กรุงเทพฯ 12 กุมภาพันธ์ 2564 — แคนนอนขอขอบคุณผู้ใช้งานที่เป็ นส่วนหนึ่งในความสำเร็จครั้งยิ่ งใหญ่ ฉลองก้าวสำคัญครั้งประวัติ ศาสตร์ในการผลิตเลนส์ RF และ EF *1 ที่ใช้สำหรับกล้องถ่ ายภาพแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ตระกูล EOS ทะลุ 150 ล้านตัวเมื่อเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา โดยรุ่นที่ผลิตเป็นตัวที่ 150 ล้าน คือ เลนส์ซูมเทเลโฟโต้ RF70-200mm F2.8L IS USM ที่เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิ กายน 2562 พร้อมกันนี้แคนนอนหวังเป็นอย่ างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุ นจากผู้ใช้งาน เพื่อร่วมกันสร้างสถิติในครั้ งต่อไปด้วยกันอย่างไม่หยุดยั้ง
ทั้งนี้การผลิตเลนส์ RF และ EF สำหรับกล้อง SLR ที่มาพร้อมระบบออโต้โฟกัสตระกูล EOS ของแคนนอน เริ่มขึ้นในปี 2530 ณ โรงงานของแคนนอนที่อุตสึโนมิยะ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เลนส์ RF และ EF ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากผู้ใช้กล้องในหลากหลายกลุ่ มจนทำให้สามารถขยายฐานการผลิ ตรวมเป็น 4 แห่ง ประกอบด้วย แคนนอน ญี่ปุ่นแคนนอน ไต้หวัน แคนนอน ออปโต้ มาเลเซีย และแคนนอน โออิตะ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น
.
ในปี 2538 มียอดผลิตเลนส์ตระกูล EF ครบ 10 ล้านชิ้น และก้าวเข้าสู่ 50 ล้านชิ้นในปี 2552 โดยในเดือนเมษายน ปี 2557 แคนนอนได้ฉลองความสำเร็ จในการผลิตเลนส์แบบถอดเปลี่ ยนได้ครบ 100 ล้านชิ้นเป็นรายแรกของโลก และล่าสุดกับการทำลายสถิติ ยอดการผลิตเลนส์แบบถอดเปลี่ ยนได้ด้วยการผลิตเลนส์ตระกูล RF และ EF ได้ถึง 150 ล้านชิ้นในเดือนมกราคมปี 2564 หากนำเลนส์ RF และ EF ที่แคนนอนได้ผลิตนับตั้งแต่อดี ตถึงปัจจุบัน *2 ทั้งหมดมาต่อกันจะมี ความยาวประมาณ 12,450 กิโลเมตร ซึ่งมีขนาดเกือบเท่าเส้นผ่านศู นย์กลางของโลกที่มี ความยาวประมาณ 12,742 กิโลเมตรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เลนส์ EF ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ เฉพาะของแคนนอนที่ได้รับการเปิ ดตัวมาพร้อมกับระบบกล้อง EOS SLR ในปี 2530 ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีอย่ างต่อเนื่องหลังจากการเปิดตัว ทำให้แคนนอนได้ขึ้นเป็นผู้ นำในตลาด จากการนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีที่ หลากหลายมาประกอบรวมกัน อาทิ การนำเทคโนโลยีมอเตอร์แบบอัลตร้ าโซนิค (Ultrasonic Motor; USM) มาใช้เป็นรายแรกของโลก3 เทคโนโลยีการป้องกันภาพสั่นไหว (Image Stabilizer; IS) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสั่ นไหวของกล้อง รวมถึงชิ้นเลนส์ DO (Diffractive Optical) ที่มีการหักเหของแสงสูงมาใช้ เพื่อให้เลนส์มีขนาดเล็ กและเบาลง
.
และในปี 2561 แคนนอนก็ได้เปิดตัวระบบ EOS R System และเลนส์ตระกูล RF นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จอย่ างต่อเนื่องที่มาพร้อมคุณภาพที่ สูงขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “รวดเร็ว สะดวกสบาย พร้อมให้ภาพที่คุณภาพสูง (Speed, Comfort and High Image Quality)” โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์เลนส์ตระกู ล RF และ EF มีจำนวนมากกว่า 118 รุ่น4 ขยายขีดจำกัดของการถ่ายภาพให้ กว้างขึ้น สร้างความได้เปรียบในการแข่งขั นจากการนำเสนอเลนส์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แคนนอนคงความเป็นผู้นำ โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็ นอันดับหนึ่งในตลาดกล้องดิจิ ตอลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้มาต่ อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 17 ปี5 ตั้งแต่ปี 2546 และในเดือนกันยายน 2562 แคนนอนก็ได้เฉลิมฉลองครบ 100 ล้านชิ้นในการผลิตกล้ องแบบถอดเปลี่ยนได้ของตระกูล EOS มาแล้วเช่นกัน
.
“แคนนอนยังคงมุ่งมั่นที่จะพั ฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพ โดยมุ่งเน้นการนำเสนอเลนส์ RF และ EF สู่ท้องตลาด พร้อมตอบสนองความต้องการของนั กถ่ายรูปทุกรูปแบบ ตั้งแต่กลุ่มมือสมัครเล่นจนถึ งมืออาชีพ ควบคู่ไปกับการมอบประสบการณ์ และส่งเสริมสังคมคุณภาพของการถ่ ายรูปและวีดีโอ”
*1 ประกอบด้วย เลนส์ EF, EF-S, RF, EF-M, EF Cinema และอุปกรณ์ขยายระยะเลนส์ เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2564
*2 คำนวณตามความยาวของตัวเลนส์ จากการสำรวจของแคนนอน