NIKON REVIEWS

Review : Nikon D3400

เล็ก กะทัดรัด นํ้าหนักเบา ประสิทธิภาพสูง

d3400_01

Nikon D3400 ถือเป็นกล้อง DSLR รุ่นเล็กสุดของนิคอน ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้โดดเด่นมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม แต่ยังคงวางรูปแบบให้ใช้งานได้ง่ายๆ พร้อมฟังก์ชั่น Guide ที่เปรียบเสมือนมีผู้ช่วยแนะนำการทำงานของกล้องติดตามไปด้วยในทุกๆ ที่  ทำให้ใช้งานกล้องได้อย่างสะดวกมากขึ้น ตัวกล้องมาพร้อมฟังก์ชั่น Bluetooth สำหรับโอนถ่ายไฟล์ภาพไปยังสมาร์ทโฟน หรือหน่วยความจำออนไลน์ ผ่านแอพลิเคชั่น SnapBridge ที่รองรับการใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS  และ Android ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้พลังงานน้อย รวมทั้งสามารถเลือกโอนถ่ายไฟล์ภาพได้อัตโนมัติ แม้จะปิดกล้องอยู่ก็ตาม

d3400_17

จุดเด่นของ Nikon D3400

  •  เซ็นเซอร์ CMOS ขนาด APS-C 24.2 ล้านพิกเซล
  • หน่วยประมวลผล EXPEED 4
  • เซ็นเซอร์โฟกัส Multi-CAM 1000 พร้อมจุดโฟกัส 11 จุด
  • เซ็นเซอร์วัดแสง RGB 420 Pixel
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ Full HD 1080p
  • จอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว 921,000 พิกเซล
  • โหมด Effect สร้างสรรค์ภาพหลากหลายรูปแบบ
  • Guide Menu ช่วยให้ใช้งานกล้องได้สะดวก
  • มี Bluetooth ในตัว
  • โอนถ่ายไฟล์ภาพผ่าน SnapBridge

ประสิทธิภาพและการออกแบบ

Nikon D3400 ยังคงใช้เซ็นเซอร์แบบ CMOS ฟอร์แมท DX ขนาด APS-C (23.5 X 15.6 มม.)  โดยมีความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ให้ภาพที่มีรายละเอียดสูงอย่างยิ่ง และสิ่งที่โดดเด่นเหนือกล้องระดับเดียวกันคือ การไม่ใช้ฟิลเตอร์ Optical Low Pass ทำให้ภาพมีความคมชัดสูงมาก  และ D3400 ใช้หน่วยประมวลผล EXPEED 4  ซึ่งช่วยให้กล้องตอบสนองการทำงานที่รวดเร็ว และให้ไฟล์ภาพที่ใสเคลียร์  มี Noise ตํ่า แม้จะถ่ายภาพที่ความไวแสงสูงๆ  โดยสามารถตั้งความไวแสงได้ตั้งแต่ ISO 100-25600 และด้วยการประมวลผลที่รวดเร็วทำให้ D3400 มีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงถึง 5 ภาพต่อวินาทีอีกด้วย

ระบบโฟกัสตอบสนองการทำงานได้เป็นอย่างดี แม้จะใช้งานกับเลนส์คิทก็ตาม โดยใช้เซ็นเซอร์โฟกัสแบบ Multi-CAM 1000 โดยมีจุดโฟกัสทั้งหมด 11 จุด และครอบคลุมการใช้งานได้ทั่วทั้งเฟรมภาพ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพแนวตั้งหรือแนวนอนก็ตาม และสามารถเลือกพื้นที่โฟกัสได้ทั้งแบบเลือกเองจุดเดียว โดยเลื่อนแป้นควบคุมแบบ 4 ทิศทางด้านหลังตัวกล้องขึ้น-ลง และซ้าย-ขวา เพื่อ เลือกจุดโฟกัสที่ต้องการ สำหรับการถ่ายภาพที่ต้องการเน้นโฟกัสไปที่จุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ หรือเลือกแบบออโต้ 11 จุด  โดยกล้องจะเลือกจุดโฟกัสให้อัตโนมัติ สำหรับการถ่ายภาพทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้เน้นจุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ

