OTHER REVIEWS

Reviews : OLYMPUS OM-D E-M10 Mark III

ต้องยอมรับว่า Olympus OM-D E-M10 Mark II เป็นกล้องที่ได้รับความนิยมสูงมากในตลาดบ้านเรา ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ ราคาไม่สูง แต่ให้ระบบการทำงานมาเยอะมาก คุณภาพไฟล์ดี การออกแบบทำได้สวยงามลงตัว ขนาดกะทัดรัดและนํ้าหนักเบา และก็ถึงเวลาที่กล้องยอดนิยมรุ่นนี้จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพ ระบบการทำงาน และความคล่องตัวในการใช้งานได้ดีขึ้นไปอีกขั้น เพื่อให้เป็นกล้องมิเรอร์เลสระดับ Entry Level ที่สมบูรณ์แบบทั้งประสิทธิภาพและการใช้งาน ด้วยชื่อรุ่นที่ทุกท่านคงทราบกันดี OM-D E-M10 Mark III

จุดเด่นของ OLYMPUS OM-D E-M10 Mark III

  • กล้องขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมระบบกันสั่น 5 แกน
  • Live Mos 16 MP
  • ถ่ายภาพได้อย่างคมชัดไม่สั่นเบลอ
  • ฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่าย
  • Super Fast AF
  • โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
  • การออกแบบที่คลาสสิก
  • ระบบวิดีโอ 4K

ประสิทธิภาพและการออกแบบ

รูปลักษณ์ภายนอกยังคงออกแบบคล้ายกับรุ่น OM-D EM10 Mark II ทั้งโครงสร้างและการจัดวางปุ่มปรับต่างๆ ตัวกล้องมีขนาดเล็ก กะทัดรัด ส่วนของกะโหลกกล้องมีขนาดค่อนข้างเล็ก ออกแบบได้สวยลงตัว วางแฟลชป๊อปอัพไว้ด้านบน เปิดการทำงานด้วยสวิทซ์ on/off โดยต้องผลักก้านสวิทซ์ให้ขึ้นไปสุด แฟลชในตัวจะดีดตัวขึ้นมา แป้นปรับโหมดออกแบบใหม่ ด้านข้างทำเป็นขอบนูน เซาะร่องลายจุดนูนให้เกาะนิ้ว ปรับได้สะดวก โดยไม่มีสวิทซ์ล็อกแป้น แต่ตั้งความหนืดมากำลังดี โอกาสที่แป้นจะหมุนโดยไม่ตั้งใจน่าจะเป็นไปได้ยาก

แป้นควบคุมด้านหน้าและด้านหลังวางคู่กันในตำแหน่งเดิม ปรับความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงได้ถนัดมาก ปุ่มลั่นชัตเตอร์วางอยู่ด้านในแป้นควบคุมด้านหน้ามีขนาดใหญ่ ยกนูนขึ้นมา ให้ความรู้สึกที่ดีในการกดชัตเตอร์ ปุ่มปรับต่างๆ ออกแบบให้กดได้สะดวกขึ้นด้วยการทำปุ่มให้นูนกว่าเดิม ปุ่ม Fn1 และ Fn2 กำกับหน้าที่การทำงานไว้เลย โดยปุ่ม Fn1 จะทำหน้าที่ซูมขยายภาพ ปุ่ม Fn2 ทำหน้าที่เป็นปุ่มล็อกความจำแสง/ล็อกโฟกัส ส่วนปุ่มShortcut ด้านซ้ายเป็นปุ่มลัดเข้าเมนู (ปุ่ม Fn3 ในรุ่นเดิม)ปุ่มบนแป้นสี่ทิศทางถูกกำหนดให้ทำหน้าที่ต่างๆ มาเลย ดังนี้คือ ปุ่มด้านบนปรับ ISO ปุ่มขวาปรับระบบแฟลช ปุ่มซ้ายเลือกพื้นที่โฟกัส ปุ่มล่างปรับโหมด Drive ด้านในเป็นปุ่ม OK เพื่อยืนยันการปรับตั้ง ผมชอบการออกแบบเช่นนี้มากกว่า เพราะสะดวกและไม่เกิดความสับสน  ถ้าต้องการปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงานของปุ่ม Fn1 และ Fn2 ผู้ใช้ก็สามารถโยกย้ายเปลี่ยนให้ปุ่มทำหน้าที่ตามต้องการได้

