แสงไฟเมืองยามค่ำคืน ถือเป็นเสน่ห์ที่ช่างภาพทั้งมื อใหม่ และมือสมัครเล่นต้องไฝ่ หาโอกาสที่จะไปลั่นชัตเตอร์กัน ทั้งเมื่ออยู่บนพื้นราบ หรือเมื่อยามขึ้นตึกสูง ซึ่งหลายๆคนก็พยายามหาโอกาสที่ จะขึ้นตึกสูงเพื่อเก็ บบรรยากาศของไฟในเมือง หรือถ้ามีโอกาสก็ไม่พลาดที่ จะหยิบกล้องมาลั่นชัตเตอร์กั นครับ
สําหรับการถ่ายภาพไฟเมืองนั้น จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ เสริมเพื่อให้ได้ภาพที่มีคุ ณภาพสูง สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ของตึกรามบ้านช่อง ถนน และสถานที่ต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
.
ถึงแม้บางครั้งกล้องจากสมาร์ ทโฟนก็สามารถถ่ายภาพแบบนี้ได้ แต่ถ้าจะวัดเรื่องคุณภาพกันจริ งๆ กล้องถ่ายภาพที่มีขนาดเซ็นเซอร์ ใหญ่ก็ย่อมที่จะให้คุ ณภาพและไดนามิกเรนจ์ที่ดีกว่านั่ นเองครับ
1. กล้องและเลนส์
ตัวกล้องสามารถใช้งานได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกล้อง DSLR หรือกล้อง Mirrorless รวมถึงกล้องคอมแพค ซึ่งถ้าหากว่าเป็นกล้องที่มี โหมด M ก็จะทำให้ปรับควบคุมการทำงานได้ สะดวกมากขึ้นเนื่องจากสามารถปรั บเพิ่มหรือลดค่าแสงได้ตามที่ต้ องการ
.
ส่วนเลนส์นั้น เลือกใช้ได้ทั้งเลนส์มุมกว้ างมากๆ อย่าง Ultra Wide สําหรับเก็บบรรยากาศกว้างๆ หรือเลนส์ Telephoto สําหรับเน้นพื้นที่บางส่วน หรือเจาะเข้าไปยังจุดสนใจเป็ นบาง ส่วนก็ได้เช่นกัน
2. ขาตั้งกล้อง
ถือเป็นอุปกรณ์ที่สําคัญและมี ความจำเป็นมาก เพราะเมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้ าไปแล้ว ความเร็วชัตเตอร์จะลดลงมากทีเดี ยว อีกทั้งเราต้องเปิดรูรับแสงแคบๆ เพื่อคุมระยะชัดลึก ความเร็วชัตเตอร์จะต่ำจนไม่ สามารถถือกล้องถ่ายภาพด้วยมื อได้ ถึงแม้ว่าจะสามารถวางกล้ องบนขอบกำแพงหรือแนวกันได้ แต่ก็คงไม่สามารถจัดองค์ ประกอบภาพตามที่ต้องการได้ สะดวกนัก
ขาตั้งกล้องที่ใช้ควรเป็นขาตั้ งกล้องที่แข็งแรง และมีความสูงพอประมาณ เพราะบางครั้งอาจจะมีแนวกําแพง หรือสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหน้า ถ้าหากว่าขาตั้งกล้องไม่สู งมากพอ ก็อาจจะตั้งกล้องไม่พ้ นแนวกำแพงหรือสิ่งกีดขวางนั้ นได้ครับ
วิธีแก้ปัญหากรณีที่ขาตั้งกล้ องสูงไม่พอ ก็ให้ปรับแกนขาตั้งทั้ง สามขาให้สั้นที่สุดแล้ววางกล้องบนขอบกำแพงแทน แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีเทปกาวหรือเชือกสําหรับมั ดขาตั้งกล้องให้แน่นบนขอบกําแพง ซึ่งบางพื้นที่อาจจะไม่สะดวกกั บการใช้วิธีนี้มากนัก ดังนั้นหาขาตั้งที่สูงและแข็ งแรงจะดีกว่าครับ ถ้าหากต้องการเพิ่มความมั่ นคงของขาตั้งกล้องให้มากขึ้น
ในกรณีที่อาจจะเจอลมพัดแรงก็สามารถใช้กระเป๋ากล้องถ่วงให้ ขาตั้งกล้องมีน้ำหนักมากขึ้นก็ ได้เช่นกัน
3. สายลั่นชัตเตอร์หรือรี โมทคอนโทรล
เป็นอุปกรณ์ที่มักใช้งานควบคู่ กับขาตั้งกล้อง ซึ่งช่วยให้กดชัตเตอร์ได้นุ่มนวลมากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าเราจะตั้งกล้ องบนขาตั้งกล้อง แต่ถ้ายังใช้มือกดปุ่มชัตเตอร์ก็มีโอกาสที่จะทำให้กล้องสั่ นไหวได้จากน้ำหนักการกดที่ อาจจะแรงเกินไป