d3400_02

Nikon D3400 ยังคงมีรูปร่างหน้าตาและรูปแบบการควบคุมคล้ายๆ กับรุ่นเดิม โดยมีแป้นควบคุมการทำงานหลักที่ด้านหลังเพียงแป้นเดียว การปรับควบคุมเมนูการทำงานต่างๆ โดยเฉพาะในโหมดที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพนั้น สามารถเลือกใช้ปุ่ม i ที่อยู่มุมซ้าย ล่าง ข้างๆ จอมอนิเตอร์ ซึ่งเป็นปุ่มหลักที่จะใช้เปลี่ยนค่าการปรับตั้งต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าเมนูหลักทุกๆ ครั้ง  ซึ่งถือเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้สะดวกและปรับตั้งได้รวดเร็วทีเดียว

ข้างๆ ฐานเลนส์ เหนือปุ่มถอดเลนส์ เป็นปุ่ม Fn ซึ่งใช้เป็นปุ่มลัดสำหรับตั้งค่าการทำงานบางเมนู  เพื่อให้เรียกออกมาใช้งานได้อย่างอย่างรวดเร็ว อาทิ ปรับความไวแสง ปรับไวท์บาลานซ์ ปรับใช้งานฟังก์ชั่น Active D-Lighting เป็นต้น  เหนือปุ่ม Fn ขึ้นไปเล็กน้อย เป็นปุ่มเปิดใช้งานแฟลชในตัว  และใช้เป็นปุ่มชดเชยแสงแฟลชด้วย

ข้างๆ ตัวกล้องด้านซ้ายเป็นตำแหน่งของช่อง USB และช่องสัญญาณ HDMI สำหรับต่อเชื่อมกับโทรทัศน์ระบบ HDTV เพื่อเปิดชมภาพและวิดีโอที่บันทึกจากตัวกล้อง ซึ่งให้การถ่ายโอนสัญญาณได้คมชัดสมบูรณ์ทั้งภาพและเสียง ส่วนข้างๆ ตัวกล้องด้านขวาเป็นช่องเมมโมรี่การ์ดแบบ SD, SDHC และ SDXC Card ด้านบนตัวกล้องเป็นแป้นหรับเลือกโหมดถ่ายภาพ ถัดไปด้านหน้าเล็ก น้อยเป็นปุ่มบันทึกวิดีโอ, ปุ่ม info สำหรับเลือกแสดงข้อมูลการทำงานบนจอมอนิเตอร์ และข้างๆ กัน เป็นปุ่มชดเชยแสง สำหรับปรับรูรับแสงในโหมด M และปรับชดเชยแสง เมื่อใช้โหมดอื่น อย่าง P, A หรือ S ส่วนด้านหน้าสุดเป็นปุ่มชัตเตอร์ พร้อมสวิทช์เปิดหรือปิดการทำงาน

d3400_12

(ซ้าย) ช่องเมมโมรี่การ์ดแบบ SD, SDHC และ SDXC   (ขวา) แฟลชป๊อบอัพไกด์นัมเบอร์ 7 ที่ ISO 100/เมตร

