้เลือกใช้งานได้ทั้งโหมด iAuto ที่กล้องจะประเมินรูปแบบการถ่ายภาพของผู้ใช้ และปรับตั้งค่าการทำงานให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ซึ่งเท่าที่ได้ลองใช้งานนั้น ตัวกล้องตอบสนองได้เป็นอย่างดี มีการคำนวณค่าแสงที่แม่นยำ โดยผมลองปรับจอ สำหรับถ่ายภาพ Selfies เมนูต่างๆ จะโชวที่หน้าจอโดยอัตโนมัติ เช่น ไอคอนบันทึก Snap Movies ที่กล้องจะบันทึกวิดีโอ Selfies เป็นคลิปสั้นๆ 4 วินาทีต่อคลิป สามารถบันทึกหลายๆ คลิป หลายๆ รูปแบบ แล้วนำมารวมเป็นวิดีโอส่วนตัวได้อย่างง่ายดายจากเมนูบนตัวกล้อง หรือจะลองเลือกไอคอน e-Portrait ที่กล้องจะปรับความเนียนใสให้ใบหน้า และสามารถปรับเพิ่มควาสว่างของภาพได้อีกด้วย ซึ่งเท่าที่ได้ลองแล้ว เนียนจนเขินตัวเองทีเดียวล่ะครับ แต่ก็ไม่ถึงขนาดเนียนเวอร์จนเป็นผิวพลาสติกครับ สาวๆ น่าจะชอบทีเดียว
ถ่ายภาพ Selfies ด้วยโหมด iAuto ภาพที่ได้มีความคมชัด แต่ดูนุ่มนวล และใสเนียนมากขึ้นกล้อง Olympus PEN E-PL8 เลนส์ M.Zuiko 14-42 มม. F3.5-5.6EZ ED MSC โหมด iAuto ชัตเตอร์ 1/60 วินาที, f/4, ISO800, WB: Auto
ส่วนการถ่ายภาพปกตินั้น iAuto ก็ยังคงตอบสนองการใช้งานได้ดีเช่นเดิม โดยยังคงคำนวณรูปแบบและตั้งค่าได้อย่างเหมาะสมครับ ผมลองถ่ายภาพดอกไม้ในระยะใกล้ๆ กล้องจะปรับโหมดและรูปแบบการถ่ายภาพเป็นโหมดถ่ายภาพใกล้ หรือมาโคร ผมลองเปลี่ยนไปเล็งใบหน้าน้องในที่ทำงาน กล้องก็ปรับโหมดเป็นโหมดถ่ายภาพบุคคลโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็สำหรับมือใหม่ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้งานกล้องที่ยังไม่ชำนาญ ในการปรับตั้งมากมายนัก แต่ก็ช่วยให้ได้ภาพที่สวยงามอย่างง่ายดายทีเดียว
และไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งแก้ไขค่าที่กล้องตั้งให้ได้ด้วยฟังก์ชั่น Live Guide ซึ่งฟังก์ชั่นนี้ มีให้เลือกใช้งานในกล้องโอลิมปัสทั้งตระกูล PEN และตระกูล OM-D ซึ่งใช้งานและปรับควบคุมตัวกล้องได้สะดวกทีเดียว โดยดูจากรูปแบบที่ต้องการปรับตั้ง และตั้งค่าไปตามลักษณะภาพที่แสดงผลจริงแบบ Live View ซึ่งสะดวกมากทีเดียว โดยตัวเมนูจะซ่อนอยู่ข้างๆ จอมอนิเตอร์เวลาที่ผมต้องการใช้งาน ก็ให้แตะที่ไอคอนบนจอมอนิเตอร์ หรือจะกดปุ่ม Fn2 ก็ได้เช่นกัน จากนั้นก็แตะรูปแบบที่ต้องการปรับตั้ง กล้องจะโชว์สเกลของการปรับตั้ง ผมก็ปรับไปตามที่ต้องการ โดยในขณะปรับตั้งก็สามารถดูผลของภาพจริงบนจอมอนิเตอร์ พอใจแค่ไหนก็กดปุ่ม OK เท่านั้นเองครับ สะดวกมากทีเดียว และรูปแบบ Live Guide ยังใช้งานกับโหมดถ่ายภาพปกติได้อีกด้วย ไม่ใช่เฉพาะ iAuto เพียงอย่างเดียวครับ
โหมด HDR ช่วยให้เก็บรายละเอียดในส่วนมืดและสว่างได้ดีขึ้น เมื่อต้องถ่ายภาพในสภาพที่แสงมีความแตกต่างกันมากๆ หรือมีคอนทราสต์จัดมากนั่นเอง
ฟังก์ชั่นที่โดดเด่นของ Olympus PEN E-PL8 ที่ผมถือว่าเอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานมากทีเดียว นั่นคือระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ 3 แกน ที่ช่วยให้ถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ตํ่ากว่าปกติถึง 3.5 สตอป ตอบสนองการถ่ายภาพได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือเอียงกล้องด้วย เรียกได้ว่าตอบสนองการใช้งานโดยการถือกล้องด้วยมือได้ในทุกท่วงท่าเลยล่ะครับ ช่วยให้ผมถ่ายภาพได้คมชัด แม้จะถือกล้องด้วยความเร็ว ชัตเตอร์ที่ตํ่ากว่าปกติ
