แสงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการถ่
ไปเรียนรู้เคล็ดลับการจัดการกั บแสงในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้ถ่ายภาพสวยได้ทุกครั้ งตามที่ต้องการ
1. Midday Sun แสงแดดแรงในช่วงเที่ยงวัน
แสงแดดในตอนกลางวัน เป็นหนึ่งในประเภทของแสงที่ท้ าทายที่สุดในการถ่ายภาพ การถ่ายภาพในสภาพที่แสงอาทิตย์ ตั้งฉากส่องแสงลงมาตรงๆแแบบนี้ จะทำให้เกิดเงาแข็ง แก้ไขได้ยาก หากถ่าย portrait จะทำให้เกิดเงาแข็ง และชัดเจนบริเวณใต้ดวงตา ช่างภาพส่วนมากพยายามหลีกเลี่ ยงการถ่ายภาพในช่วงเวลาเที่ยงๆ แบบนี้
หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ มีวิธีที่ง่ายที่สุดในการจั การกับแสงประเภทนี้คือการฟิ ลแฟลช fill flash หรือใช้แสงแฟลชลบเงา สามารถทำได้ทั้งการใช้แฟลชในตั วกล้อง และแฟลชเสริม หรือหากไม่มีแฟลชอาจใช้แผ่นสะท้ อนแสงช่วยลบเงาออกจากบริเวณที่ ไม่ต้องการให้เกิดเงา แต่อาจจะให้ผลที่ด้อยกว่าการใช้ แฟลช
2. Bright Overcast Skies แสงสว่างปริมาณมากบนท้องฟ้า
การถ่ายภาพให้มีส่วนของท้องฟ้ าติดอยู่ในภาพถ่าย ไม่ว่าจะเป็นฉากหลังหรือให้เป็ นจุดเด่นในภาพ หากช่างภาพได้ช่วงเวลาที่แสงดี หรือวัดแสงได้ถูกต้องก็ สามารถได้ภาพถ่ายสวยไม่ยาก แต่สภาพแสงบนท้องฟ้าเป็นอีกหนึ่ งปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ หากท้องฟ้ามีแสงสว่างต่างกับวั ตถุอื่นๆในภาพมากๆ การอ่านค่าแสงของกล้องอาจผิ ดพลาดและทำให้ภาพถ่ายที่ได้ ออกมาอันเดอร์ (underexposure) ภาพได้รับแสงน้อยกว่าปรกติ ทำให้ภาพมืดและมองไม่เห็ นรายละเอียด
วิธีที่ง่ายที่สุดและนิ ยมนำมาใช้จัดการกับปัญหานี้คื อการใช้ฟิลเตอร์ ND แบบครึ่งซีก ด้วยคุณสมบัติในการลดปริมาณแสง จะช่วยให้ช่างภาพควบคุมปริ มาณแสงในภาพถ่ายได้เท่ากัน ท้องฟ้ายังคงสดใส ส่วนอื่นๆก็ได้รับแสงที่ถูกต้อง รายละเอียดชัดเจน ฟิลเตอร์ ND มีให้เลือกปรับค่าแสงได้ หลากหลาย ช่างภาพและมือใหม่ควรศึ กษาและหาซื้อติดตัวไว้ใช้งาน
3. Backlight ถ่ายภาพย้อนแสง
ภาพย้อนแสงเกิดขึ้นเมื่อวางตํ าแหน่งวัตถุหลักที่ต้องการถ่ ายภาพเอาไว้ด้านหน้าแหล่งกำเนิ ดแสง กล้องจะอ่านค่าแสงที่พื้นที่สว่ างด้านหลัง ทำให้ภาพที่ได้ออกมาเป็นเงาทึ บหรือที่เรียกว่าซิลลูเอท - silhuoette หรือ อาจจะกลายเป็นภาพที่ได้รับแสงน้ อยกว่าปรกติ (อันเดอร์)
การแก้ปัญหานี้สามารถทำได้ สองวิธีคือ เปลี่ยนมาใช้ระบบวัดแสงเฉลี่ ยหนักกลางภาพ (Center-weighted metering) หรือวัดแสงเฉพาะจุด (spot metering) หรืออีกวิธีหนึ่งคือใช้วิธีฟิ ลแฟลชเข้าไปที่วัตถุ หรือใช้แสงสว่างจากไฟถ่ ายภาพประเภทอื่นๆช่วยเปิดเงาวั ตถุก็ได้เช่นกัน
4. Low light การถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย
การถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย เป็นภาพถ่ายที่มีเอกลักษณ์เป็ นของตัวเอง โดยเฉพาะกับการถ่ายภาพ Landscape ที่ต้องการระยะชัดลึกสูง (Depth of Field) ซึ่งต้องใช้รูรับแสงแคบ แต่ในสภาพความเป็นจริงไม่ สามารถทำได้ หากต้องการใช้รูรับแสงแคบจริ งๆจะต้องชดเชยด้วยการใช้ความเร็ วชัตเตอร์ต่ำมาก ซึ่งไม่สามารถถือถ่ายด้วยมื อเปล่าได้ต้องวางกล้องบนขาตั้ งกล้อง
หากไม่ได้พกขาตั้งกล้องติดตัว อีกวิธีหนึ่งที่นำมาใช้แก้ปั ญหานี้คือการใช้ค่าความไวแสง iso สูงๆแทน กล้องถ่ายภาพทั้งดีเอสแอลอาร์ และมิลเลอร์เลสรุ่นใหม่ๆมีประสิ ทธิภาพสูงมาก แม้จะใช้งานที่ความไวแสงสูงๆ เช่น iso 3200, 6400 ก็ยังให้ภาพถ่ายที่ดี มีคุณภาพสูง มีสัญญาณรบกวน noise ต่ำ เก็บรายละเอียดของภาพได้ครบถ้วน
5. The Golden Hour
Golden Hour เป็นช่วงเวลาสั้นๆของวันก่ อนพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า และหลังพระอาทิตย์ตกตอนเย็น ซึ่งจะให้สภาพของแสงบนท้องฟ้าที่ สวยงาม ช่างภาพจำนวนมากรอคอยที่จะถ่ ายภาพในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะกับช่างภาพสาย Landscape การถ่ายภาพในช่วงเวลานี้ก็มีข้ อควรระวังเช่นกัน
การปรับตั้งค่ากล้องเพื่อให้ ได้ค่าพอดีอาจจะทำได้ยาก เพราะสภาพของแสงสว่างบนท้องฟ้ าที่มากกว่าจะทำให้ภาพด้านหน้ าเกิดเงาทึบ หรือมืด ช่างภาพบางคนอาจจะชอบภาพในลั กษณะนี้เพราะสามารถเก็บสีสั นบนท้องฟ้าได้ครบ แต่บางสถานการณ์ก็อาจทำให้ภาพที่ ดูไม่เป็นธรรมชาติ ขาดองค์ประกอบที่ทำให้ภาพมี ความน่าสนใจ อาจจะแก้ไขได้ด้วยการใช้ฟิ ลเตอร์ ND ครึ่งซีก มาช่วยให้สภาพแสงของท้องฟ้ากั บฉากหน้ามีความใกล้เคียงหรือไม่ แตกต่างกันมาก
หวังว่าการรับมือกับการถ่ ายภาพในสภาพแสงต่างๆในแต่ละช่ วงของวัน จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการถ่ ายภาพอีกต่อไปนะครับ
แปลจาก : How to Photograph 5 Challenging Types of Light
ผู้เขียน : JO PLUMRIDGE