Nikon D3400 มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานได้ครบครันเช่นเดียวกับกล้อง DSLR ของนิคอนรุ่นอื่นๆ   ซึ่งสามารถเลือกใช้รูปแบบ Scene Mode ซึ่งเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปให้เลือกใช้งานตามความต้องการ อาทิ ภาพบุคคล, เด็ก, วิวทิวทัศน์ หรือภาพโคลสอัพ เป็นต้น ซึ่งโหมดต่างๆ เหล่านี้ ออกแบบให้ใช้งานกล้องได้อย่างง่ายๆ โดยเลือกไปที่รูปแบบภาพที่ต้องการเท่านั้นเอง การปรับตั้งค่าต่างๆ กล้องจะปรับให้โดยอัตโนมัติ  นอกจากนี้ยังมี Effect Mode สำหรับสร้างสรรค์รูปแบบภาพพิเศษต่างๆ ได้ง่ายๆ อีกด้วย อาทิ Night Vision กล้องจะปรับรูปแบบภาพให้เป็นขาว-ดำ, Silhouette เป็นรูปแบบของถ่ายภาพเงาดำในลักษณะย้อนแสง โดยกล้องจะเพิ่มคอนทราสต์ของภาพให้มีความเปรียบต่างที่สูงมากขึ้น, Photo Illustration ให้ภาพที่มีลักษณะคล้ายๆ ภาพวาด หรือ Selective Color เป็นการเลือกโทนสีที่ต้องการ และกล้องจะปรับโทนสีที่ไม่ได้เลือก ให้เป็นโทนขาวดำทั้งหมด  โดย Effect Mode นี้ เลือกโหมดย่อยได้ด้วยการหมุนแป้นปรับโหมดถ่ายภาพมาที่ตำแหน่ง EFFECTS  จากนั้นหมุนแป้นควบคุมที่ด้านหลังเพื่อเลือก Effect ที่ต้องการ

d3400_09

Nikon D3400 เลนส์ AF-S DX Nikkor 35mm f/1.8G  โหมด M ชัตเตอร์ 1/125 วินาที f/1.8, WB : Auto, ISO 400

เอฟเฟกต์แบบ Selective Color พิเศษกว่ารูปแบบของกล้องอื่นๆ  ผู้ใช้สามารถเลือกสีที่ต้องการได้ 3 สีพร้อมๆ กัน  และเลือกระดับเอฟเฟกต์ของโทนสีได้จาก 1-3 ระดับอีกด้วย การปรับตั้งค่า Selective Color ทำได้โดยหมุนแป้นปรับโหมดถ่ายภาพ มาที่ตำแหน่ง Selective Color แล้ว จากนั้นเลือกการแสดงภาพแบบ Live View เพื่อเข้าสู่การบันทึกสีที่ต้องการ กล้องจะโชว์หน้าต่างสีที่ด้านบนของจอมอนิเตอร์พร้อมกรอบสี่เหลี่ยมตรงกลางเฟรมภาพ ให้เล็งกรอบสี่เหลี่ยมนั้นให้ตรงกับสีที่ต้องการ และกดแป้นควบคุมแบบ 4 ทิศทางด้านบนเพื่อบันทึกสีที่ต้องการ  ส่วนการเลือกสีเพิ่มหรือการปรับเพิ่มเอฟเฟกต์ของสี ทำได้โดยหมุนแป้นควบคุมด้วนหลัง ไปยังตำแหน่งของสีที่สองหรือสาม แล้วบันทึกสี โดยการกดแป้นควบคุมแบบ 4 ทิศทางด้านบน เหมือนกับวิธีการแรก  ซึ่งกล้องจะคงสีที่ เลือกบันทึกนั้นไว้ ส่วนสีอื่นๆ ที่เหลือ กล้องจะปรับให้เป็นขาว-ดำทั้งหมด และผู้ใช้สามารถกดปุ่มซูมภาพเพื่อขยายพื้นที่ของสี เพื่อให้การบันทึกสีแม่นยำมากขึ้นได้ด้วย

d3400_15

(ซ้าย) หน้าจอแสดงผลการทำงานหลัก
(กลาง) หน้าจอแสดงผลการควบคุมด้วยปุ่ม i
(ขวา) เมนู Guide อธิบายการทำงานของกล้อง เสมือนพกคู่มือการไปด้วยทุกๆ ที่