ทางด้านคุณภาพไฟล์ของกล้อง Olympus PEN E-PL8 ถือได้ว่ายังคงยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับกล้องตระกูล PEN หรือ OM-D ซึ่งให้ความคมชัดและให้สีสันที่อิ่มตัวมากทีเดียว ถึงแม้ว่าจะถ่ายด้วยเลนส์คิทก็ตาม ผมลองถ่ายภาพไล่ไปตั้งแต่ความไวแสงตํ่าสุด คือ ISO200 ไปจน ถึงสูงสุด ISO25600 ซึ่งไฟล์ภาพที่ได้มีความคมชัด และถ่ายทอดรายละเอียดได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ความไวแสงตํ่าสุดไปจนถึง ISO3200 ส่วนที่ ISO6400 และ ISO12800 ภาพจะดูหยาบนิดหน่อยและความคมชัดลดลงเล็กน้อยแต่สีสันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี ก็ถือว่ายอมรับได้สำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปครับ ส่วนที่ ISO25600 ภาพจะดูหยาบลง ความคมชัดลดลง รวมทั้งการถ่ายทอดรายละเอียดต่างๆ ลดลงไปพอสมควรครับ
กล้อง Olympus PEN E-PL8 เลนส์ M.Zuiko 14-42 มม. F3.5-5.6 EZ ED MSC โหมด M ชัตเตอร์ 1/160 วินาที, f/8, ISO200, WB: Daylight
สำหรับผู้ที่ต้องการอัพโหลดภาพไปยังโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คต่างๆ นั้น Olympus PEN E-PL8 มี Wi-Fi ในตัว ซึ่งช่วยให้โอนถ่ายภาพไปยังสมาร์ทโฟนหรือแทปเล็ตได้อย่างสะดวกโดยผ่านแอพลิเคชั่น Olympus Image Share ซึ่งผมเองติดตั้งไว้ในสมาร์ทโฟนที่ใช้งานเป็นปกติอยู่แล้ว การเชื่อมต่อกับตัวกล้องทำได้ง่ายมาก โดยแตะที่สัญลักษณ์ Wi-Fi ที่จอมอนิเตอร์ และกล้องจะโชว์หน้าต่าง QR Code ที่จอมอนิเตอร์ จากนั้นเปิดแอพลิเคชั่นที่สมาร์ทโฟน แตะที่ด้านล่างของจอในตำแหน่งการเชื่อมต่ออย่างง่ายดาย จากนั้นตัวแอพลิเคชั่นจะให้เลือกสแกน QR Code แตะเลือกสแกนแล้วเอากล้องของสมาร์ทโฟนไปอ่านค่าที่ QR Code บนตัวกล้องและกดเชื่อมต่อเมื่ออ่านค่าได้แล้วเท่านั้นเอง
จุดเด่นของแอพลิเคชั่นนี้คือสามารถควบคุมการถ่ายภาพได้จากสมาร์ทโฟน ซึ่งข้อแตกต่างกับแอพลิเคชั่นของกล้องอื่นๆ ที่ผมชอบมากคือสามารถเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพที่แอพลิเคชั่นได้ด้วย นอกเหนือจากการเปลี่ยนค่าอื่นๆ เช่น รูรับแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ความไวแสง, ไวท์บาลาลานซ์ เป็นต้น ซึ่งช่วยให้ควบคุมการทำงานของกล้องได้อย่างอิสระทีเดียวครับ หรือเมื่อเชื่อมต่อแล้วจะเลือกโอนถ่ายภาพเข้าไปยัง สมาร์ทโฟนเพื่ออัพโหลดต่อไปยังโซเชี่ยลต่างๆ เพียงอย่างเดียวก็ได้เช่นกันครับ
จุดเด่นอย่างหนึ่งของแอพลิเคชั่น Olympus Image Share คือ สามารถเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพผ่านแอพลิเคชั่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปหมุน เปลี่ยนที่ตัวกล้อง รวมทั้งยังสามารถปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ได้อีกด้วย
สรุปผลการใช้งาน
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกล้อง Mirrorless ขนาดกะทัดรัด พกพาง่ายๆ และมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม เสริมบุคลิกให้กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี และตอบสนองการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งระดับมือใหม่ มือสมัครเล่น ไปจนถึงระดับที่ซีเรียสแบบมืออาชีพ มีฟังก์ชั่นการทำงานระดับมืออาชีพมากมาย ออกแบบแป้นและปุ่มปรับควบคุมต่างๆ ให้ใช้งานได้สะดวกและง่ายดาย มีโหมดถ่ายภาพครบครัน ทั้งในระดับ Advanced ที่สามารถปรับควบคุมการทำงานของกล้องเองทั้งหมด หรือโหมดออโต้ และ Scene Mode ที่ให้ใช้งานได้ง่ายๆ รวมทั้งลูกเล่นเอฟเฟคต์ต่างๆ อย่าง Art Filter อีกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งกล้อง Olympus PEN E-PL8 ถือเป็นกล้องที่น่าสนใจรุ่นหนึ่งเลยทีเดียวครับ
ขอบคุณ บริษัท โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับความอนุเคราะห์กล้องและเลนส์ที่ใช้ในการทดสอบ
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.olympusimaging-th.com
เรื่อง/ภาพ : พีร วงษ์ปัญญา
อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^
หรือสนใจดูรีวิวรุ่นอื่นๆ ได้ที่นี่
https://test2.fotoinfo.online/reviews-previews/reviews-reviews