ถึงแม้จะเป็นการถ่ายรูปวิวทั่วๆ ไป แต่พอมีคนเข้ามา ก็จะช่วยให้เรื่องราวของรูปนั้ นเดินต่อไปได้อีก อย่างภาพนี่ที่ตอนแรกผมก็ถ่ายวิ วมุมนี้แค่ 2-3 ช็อต และก็คิดว่าพอแล้วแล้วล่ะ
.
แต่พอดีมีเรือแล่นออกมาจากแนวต้ นไม้ที่อยู่ฝั่งซ้าย และแล่นช้าๆ ไปยังด้านขวาของภาพ ผมก็เลยหันกลับมาถ่ายรูปซีนนั้ นต่ออีกพักใหญ่ๆ ซึ่งถ้าหากไม่มีเรือ ไม่มีคน ซีนนี้ก็คงจบลงแค่วิวภูเขาริมอ่ างน้ำ ที่มีแนวเขาซ้อนๆ ไล่กันออกไปเท่านั้นล่ะครับ
.
พอมีคน มีเรือเข้ามา มันก็เลยทำให้คิดว่าใต้เวิ้งน้ำ นั่นน่าจะอุดมสมบูรณ์อยู่ไม่น้ อย จนทำให้นักตกปลาต้องเดิ นทางมาลอยเรือตกปลาที่นี่ และถ้าดูจากลีลาของนักตกปลา ที่เป็นการตกปลาแบบเหวี่ยงเหยื่ อออกไป แล้วลากกลับเข้ามา ซึ่งภาษาของนักตกปลา จะเรียกว่า ตีเหยื่อปลอม วิธีนี้เป็นการตกปลาที่เป็ นปลานักล่า ก็ชวนให้คิดต่อไปอีกว่า น่าจะมีพวกปลาชะโด ปลาช่อน หรือปลากระสูบอยู่ชุกชุมแน่ๆ ครับ
การเพิ่มคนเข้าไปในเฟรม ยังสื่อถึงการเปรียบเทียบตั วคนกับสถานที่นั้นๆ ด้วย ทำให้รู้เลยว่าสถานที่นั้น ใหญ่โต มโหราฬแค่ไหนโดยไม่จำเป็นต้องมี คำอธิบายอีกด้วย
.
คราวหน้า ลองรอจังหวะ เลือกช่วงเวลา หรือเข้าไปเป็นแบบซะเอง เพื่อสร้างเรื่ องราวในภาพของเราดูนะครับ
.
กล้อง Sony A7 II เลนส์ Sony FE 70-300mm F4.5-5.6G OSS โหมด M ชัตเตอร์ 1/125 วินาที f/11, ISO 200, WB: Auto
.
เรื่อง/ภาพ : พีร วงษ์ปัญญา