โหมดอัตโนมัติแบบต่างๆ นั้น ออกแบบสำหรับมือใหม่ หรือผู้ที่เพิ่งจะเริ่มใช้งานกล้อง DSLR  ซึ่งยังไม่เข้าใจถึงการปรับตั้งกล้องด้วยตนเองมากนัก  แต่สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจในการถ่ายภาพมาแล้ว ก็สามารถเลือกใช้โหมดถ่ายภาพในกลุ่ม Advanced ซึ่งสามารถปรับควบคุมการตั้งค่าการทำงานของกล้องได้ด้วยตัวเอง อาทิ โหมดโปรแกรม (P) โดยกล้องจะปรับความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงให้ในขั้นแรก แต่ผู้ใช้ก็สามารถหมุนแป้นควบคุมเพื่อเปลี่ยนค่าใหม่ได้ หรือที่เรียกว่าเป็นโปรแกรมชิฟท์, โหมดออโต้รูรับแสง (S)  ผู้ใช้เป็นคนเลือกความเร็วชัตเตอร์ที่ต้องการ  ส่วนกล้องจะปรับรูรับแสงให้โดยอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้ก็สามารถควบคุมค่าแสงตามที่ต้องการเองได้ด้วยปุ่มชดเชยแสง

d3400_06

Nikon D3400 เลนส์ AF-S Nikkor 70-200mm f/2.8G ED VR โหมด Mชัตเตอร์ 1/320 วินาที f/3.2, ISO400 , WB: Auto

โหมดออโต้ความเร็วชัตเตอร์ (A) ผู้ใช้เป็นคนเลือกขนาดรูรับแสงเองตามที่ต้องการ เพื่อควบคุมระยะชัดลึกหรือชัดตื้น  ส่วนกล้องจะปรับความเร็วชัตเตอร์ให้อัตโนมัติ และผู้ใช้ก็สามารถควบคุมค่าแสงเองตามที่ต้องการด้วยปุ่มชดเชยแสงได้เช่นกัน ส่วนโหมดแมนนวล (M) ผู้ใช้จะต้องปรับตั้งค่าการทำงานเองทั้งความเร็วชัตเตอร์ และรูรับแสง  ซึ่งโหมดถ่ายภาพต่างๆ เหล่านี้ ผู้ใช้สามารถปรับควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ของตัวกล้อง เช่น ความไวแสง ไวท์บาลานซ์ ชดเชยแสง หรือพิกเจอร์คอนโทรลได้ตามความต้องการ   และโดยที่ Nikon D3400 มีวงแหวนควบคุมการทำงานวงแหวนเดียว เหมือนกับกล้องระดับกลางรุ่นอื่นๆ  ดังนั้นเมื่อเลือกใช้งานโหมดถ่ายภาพแบบแมนนวล หรือโหมด M แป้นควบคุมจะเป็นการปรับความเร็วชัตเตอร์ เมื่อต้องการการปรับรูรับแสง จะต้องกดปุ่มชดเชยแสง (+/-) ที่ข้างๆ ปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้ด้วย แล้วก็ปรับรูรับแสงไปตามค่าที่ต้องการ

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของกล้องนิคอน DSLR หลายๆ รุ่น  รวมทั้ง Nikon D3400 ตัวนี้ด้วย คือ สามารถปรับตั้งค่าการทำงาน ผ่านจอมอนิเตอร์ด้วยปุ่ม i ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเมนูในกลุ่มของโหมดถ่ายภาพที่มีการปรับเปลี่ยนค่าใหม่อยู่บ่อยๆ  สำหรับการถ่ายภาพในแต่ละรูปแบบ และช่วยให้ปรับเปลี่ยนค่าที่ต้องการได้รวดเร็วมากขึ้น  โดยเมื่อกดปุ่ม i กล้องจะแสดงไอคอนต่างๆ ที่จอมอนิเตอร์ เมื่อต้องการปรับตั้งก็ให้กดปุ่ม i ซํ้า กล้องจะโชว์แถบสีเหลืองที่เมนู ใช้ปุ่มควบคุม 4 ทิศทาง เพื่อเลือกเมนูที่ต้องการปรับตั้ง กดปุ่ม OK เพื่อเข้าสู่เมนูย่อย ใช้ปุ่มควบคุม 4 ทิศทางเลือกค่าที่ต้องการ จากนั้นกดปุ่ม OK อีกครั้งเพื่อยืนยันการปรับตั้งนั้นๆ