ด้านข้างเป็นบานพับด้านในเป็นพอร์ตต่อสาย HDMI แบบ Micro และพอร์ต USB  ช่องใส่การ์ดวางอยู่ด้านล่าง ติดๆ กับช่องใส่แบตเตอรี่ จอ LCD มีขนาด 3.0 นิ้ว พับจอเงยขึ้นได้ 90 องศา และก้มจอลงได้ 45 องศา ทำให้การถ่ายภาพมุมสูงหรือมุมตํ่า ทำได้สะดวก  จอ LCD เป็นระบบทัชสกรีนเช่นเดิม สามารถ Touch AF และ Touch Shutter และสามารถใช้เลือกฟังก์ชันถ่ายภาพในแบบต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งสะดวกและง่ายขึ้นกว่ารุ่นเดิมมาก ช่องมองภาพ EVF มีความละเอียด 2.36 ล้านจุด ขนาดภาพในช่องมองค่อนข้างใหญ่ คมชัดและให้คอนทราสต์สูง สีสันสดใส ส่วนของสีดำ ดำสนิท มองภาพได้สบายตา เห็นข้อมูลชัดเจนและสามารถปรับแก้สายตาได้ โครงสร้างของกล้องรุ่นนี้แข็งแรงดีครับ แม้จะเป็นกล้องระดับ Entry Level ที่ไม่ได้ใช้โครงสร้างแข็งแกร่งแบบกล้องเซมิโปร แต่โดยรวมผมพอใจกับโครงสร้าง งานการผลิต วัสดุฝีมือการประกอบค่อนข้างมาก ดูแข็งแรงแน่นหนาและประณีตเกินราคาครับการจับถือก็ทำได้น่าพอใจ แม้จะมีขนาดเล็กมาก แต่ก็สามารถจับถือได้ถนัดมือดี ให้สมดุลดีมาก หากใช้กับเลนส์ทั่วๆ ไป แต่อาจจะหนักหน้าบ้างเมื่อใช้กับเลนส์ M ZUIKO DIGITAL 7-14 mm. f/2.8 Pro


กล้องขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมระบบกันสั่น 5 แกน  OM-D EM-10 Mark III พัฒนาระบบลดการสั่นไหวในตัวกล้องแบบ 5 แกนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 สตอป ทำให้สามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์ตํ่าได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อไม่ใช้ขาตั้งกล้อง จึงเป็นกล้องพกพาที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีเลิศ และระบบลดความสั่นไหวแบบ 5 แกน ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะบันทึกเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอ

Live Mos 16 MP  ความละเอียดยังคงเป็น 16 ล้านพิกเซลเช่นเดิม แต่ด้วยการพัฒนาหน่วยประมวลผลภาพใหม่ TruePic VIII ทำให้ได้คุณภาพสูงขึ้นทั้งรายละเอียดและสัญญาณรบกวนที่น้อยกว่า

ถ่ายภาพได้อย่างคมชัดไม่สั่นเบลอ  OM-D E-M10 Mark III ใช้ระบบกันสั่นที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เมื่อเทียบกับกล้องในคลาสเดียวกัน โดยใช้ระบบกันสั่นแบบ 5 แกนในตัวกล้อง ลดการสั่นไหวได้ทุกรูปแบบของการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายพอร์ตเทรต แลนด์สเคป หรือมาโคร ทำให้สามารถใช้งานในสภาพแสงน้อยได้อย่างดีเยี่ยม เพิ่มโอกาสได้ภาพที่คมชัดได้มากกว่า โดยสามารถลดการสั่นไหวของกล้องได้ถึง 4 สตอป และสามารถลดการสั่นไหวในแนวหมุน (Roll)  ซึ่งระบบกันสั่นในเลนส์ไม่สามารถทำได้ นอกจากนั้นยังสามารถใช้ระบบกันสั่นกับเลนส์อะไรก็ได้ แม้แต่เลนส์มือหมุนรุ่นเก่าๆ  และนอกจากจะใช้กับการบันทึกภาพนิ่งแล้ว ระบบกันสั่นของกล้องรุ่นนี้ยังสามารถใช้กับการบันทึกวิดีโอ 4K ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ภาพเคลื่อนของวิดีโอ 4K คมชัด นุ่มนวล ราบลื่น ปราศจากการสั่น  และด้วยการประมวลผลผ่านโปรเซสเซอร์ TruePic III  การลดความสั่นไหวจึงมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม

ฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่าย  OM-D E-M10 Mark III ออกแบบให้เป็นกล้องที่ใช้งานง่าย คล่องตัวและรวดเร็ว โดดเด่นด้วยการใช้จอ LCD แบบทัชสกรีนที่ตอบสนองได้รวดเร็ว และทำงานได้เต็มรูปแบบ ทั้งเลือกจุดโฟกัส สั่งบันทึกภาพทันทีที่โฟกัสได้จากการแตะหน้าจอ ปรับเปลี่ยนค่าการปรับตั้งต่างๆ ของกล้องและเลื่อนภาพ ขยายภาพ ย่อภาพได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับการใช้สมาร์ทโฟน จอ LCD สามารถปรับมุมมองได้ โดยปรับเงยได้ 90 องศา ก้มได้ 45 องศา ช่วยให้ถ่ายภาพมุมสูงและมุมตํ่าได้สะดวก จอ EVF ของกล้องรุ่นนี้ช่วยให้การมองภาพ จัดองค์ประกอบภาพในสภาพแสงจัดจ้าทำได้ดี โดยจอ EVF มีความละเอียดสูงถึง 2.36 ล้านจุด แสดงภาพได้ 100% เห็นภาพตรงกับภาพที่ได้จริงทั้งเฟรมภาพ ค่าแสง สีสัน และเอฟเฟ็กต์ต่างๆ

OM-D E-M10 Mark III มีแฟลชในตัว ช่วยให้สามารถบันทึกภาพตัวแบบกับฉากหลังที่สวยงามได้ง่ายๆ แม้จะมีค่าแสงแตกต่างกันมาก กล้องรุ่นนี้มีปุ่มลัดที่ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเมื่อกดปุ่มลัด กล้องจะแสดงฟังก์ชั่นสำคัญต่างๆ บนหน้าจอ ผู้ใช้สามารถเข้าไปปรับตั้งได้อย่างรวดเร็วด้วยการแตะหน้าจอที่ฟังก์ชั่นซึ่งต้องการปรับตั้ง ก็สามารถปรับเปลี่ยนค่าได้ทันที ง่ายและรวดเร็วมาก

Super Fast AF OM-D E-M10 Mark III ได้มีการพัฒนาระบบออโตโฟกัสให้มีประสิทธิภาพสูงด้วยการใช้ระบบตรวจจับคอนทราสต์ที่มีพื้นที่โฟกัสกว้าง ครอบคลุมทั่วเฟรมภาพ โดยมีจุดโฟกัสมากถึง 121 จุด (เหมือนกับ E-M1 Mark II)  การโฟกัสจึงทำได้รวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนั้นยังสามารถเลือกพื้นที่โฟกัสได้อีก 2 รูปแบบ คือ แบบจุดเดียว และแบบกลุ่ม (9จุด)  เพื่อให้ผู้ใช้เลือกเจาะจงพื้นที่การโฟกัสได้ตามต้องการ การย้ายจุดโฟกัสทำได้ง่ายด้วยการแตะหน้าจอ  กล้องจะย้ายจุดโฟกัสและโฟกัสที่ตำแหน่งใหม่ให้ทันทีและที่น่าสนใจคือ เมื่อแตะหน้าจอเพื่อย้ายจุดโฟกัส ผู้ใช้สามารถเลือกพื้นที่โฟกัสให้กว้างหรือแคบได้ตามต้องการ โดยด้านขวามือบนหน้าจอ LCD จะมีแถบให้สไลด์ เลือกขนาดของกรอบโฟกัสได้ โดยการย้ายจุดโฟกัสกล้องจะใช้ขนาดของกรอบโฟกัสตามที่ผู้ใช้เลือก แต่ถ้ากดปุ่ม OK หรือเปิดการทำงานของกล้อง กล้องจะกลับไปใช้พื้นที่โฟกัสที่ผู้ใช้เลือกแต่แรก (จากการกดปุ่มเลือกพื้นที่โฟกัส แล้วเลือกค่า)  นอกจากนั้นกล้องรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบโฟกัสแบบตรวจจับใบหน้า/ดวงตา  โดยจะทำการค้นหาในหน้าของตัวแบบที่อยู่ใกล้ และโฟกัสไปยังดวงตาของตัวแบบ จึงมั่นใจได้ว่าภาพจะคมชัดในจุดสำคัญของการถ่ายภาพบุคคล และนอกจากจะมีฟังก์ชั่น Touch AF แล้วยังมีฟังก์ชั่น Touch Shutter จึงช่วยให้สามารถบันทึกภาพได้รวดเร็วด้วยการแตะหน้าจอที่ซับเจกต์หลักเท่านั้น

