8 ตุลาคม 2564 – เอปสันเผยผลสำรวจเกี่ยวกับการตื่ นตัวต่อผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิ อากาศ ชี้ให้เห็นถึงการขาดการรับรู้ต่อปัญหาที่เกิดขึ้ นจริงในปัจจุบันและจะส่ งผลกระทบที่รุนแรงยิ่งขึ้ นในอนาคต
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอปสัน สำนักงานใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการจัดทำ Epson Climate Reality Barometer ซึ่งเป็นการสำรวจเกี่ยวกั บประสบการณ์และการรับรู้ต่ อภาวะการเปลี่ยนแปลงทางภูมิ อากาศ ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริ โภคในเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ จำนวน 15,264 คน โดยมีเป้าหมายในการยกระดับการรั บรู้ของสาธารณชนต่ อผลกระทบจากการเปลี่ยน แปลงทางสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน กระตุ้นภาคธุรกิจให้ตัดสินใจสร้ างการเปลี่ยนแปลง และให้ข้อมูลประกอบการตัดสิ นใจของผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายด้ านสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นการสนับสนุนการจั ดงานประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุ สัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (The 26th UN Climate Change Conference of the Parties; COP 26) ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ระหว่าง 31 ตุลาคม ถึง 12 พฤศจิกายนนี้”
ตัวอย่างคำถามจากการสำรวจซึ่ งได้รับคำตอบที่น่าสนใจ เช่น เมื่อกลุ่มตัวอย่างถูกถามว่ าในช่วงชีวิตนี้ จะได้เห็นมนุษย์เอาชนะวิ กฤตสภาพภูมิอากาศหรือไม่ ขณะที่ 27% ตอบว่าไม่ได้ แต่มีถึง 46% ที่มองโลกในแง่ดี โดยมี 3 เหตุผลที่ถูกใช้อธิบายมากที่สุ ดคือ ปัจจุบันผู้คนตื่นตัวต่อปัญหานี้ เพิ่มขึ้นมากแล้ว คิดเป็น 33% เชื่อว่าความก้าว หน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะช่วยแก้ปัญหาได้ 28% และการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุ นเวียนคือคำตอบ 19% นอกจากนี้ยังมีกลุ่มตัวอย่างอีก 5% ที่ไม่เชื่อว่ามีภาวะวิกฤติ ทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในกลุ่มนี้มาจากประเทศสหรั ฐอเมริกา 11% เยอรมนี 7% และอังกฤษ 6%
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้ วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ยังระบุอีกว่าปัญหาการเปลี่ ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศจากฝีมื อมนุษย์เกิดขึ้นมานับพันปี และขยายวงกว้างไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ July 2021 ที่ร้อนที่สุดในโลกตั้งแต่มี การจดบันทึกสถิติ ไฟป่าในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย หรือน้ำท่วมหนักในประเทศจีน โคลัมเบีย และเยอรมนี ดังนั้นจากผลสำรวจของเอปสัน จึงสรุปได้ว่าการมองโลกในแง่ดี ท่ามกลางหลักฐานที่ชัดเจนเช่นนี้ เป็นการขาดการรับรู้ต่ อภาวะความเป็นจริงของวิ กฤตสภาพภูมิอากาศในขณะนี้
ผลสำรวจยังระบุอีกว่าราว 3 ใน 4 ของกลุ่มตัวอย่างมองเห็นถึ งความเชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศกับเหตุ การณ์ต่างๆ เช่น อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น (77%) สภาพอากาศแบบสุดขั้ว (74%) และ ไฟป่า (73%) แต่กลับลดลงมาเหลือประมาณครึ่ งหนึ่ง เมื่อถูกถามถึงความเชื่อมโยงกั บปัญหาอื่นๆ อย่างความอดยาก (57%) การอพยพใหญ่ (55%) และการระบาดหนักของแมลง (51%) จึงตั้งสันนิษฐานได้ว่ าการมองแง่ดีในกรณีนี้ อาจทำให้มองไม่เห็นถึ งขอบเขตของผลกระทบทั้งหมดจากวิ กฤตสภาพภูมิอากาศ
เมื่อถูกถามถึงความรับผิ ดชอบในการแก้ไขปัญหา 27% ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าเป็ นหน้าที่ของรัฐบาล 18% ระบุว่าเป็นของภาคธุรกิจ และอีก 18% มองว่าเป็นความรับผิดชอบส่วนบุ คคล แต่มีจำนวนน้อยมากที่ชี้ว่าเป็ นความรับผิด ชอบร่วมกันของทุกฝ่าย นอกจากนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ยินดีที่จะปรั บเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อช่ วยลดภาวะวิกฤต โดยการสำรวจระบุว่ามีถึง 78% ที่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนหรือมี แผนที่จะเปลี่ยนไปใช้พลั งงานไฟฟ้าหมุนเวียน แต่มี 29% ที่ได้เริ่มใช้จริงแล้ว มี 82% ที่เห็นด้วยกับการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีความยั่งยืน แต่มี 45% ที่ใช้อยู่แล้ว ขณะที่ 58% เห็นด้วยกับการกินอาหารที่เน้ นพืช โดยมี 27% ที่เปลี่ยนมากินอาหารมังสวิรัติ หรือแม้แต่ในด้านการเลือกซื้อสิ นค้า 63% ที่มีความคิดจะเลิกใช้สินค้าที่ ไม่มีส่วนสนับสนุนในด้านความยั่ งยืน แต่มี 29% ที่ได้เปลี่ยนนิสัยการซื้อสินค้ าตามนี้
ด้านนายยาสึโนริ โอกาวะ ประธานบริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “การสำรวจที่ค้นพบว่ามี การขาดการรับรู้ความจริงเกี่ ยวกับปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศ มีส่วนสำคัญอย่างมากกับการแก้ปั ญหาฉุกเฉิน โดยเอปสันมีเป้าหมายที่จะสร้ างความตระหนักรู้และสร้ างเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการแก้ ไขปัญหาดังกล่าว ควบคู่กับความร่วมมือกันระหว่ างเอปสัน พันธมิตร คู่ค้า และผู้ใช้งานสินค้าเอปสันทั่ วโลก ซึ่งเอปสันได้กำหนดให้ “ความยั่งยืน” เป็นหัวใจของแผนธุรกิจ และทุ่มทรัพยากรสำคัญเพื่อส่ งเสริมการสร้างความยั่งยื นมาโดยตลอด ด้วยความเชื่อมั่นว่ าเราจะสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่ าวันนี้ได้”