d3400_13

กล้อง Nikon D3400 สามารถโอนถ่ายไฟล์ภาพไปยังสมาร์ทโฟนได้เช่นเดียวกับกล้องนิคอนรุ่นใหม่ๆ หรือกล้องดิจิตอลหลายๆ รุ่นที่มีอยู่ในตลาดกล้องในปัจจุบัน แต่โดดเด่นต่างจากกล้อง D-SLR รุ่นอื่นๆ ตรงที่สามารถเชื่อมกับสมาร์ทโฟนได้ด้วยฟังก์ชั่น Bluetooth ผ่านแอพลิเคชั่น SnapBridge  ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อที่ใช้พลังงานน้อย และสามารถเชื่อมต่อไว้ได้ตลอดเวลา  นอกจากจะโอนไฟล์ภาพต่างๆ ไปยังสมาร์ทโฟนแล้ว ยังสามารถโอนไปยังหน่วยความจำออนไลน์ อย่าง Nikon Image Space ได้ด้วยเช่นกัน  นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกพิกัดของภาพถ่าย เพื่อใช้อ้างอิง หรือตรวจสอบข้อมูลและตำแหน่งของภาพถ่ายในภายหลังได้


ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจอื่นๆ

Nikon D3400 บันทึกภาพได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เช่นเดียวกับกล้อง D-SLR รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน โดยบันทึกวิดีโอคุณภาพ Full HD ด้วยฟอร์แมท MOV มาตรฐาน H.264 เลือกเฟรมเรทได้ที่ความเร็ว 60, 50, 30, 25 หรือ 24 เฟรมต่อวินาที เลือกปรับลดขนาด และคุณภาพตามรูปแบบของการใช้งานได้เป็นคุณภาพระดับ HD เฟรมเรท 60 และ 50 เฟรมต่อวินาที และขนาด VGA เฟรมเรท 30 และ 25 เฟรมต่อวินาที

d3400_05

Nikon D3400 เลนส์ AF-S DX Nikkor 10-24mm f/3.5-4.5G ED โหมด M ชัตเตอร์ 20 วินาที f/18, ISO100, WB: Auto

Nikon D3400 ปรับความไวแสงได้ทั้งแบบออโต้ ซึ่งกล้องจะปรับตามความเหมาะสมกับสภาพแสงให้โดยอัตโนมัติ และปรับด้วยตนเองเองตั้งแต่ ISO 100 ถึง ISO 25600 เลือกปรับแบบละเอียดได้ขั้นละ 1/3 สตอป  นอกจากนี้ในโหมดของการถ่ายภาพ ยังมีรูปแบบภาพที่ช่วยให้ได้ภาพที่มีความโดดเด่นมากขึ้นไปอีก นั่นคือ Picture Control  ซึ่งเลือกใช้งานได้ 6 รูปแบบ  แต่ละรูปแบบยังสามารถปรับค่าการปรับตั้ง อาทิ ความคมชัด คอนทราสต์ ความอิ่มตัว หรือ ความสว่าง เพิ่มเติมหรือลดลงได้อีกด้วยสำหรับรูปแบบ Monochrome ยังสามารถเพิ่มฟิลเตอร์สเพื่อเพิ่มความเปรียบต่างให้กับภาพ และสามารถเปลี่ยนโทนสีของภาพได้หลายรูปแบบอีกด้วย

d3400_10

Nikon D3400 เลนส์ AF-S Micro Nikkor 105mm f/2.8G VR  โหมด M ชัตเตอร์ 1/125 วินาที f/4, WB : Auto, ISO 800


การใช้งาน

d3400_07

Nikon D3400 เลนส์ AF-S Nikkor 85mm f/1.4G โหมด M ชัตเตอร์ 1/160 วินาที f/1.8, ISO100, WB : Auto