OM-D E-M10 Mark III มีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงถึง 8.5 ภาพ/วินาที  สามารถจับจังหวะที่ดีที่สุดของภาพแอคชั่นได้อย่างไม่พลาด แม้การเคลื่อนไหวจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที

โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติเต็มรูปแบบ  เพื่อให้รองรับการใช้งานของมือสมัครเล่นที่ต้องการความง่ายในการใช้งานแต่ยังคงให้ภาพที่สวยงาม OM-D E-M10 Mark III จึงใส่โหมดถ่ายภาพสำเร็จรูปมาให้เต็มรูปแบบ ทั้งโหมด Auto , Scene , Advanced photo และโหมด Art filter  โดยตั้งค่าเป็นออโต้ จึงใช้งานได้ง่ายแต่ให้ผลอย่างที่ต้องการ  โดยในโหมด Auto กล้องจะปรับตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพฉากและสภาพแสง ผู้ใช้เพียงแค่กดชัตเตอร์ ระบบกันสั่น 5 แกน จะทำงานอัตโนมัติเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด และโปรเซสเซอร์ TruePic VIII จะวิเคราะห์การเคลื่อนไหว สภาพแสง แล้วจัดการให้ได้ภาพที่สวยงามอย่างอัตโนมัติ

scene เป็นโหมดที่ออกแบบโปรแกรมสำเร็จให้เลือกใช้ถึง 6 ธีม โดยรวมโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีลักษณะคล้ายกันไว้ในธีมเดียวกัน เพื่อให้เข้าถึงระบบที่ต้องการได้ง่าย และเลือกโหมดที่เหมาะสมได้รวดเร็ว โหมด Advanced Photo เป็นระบบที่ช่วยให้การถ่ายภาพด้วยเทคนิคชั้นสูงแบบมืออาชีพเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆ ก็ทำได้จากกล้องรุ่นนี้ เช่น Live Composite บันทึกการเคลื่อนที่ของดวงดาวเป็นเส้นแสงบนท้องฟ้าที่สวยงามยามคํ่าคืน หรือบันทึกเส้นแสงไฟของรถยนต์ โดยสามารถเห็นภาพได้ในแบบเรียลไทม์ขณะกำลังบันทึกภาพ โหมด Multi Exposure ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพซ้อนได้ง่ายๆ โหมด Live Time ถ่ายภาพแสงไฟต่างๆ ในสภาพแสงน้อยหรือในที่มืด หรือการลากแสงไฟเป็นเส้นสวยงาม โดยสามารถเห็นภาพได้ขณะกำลังบันทึกภาพ  โหมด HDR ให้คุณสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้ทุกส่วนแม้ค่าแสงจะแตกต่างกันมาก  โหมด Panorama ถ่ายภาพเพื่อนำไปรวมเป็นภาพพาโนรามาได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง  โหมด Silent Shooting จะช่วยให้คุณบันทึกภาพโดยปราศจากเสียงรบกวน  โหมด Keystone Compensation ช่วยให้สามารถปรับอาการลู่เอียงของภาพได้  โหมด Focus Bracketing เพื่อให้คุณสามารถเลือกตำแหน่งโฟกัสที่ดีที่สุดได้ง่ายๆ โดยกล้องจะขยับจุดโฟกัสทีละน้อยแล้วถ่ายภาพต่อเนื่องให้  นอกจากนั้นกล้องรุ่นนี้ยังมาพร้อม Art Filter เพื่อสร้างสรรค์ภาพถ่ายด้วยเอฟเฟกต์ต่างๆ มากมาย ซึ่งมีให้เลือกใช้ถึง 15 แบบ รวมทั้งเอฟเฟกต์ใหม่ Bleach Bypass ที่จะฟอกสีเหมือนกับการตัดต่อภาพยนต์  โดย Type 1 จะสร้างผิวโลหะให้เป็นประกายให้ภาพถ่ายดูเย็นตา ส่วน Type II ให้ภาพที่ดูอ่อนโยน กลมกลืนเหมือนภาพยนตร์เก่าๆแบบเซลลูลอยด์