หรือถ้าหากว่าไม่มีสายลั่นชั ตเตอร์จะใช้วิธีตั้งเวลาถ่ายภาพ (Self Timer) แทนสายลั่นชัตเตอร์ได้ โดยตั้งเวลาเพียง 2 วินาทีก็พอ เพราะ Self Timer 2 วินาทีนั้นถูกออกแบบให้ใช้งานแทนสายลั่นชัตเตอร์อยู่แล้ว ไม่ต้องรอถึง 10 วินาทีก็ได้ครับ
และถ้าหากว่ากล้องมีระบบล็ อกกระจกสะท้อนภาพ ก็ควรจะใช้งานด้วยนะครับ เพื่อความคมชัดสูงสุดของภาพ
4. การตั้งค่ากล้อง
เริ่มกันที่ความไวแสง ใช้ที่ ISO100 หรือ 200 ก็พอ ไม่จําเป็นต้องใช้สูงเกินไป เนื่องจากกล้องก็ตั้งอยู่บนขาตั้ งกล้องแล้ว สามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์ได้ต่ำ ตามที่ต้องการ
รูรับแสง ใช้ที่ f/8-f/16 เมื่อใช้เลนส์มุมกว้าง และปรับโฟกัสที่อินฟินิตี้ หรือปรับโฟกัสแบบ Hyperfocal รูรับแสง f/8 ก็สามารถคุมระยะชัดลึกได้ทั้ งหมด หรือถ้าต้องการแฉกไฟที่โดดเด่นมากขึ้น ก็ปรับรูรับแสงลงไปที่ f/11 หรือ f/16 ก็ได้เช่นกัน
สําหรับไวท์บาลานซ์นั้น กล้องถ่ายภาพรุ่นใหม่ๆ มีไวท์บาลานซ์ที่ค่อนข้างแม่นยำ สามารถเลือกใช้แบบ Auto ได้เลย หรือจะเลือกปรับเองเป็นแบบ Kelvin ก็ได้ ซึ่งจะอยู่ในช่วง 3800K – 4500K เพื่อไม่ให้ภาพมีแสงสีส้มเหลื องจนเกินไปรวมทั้งไม่ให้ แสงของหลอดไฟทังสเตนออกสีฟ้าเกิ นไปด้วยเช่นกัน
ส่วนความเร็วชัตเตอร์นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแสง ณ ตอนนั้น รวมทั้งรูรับแสง และ ISO ที่ใช้ด้วย แต่ถ้าหากต้องการไฟถนนเป็นเส้ นยาวๆ ก็ต้องปรับความเร็วชัตเตอร์ให้ ช้าลง เช่น 20 วินาที, 30 วินาที หรือ 1 นาที และก็ขึ้นกับสภาพการจราจรด้วย ควรเลือกกดชัตเตอร์ตอนที่รถเริ่ มเคลื่อนตัวครับ
5. เริ่มถ่ายภาพ
หลังจากที่ตระเตรียมอุปกรณ์พร้ อมแล้ว ก็เริ่มต้นถ่ายภาพกันได้ครับ ช่วงเวลาที่ไม่ควรพลาดเลยคือ ช่วงก่อนที่พระอาทิตย์จะลั บขอบฟ้า ซึ่งถ้าเป็นช่วงที่อากาศแจ่มใส เราอาจจะได้พระอาทิตย์ดวงกลมโต ยิ่งถ้าใช้เลนส์ช่วงเทเลโฟโต้ด้ วยแล้วยิ่งจะได้ดวงอาทิตย์ที่มี ขนาดใหญ่ขึ้น และถ้ามีเมฆประปราย ก็อาจจะได้ช่วงฟ้าระเบิด หรือช่วงที่แสงอาทิตย์สาดแดงเต็ มฟ้านั่นเองครับ
ถัดไปจะเป็นช่วงหลังจากที่ ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว หรือ หลังจากช่วงฟ้าระเบิด สีสันของท้องฟ้าจะเริ่มเปลี่ ยนเป็นโทนสีฟ้า ที่เราเรียกกันว่าช่วงทไวไลท์นั่ นล่ะครับ ช่วงนี้ตึกต่างๆ รวมทั้งไฟตามท้องถนนจะเริ่มส่ องแสงสว่างกันแล้ว รถราที่วิ่งกันบนท้องถนนก็เริ่ มเปิดไฟกันด้วยเช่นกัน
เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ไม่ ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเก็บสีสันของทั้งท้องฟ้าและแสงสีของเมื องได้ครบถ้วน โดยที่บรรยากาศรวมๆ ของภาพยังดูสว่างอยู่นั่นเอง
6. การจัดองค์ประกอบ
เมื่อมีโอกาสขึ้นตึกสูง ก็ควรเลือกมุมมองที่เป็นเส้นถนนเพื่อให้เห็นไฟรถเป็นเส้นยาวๆ พุ่งไกลออกไป ซึ่งช่วยให้ภาพดูมีความลึกมากขึ้ นด้วยหรือหาตึกที่มีความพิเศษ เช่น มีรูปทรงที่แตกต่างออกไปจากตึ กอื่นๆ หรือตึกที่สูงโดดเด่นออกมาจากตึ กอื่นๆ เพื่อให้เป็นจุดเด่นของภาพ
หรืออาจจะใช้เลนส์เทเลโฟโต้เน้ นกลุ่มตึกที่อยู่ในย่านเดียวกัน และมีฉากหลังที่อยู่ไกลออกไปที่ ค่อยๆ เลือนรางไปกับหมอก ควัน เป็นต้น
แต่ถ้าอยู่บนพื้นราบ ก็ต้องเน้นไฟรถที่พุ่งเป็นเส้ นยาวๆ ออกไป หรือเส้นถนนที่รายรอบไปด้ วยอาคารบ้านเรือนก็ได้เช่นกั นครับ