ถึงแม้ว่า Nikon D3400 จะถูกวางตัวไว้เป็นกล้องรุ่นเล็ก และออกแบบให้ใช้งานง่ายๆ สำหรับมือใหม่หรือระดับเริ่มต้น แต่ในด้านฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ก็รองรับการใช้งานได้กว้าง ทั้งระดับเริ่มต้นที่ยังไม่เคยใช้กล้อง DSLR มาก่อน หรือมือสมัครเล่นที่ยังไม่ชำนาญกับการปรับตั้งมากนัก  ไปจนถึงเป็นกล้องสำรองสำหรับนักถ่ายภาพระดับจริงจังที่เน้นเรื่องคุณภาพของไฟล์ สำหรับการใช้งานที่ซีเรียสกว่าปกติ โดยตัวกล้องยังคงมีขนาดเล็กและนํ้าหนักเบาเช่นเดียวกับรุ่นเดิม และกริปมือจับนั้นออกแบบให้จับได้ถนัดมือดีทีเดียว ถึงจะดูเล็กไปหน่อยสำหรับคนมือใหญ่ แต่ในการใช้งานจริงก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใดครับ

สำหรับจุดเด่นของกล้อง Nikon D3400 ยังคงอยู่ที่ไฟล์ภาพความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ซึ่งเพียงพอพอที่จะไปใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว  การพัฒนาหน่วยประมวลผลใหม่เป็น EXPEED 4 ทำให้กล้องตอบสนองการทำงานอย่างรวดเร็ว และมีระบบการจัดการ Noise ที่ยอดเยี่ยม  และให้ไฟล์ภาพที่ใสเคลียร์ มี Noise ตํ่า  ผมได้ทดลองถ่ายภาพที่ความไวแสงสูงหลายๆ ค่า เช่น ISO1600 ไล่ไปจนถึงความไวแสงสูงสุด ISO 25600  ภาพที่ได้มีความคมชัดและสีสันอิ่มตัวมาจนถึง ISO6400 เลยทีเดียว โดยภาพยังคงความคมชัด การถ่ายทอดรายละเอียด รวมทั้งสีสันต่างๆ ยังคงดีเยี่ยม  ส่วนที่ ISO12800 มี Noise ให้เห็นและความคมชัดกับการถ่ายทอดสีสันต่างๆ ลดลงไปบ้าง ส่วนที่ ISO25600 ภาพออกโทนแดงๆ รายละเอียดและความคมชัดลดลงพอสมควร  ดังนั้นถ้าต้องการคุณภาพสูงสุดก็ไม่ควรใช้เกิน ISO6400  ซึ่งผมมองว่าสูงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปแล้วครับ

d3400_03

โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง โหมดโฟกัสต่อเนื่องของ Nikon D3400 ตอบสนองการใช้งานได้ดีเยี่ยมทีเดียว Nikon D3400 เลนส์ AF-S Nikkor 70-200mm F4G ED VR โหมด M ชัตเตอร์ 1/800 วินาที f/5, ISO800, WB: Auto

ถึงแม้ว่าจะเป็นกล้องรุ่นเล็ก แต่ Nikon D3400 ก็สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วถึง 5 ภาพต่อวินาที ซึ่งอาจจะดูไม่มากนักเมื่อเทียบกับกล้องระดับโปร  แต่ในการใช้งานนั้น ก็สามารถดึงเอาประสิทธิภาพตรงนั้นมาใช้งานได้อย่างเต็มที่ โดยผมเองใช้งานกับเลนส์ Nikkor 70-200 มม. F4 ถ่ายภาพกีฬา Wake Board ซึ่งความเร็วในการโฟกัส  รวมทั้งความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องก็ช่วยให้ผมสามารถเก็บแอคชันต่างๆ ของนักกีฬาได้เป็นอย่างดีทีเดียวฟังก์ชันเด่นๆ อย่างหนึ่งที่ผมเองมีโอกาสใช้งานอยู่บ่อยครั้ง นั่นคือ Active D-Lighting ที่ถือเป็นฟังก์ชั่นมาตรฐานที่มีในกล้องนิคอน DSLR ทุกรุ่น  ซึ่งช่วยในการถ่ายภาพในกรณีที่มีสภาพแสงแตกต่างกันมาก ระหว่างโทนมืดและโทนสว่าง ซึ่งถ้าเลือกวัดแสงโทนใด โทนหนึ่ง อีกโทนหนึ่งก็จะขาดรายละเอียดไปทั้งหมด เช่น ถ้าวัดแสงโทนสว่าง โทนมืดก็มืดทึบจนไม่มีรายละเอียด หรือถ้าวัดแสงโทนมืด โทนสว่างก็จะขาวโพลน ไม่มีรายละเอียดเช่นกัน ฟังก์ชั่นนี้จะปรับชดเชยหรือเพิ่มความสว่างในส่วนมืดของภาพให้เห็นรายละเอียดได้มากขึ้น  แต่ถ้าหากเลือกระดับการชดเชยที่สูงมากเกินไปก็จะทำให้ภาพดูแบนและขาดมิติ  ดังนั้นจึงควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับสภาพแสงในแต่ละสถานการณ์ด้วยเช่นกัน