การออกแบบที่คลาสสิก  OM-D E-M10 Mark III ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เป็นกล้องที่ใช้งานง่าย คล่องตัว และควบคุมได้สะดวกแม้คุณจะเพิ่งเริ่มใช้กล้องแบบถอดเปลี่ยนเลนส์เป็นครั้งแรก ตัวกล้องมีกริปที่ช่วยจับถือได้ถนัดทั้งด้านหน้าตัวกล้องและด้านหลังตัวกล้อง แป้นควบคุมหน้าหลังมีขนาดใหญ่  ปุ่มต่างๆ ออกแบบให้กดใช้งานได้ง่าย

กล้องมีขนาดเล็กและมีนํ้าหนักเพียง 410 กรัม (รวมแบตเตอรี่และการ์ด) สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ทุกเวลาโดยไม่เป็นภาระ และยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่คลาสสิค รวมทั้งมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้กล้องดูโดดเด่นอย่างมีสไตล์ด้วยแจ็กเก็ตหนังแท้และฝาครอบเลนส์หนังแท้

ระบบวิดีโอ 4K  ความโดดเด่นของ OM-D E-M10 Mark III ในส่วนของวิดีโอคือมันขยับจาก Full HD เข้าสู่โลกของ 4K แล้ว  โดยสามารถบันทึกวิดีโอ 4K / 30p ด้วยบิตเรทถึง 100mbps ให้ภาพที่คมชัด รายละเอียดสูง ส่วนฟอร์แมต Full HDมีเฟรมเรทสูงสุด 60p ให้ภาพเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีโหมด Clips บันทึกวิดีโอเป็นคลิปสั้นๆ แล้วนำมารวมกันเป็นวิดีโอคลิปเดียวในตัวกล้อง และยังมีโหมด HS บันทึกวิดีโอด้วยเฟรมเรทสูงแล้วนำมา play ด้วยเฟรมเรทปกติ  ให้ภาพ Slow motion ที่น่าตื่นตา ตื่นใจได้ง่ายๆ


ผลการใช้งาน

กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 7-14mm F2.8 Pro ; 1/125 Sec f/5 , WB : 6500K , ISO 1600

ผมได้รับกล้องรุ่นนี้มาก่อนการเปิดตัวมาประมาณ 10 วัน ได้นำไปใช้งานร่วมกับเลนส์ M ZUIKO DIGITAL 7-14mm. f/2.8 PRO , M ZUIKO DIGITAL 12-40mm.f/2.8 PRO , M ZUIKO DIGITAL 40-150mm.f/2.8 PRO, M ZUIKO DIGITAL 45mm.f/1.8 และ MC14 (TC 1.4X)  ในการจับถือและควบคุมกล้องรุ่นนี้ทำได้ดี ขนาดที่เล็กกะทัดรัดของมัน ยังคงจับถือได้ดีด้วยการออกกริปที่ดี ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้มั่นใจในการถือกล้อง และยังคงควบคุมการทำงานของกล้องได้ดี แป้นควบคุมด้านหน้าและด้านหลังมีขนาดใหญ่ถูกใจมาก ออกแบบสายเซาะร่องที่ขอบวงแหวนใหม่ เกาะนิ้วกว่าเดิม ปรับได้ถนัดมือมาก แป้นปรับโหมดก็เช่นกัน ปรับได้สะดวก และตั้งนํ้าหนักมาดีมาก ไม่หนืดเกินไม่ลื่นเกิน ปุ่ม Fn1 และ Fn2 ออกแบบให้นูนกว่าเดิม กดใช้สะดวกขึ้น เช่นเดียวกับปุ่ม REC ของวิดีโอที่กดได้สะดวกกว่าเดิม ปุ่ม 4 ทิศทางถูกกำหนดหน้าที่ให้ชัดเจนและก็เป็นฟังก์ชั่นที่ต้องใช้บ่อยๆ อยู่แล้ว ผมจึงพอใจกับ การใช้ปุ่ม 4 ทิศทางมาก และที่ชอบมากคือ ปุ่มลัดที่เคยเป็นปุ่ม Fn3 ในกล้องรุ่นเดิม  ออกแบบให้เข้าฟังก์ชันสำคัญได้เร็ว  นอกจากนั้นยังสามารถปรับการทำงานของปุ่ม OK ให้สามารถแสดงแถมเมนูของฟังก์ชันได้ทั้งแบบเดิม  และสามารถเปลี่ยนเป็นแสดงฟังก์ชันเต็มรูปแบบเหมือนใช้ปุ่มลัดก็ได้  โดยสามารถเลือกได้ว่าจะแสดงเฉพาะโหมด P,A,S,M  หรือ แสดงในโหมด Art Fitter  หรือ  Advanced Photo ก็ได้