d3400_11

Nikon D3400 เลนส์ AF-S Micro Nikkor 105mm f/2.8G VR  โหมด M ชัตเตอร์ 1/160 วินาที f/11, WB : Auto, ISO 200  ใช้แฟลช

d3400_04

Nikon D3400 เลนส์ AF-P DX Nikkor 18-55mm f/3.5-5.6G VR  โหมด M ชัตเตอร์ 1/1000 วินาที f/5.2, WB : Tungsten, ISO1600 ภาพ : สุริโย ตาไธสง

Nikon D3400 ยังคงมี Effect Mode ให้เลือกสร้างสรรค์รูปแบบภาพได้หลากหลายทำให้ผมสร้างสรรค์ภาพที่สวยงามแตก ต่างจากการถ่ายภาพปกติ ซึ่งผมเองก็ใช้งานอยู่บ่อยครั้ง เช่น Photo Illustration  ซึ่งจะได้ภาพที่คล้ายๆ กับการระบายสี หรือ Selective Color เลือกเน้นเฉพาะสีที่ต้องการ ส่วนพื้นที่สีอื่น กล้องจะปรับให้เป็นภาพขาวดำทั้งหมด การเลือกสีทำได้โดย เปิดใช้งาน Live View จากนั้นกดปุ่ม OK เพื่อเข้าสู่การปรับตั้งซึ่งกล้องจะแสดงกรอบสีที่ด้านบนจอมอนิเตอร์ 3 กรอบ พร้อมตัวเลขซึ่งเลือกได้ 1-7 ระดับ สำหรับปรับความเข้มของโทนสีที่เลือกใช้ จากนั้นใช้แป้นหมุนด้านหลังเพื่อเลือกกรอบสี แล้วเล็งกรอบโฟกัสไปยังวัตถุที่มีสีสันตามที่ต้องการ  และกดปุ่มควบคุมแบบ 4 ทิศทางด้านบนเพื่อเลือกโทนสีนั้น  หากต้องการสีอื่นเพิ่มเติมก็ใช้แป้นหมุนด้านหลังเพื่อเลือกกรอบต่อไปครับ แต่ถ้าต้องการสีเดียวก็กดปุ่ม OK แล้วถ่ายภาพต่อไปได้เลย นอกจากเอฟเฟกต์ต่างๆ ในการถ่ายภาพแล้ว Nikon D3400 ยังสามารถตกแต่งภาพภายหลังได้จากฟังก์ชั่น Retouch สำหรับเมนูตกแต่งภาพในตัวกล้อง ก็ยังคงมีให้ใช้งานได้หลายเมนูเช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของกล้อง DSLR ค่ายนิคอนทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่

d3400_14

สามารถแปลงไฟล์ RAW จากตัวกล้องได้ โดยปรับฟังก์ชันเพื่อแก้ไขภาพได้หลายอย่าง เช่นเดียวกับกล้องระดับมืออาชีพ