การย้ายจุดโฟกัสด้วยทัชสกรีนและการที่สามารถเปลี่ยนขนาดจุดโฟกัสได้ด้วยทัชสกรีนทำให้ใช้งานได้เร็วและโฟกัสแม่นยำมาก  กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 45mm. f/1.8 ; 1/500 Sec f/1.8 , Mode : M, WB : Auto , ISO 200

ระบบทัชสกรีนของกล้องรุ่นนี้ใช้งานดีมาก ตอบสนองได้รวดเร็ว สามารถทัชสกรีนได้เต็มรูปแบบทำให้การปรับตั้งค่าต่างๆ รวดเร็ว  ระบบ Touch  Shutter  ก็ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็ว ทำให้การบันทึกแบบสแนปทำได้เร็ว การแสดงสีบนหน้าจอ  LCD  ก็ทำได้ดี สีสันสดใส สวยงาม และคมชัด และยังมองได้ค่อนข้างชัดเจนแม้ใช้งานกลางแจ้ง

ช่องมอง EVF มีคุณภาพน่าพอใจ  ให้ภาพในช่องมองคมชัด Time Lag ค่อนข้างตํ่า  การแสดงสีของช่องมอง EVF ใกล้เคียงกับจอ LCD ทำให้เมื่อเปลี่ยนการมองภาพจากจอ LCD ไปยังช่องมอง EVF สีจะไม่โดดเหมือนกล้องหลายๆรุ่น  และสีที่ได้ก็ใกล้เคียงไฟล์จริง

ระบบกันสั่น 5 แกนช่วยให้ได้ภาพคมชัดโดยไม่ต้องดัน ISO สูงเกิน  กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 45mm. f/1.8 ; 1/20 Sec f/2 , Mode : M, WB : Auto , ISO 800

ระบบกันสั่น 5 แกน  คือจุดเด่นของกล้องรุ่นนี้  ประสิทธิภาพในการทำงานดี  น่าประทับใจ  ผมลองใช้กับเลนส์ 45mm. f/1:8  พบว่าสามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/15  วินาทีอย่างหวังผลได้  กับเลนส์ 7-14mm. สามารถใช้ความเร็ว 1/2 วินาที  อย่างหวังผลได้  ช่วยให้สามารถทำงานในสภาพแสงน้อยได้อย่างน่าพอใจ  อาจจะยังทำได้ไม่เท่ากับ OM-D E-M1 Mark II  แต่เมื่อพิจารณาจากราคาขายและระดับชั้นแล้ว  สิ่งที่กล้องรุ่นนี้นำได้นับว่าดีมากครับสำหรับการลดการสั่นไหวของภาพ

กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 40-150mm F2.8 Pro + MC 14 ; 1/2000 Sec f/4 , Mode : M, WB : Auto , ISO 200

ระบบออโตโฟกัสทำงานได้รวดเร็วมากครับเมื่อใช้ในโหมด S-AF การตอบของโฟกัสดีมาก  โฟกัสได้เร็วและแม่นยำ กับเลนส์ M ZUIKO DIGITAL 40-150mm. f/2.8 PRO  เมื่อแตะปุ่มชัตเตอร์โฟกัสวิ่งเข้าเป้าได้อย่างรวดเร็ว น่าพอใจ ส่วนโหมด  C-AF การทำงานอยู่ในระดับพอใช้  สำหรับมือสมัครเล่นแนะนำให้ใช้ระบบ C-AF Tracking  โดยกล้องจะล็อกโฟกัสและติดตามวัตถุเคลื่อนที่อัตโนมัติ  ทำให้ใช้งานได้สะดวก

ระบบโฟกัสไว้ใจได้แม้ถ่ายโคลศอัพ  กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 45mm. f/1.8 ; 1/60 Sec f/2.2 , Mode : M, WB : Auto , ISO 800

ในส่วนของคุณภาพไฟล์ OM-D E-M10 Mark III ทำได้ดีมาก  ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลมาพร้อมกับรายละเอียดที่น่าพอใจ  ภาพมีความคมชัดสูงแม้กับไฟล์ JPEG รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน  ที่ ISO 200 และ 400  ภาพมีความคมชัดสูง  สัญญาณรบกวนแทบไม่ปรากฏ  ที่ ISO  800  รายละเอียดลดลงเล็กน้อยเท่านั้น  ความคมชัดของภาพยังน่าพอใจ สัญญาณรบกวนมีบ้างแต่รับว่าน้อยมาก  ที่ ISO 1600  รายละเอียดลดลงจากการทำงานของระบบลดสัญญาณรบกวน  แต่ภาพยังมีคุณภาพดีเพียงพอสำหรับการใช้งานระดับอาชีพ  ที่ ISO 3200 ความคมชัดและรายละเอียดลดลงแบบสังเกตได้  แต่ผลที่ได้ก็ยังน่าพอใจเมื่อเทียบกับมาตรฐานของฟอร์แมต Micro Four Thirds (หรือแม้แต่ APS-C)  ภาพยังนำไปใช้งานจริงจังได้

ให้รายละเอียดดีมากแม้กับไฟล์ JPEG ที่ ISO 800  กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 45mm. f/1.8 ; 1/20 Sec f/2 , Mode : M, WB : Auto , ISO 800

ให้สีผิวดี สีสันสดใสและภาพใสน่าพอใจ กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 45mm f/1.8 ; 1/400 Sec f/1.8 , Mode : M, WB : Auto , ISO 200

การถ่ายทอดสีทำได้ดีครับ ภาพไม่ติดเหลือง สีสันสดใส  ในการใช้งาน หากเป็นการถ่ายภาพบุคคล  ผมจะตั้ง Picture Mode ที่ Natural  แต่การถ่ายภาพรูปแบบอื่นจะตั้งที่ i–Enhance  ซึ่งจะให้สีสันสดใส คอนทราสต์สูงขึ้น การไล่โทนสีทำได้ดี  ภาพใสเคลียร์น่าพอใจ

เปรียบเทียบกับรุ่นเดิม ความแตกต่างมีเล็กน้อยครับ การจัดการกับสัญญาณรบกวนดีขึ้นเล็กน้อย  รายละเอียดของไฟล์ JPEG ดีขึ้นเล็กน้อย และให้สีที่ผมชอบมากกว่าเล็กน้อย

ในส่วนของภาควิดีโอนั้น OM-D  E-M10 Mark III พัฒนาจากรุ่นเดิมไปมาก  ไฟล์ 4K ให้รายละเอียดสูงขึ้น 4 เท่าจากรุ่นเดิม ภาพคมชัด รายละเอียดสูงขึ้นชัดเจน  ส่วนโหมด HS นั้นก็น่าจะถูกใจผู้ใช้ส่วนใหญ่ ให้คุณภาพ Slow motion ได้ง่ายๆ  โดยได้คุณภาพดีทีเดียวครับ

แฟลชในตัวทำงานได้แม่นยำ ใช้บาลานซ์ค่าแสงได้สะดวก  กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 7-14mm f/2.8 Pro ; 1/125 Sec f/5.6 , Mode : M, ISO 1600

กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 7-14mm F2.8 Pro ; 1/100 Sec f/5.6 , WB : Auto , ISO 1600 ใช้แฟลช


ความเห็น 

กล้อง Olympus OM-D E-M10 Mark III  เลนส์ M Zuiko Digital 7-14mm F2.8 Pro ; 1/20 Sec f/5 , WB : Auto , Mode : M, ISO 400

OLYMPUS OM-D  E-M10 Mark III เป็นกล้องระดับสมัครเล่นที่มีระบบการทำงานโดดเด่นมากรุ่นหนึ่ง  ให้ฟีเจอร์ต่างๆ มาเทียบเท่ากล้องระดับเซมิโปรแล้วครับ  เป็นกล้องที่ควรพิจารณาหากกำลังจะเริ่มต้นกับกล้องถอดเปลี่ยนเลนส์ได้

แนะนำเลยครับสำหรับ OM-D E-M10 Mark III

 

ขอบคุณ บริษัท  โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด  สำหรับความอนุเคราะห์ กล้องและเลนส์ที่ใช้ในการทดสอบ
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.olympusimaging-th.com

เรื่อง / ภาพ : อิสระ เสมือนโพธิ์

อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^


หรือสนใจดูรีวิวรุ่นอื่นๆ ได้ที่นี่
https://test2.fotoinfo.online/reviews-previews/reviews-reviews