เมนูรีทัชที่ผมชอบมากเลยคือ NEF (RAW) processing สำหรับแปลงไฟล์ RAW ให้เป็น JPEG ได้จากตัวกล้องเพื่อนำไปใช้งานได้ทันที โดยที่ไฟล์ RAW เดิมก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม และถึงแม้ว่าจะเป็นการโปรเซสจากตัวกล้อง แต่ผมก็สามารถปรับเปลี่ยนค่าการถ่ายภาพได้หลายอย่างทีเดียว เช่น คุณภาพของภาพ ขนาดภาพไวท์บาลานซ์ ปรับเพิ่มหรือลดค่าการวัดแสง หรือปรับเปลี่ยนพิกเจอร์คอนโทรล เป็นต้นสำหรับการบันทึกวิดีโอนั้น  สามารถกดบันทึกได้จากปุ่มบันทึกที่แยกออกมาให้ใช้งานได้สะดวกใกล้ๆ กับปุ่มชัตเตอร์  โดยสามารถบันทึกด้วยโหมดอัตโนมัติ หรือโหมด P, A, S หรือ M ได้ และเมื่อเลือกโหมดบันทึกในกลุ่มโหมด P, A, S ก็สามารถปรับควบคุมความเร็วชัตเตอร์  รูรับแสง และปรับชดเชยแสงได้เช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง  ส่วนโหมด M จะปรับความเร็วชัตเตอร์ได้เพียงอย่างเดียว  นอกจากนี้ยังสามารถตัดต่อวิดีโอจากตัวกล้องได้เลยด้วยเช่นเดียวกัน  โดยเลือกจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายของวิดีโอได้  รวมทั้งสามารถเลือกบันทึกภาพนิ่งจากไฟล์วิดีโอได้ด้วยเช่นกัน

d3400_16

Nikon D3400 โอนถ่ายไฟล์ภาพไปยังสมาร์ทโฟนและหน่วยความจำออนไลน์ Nikon Image Space ด้วย Bluetooth ผ่านแอพลิเคชั่น SnapBridge รองรับการใช้งานได้ทั้ง Andriod และ iOS

ฟังก์ชั่นใหม่ที่ถูกบรรจุเข้ามาใช้งานในกล้องรุ่นใหม่ของนิคอน ทั้งรุ่น D500 และรุ่น D3400 นี้ด้วยเช่นเดียวกัน นั่นคือมี Bluetooth ในตัว สำหรับโอนถ่ายไฟล์ภาพจากตัวกล้องมายังสมาร์ทโฟน หรืออัพโหลดไปยังหน่วยความจำออนไลน์ Nikon Image Space ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องเปิดบัญชีใช้งานเอาไว้ก่อนครับ การเชื่อมต่อและโอนถ่ายไฟล์ภาพด้วย Bluetooth นั้น  จะต้องใช้งานผ่านแอพลิเคชั่น SnapBridge ซึ่งรองรับการใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android  โดยสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีและรองรับการใช้งานกับ Andriod เวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไปครับ  การเชื่อมต่อนั้นก็เข้าไปที่เมนู Setting เลือกเมนูย่อย Connect to smart Device จากนั้น กดปุ่ม OK เพื่อเข้าสู่การเชื่อมต่อ ในส่วนของสมาร์ทโฟนนั้น ให้เปิด Blutooth จากนั้นเปิดแอพลิเคชั่น SnapBridge และแตะเลือกเชื่อมต่อกับกล้อง Nikon D3400 ที่โชว์ขึ้นมา  โดยแอพลิเคชั่นนี้ยังสามารถ tag พิกัดที่ถ่ายภาพลงในไฟล์ภาพ  สำหรับตรวจสอบสถานที่ถ่ายภาพนั้นๆ ในภายหลังได้ครับ


สรุปผลการใช้งาน

d3400_08

การถ่ายทอดรายละเอียดต่างๆ ทำได้ดี Nikon D3400 เลนส์ AF-S Nikkor 58mm f/1.4G โหมด M ชัตเตอร์ 1/60 วินาที f/2, ISO100, WB : Auto ภาพ : กฤษฎา หัสภาค

กล้อง Nikon D3400 ถือเป็นกล้องขนาดเล็กที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วๆ ไปได้เป็นอย่างดีทีเดียว โดยมีความละเอียดสูงถึง 24.2 ล้านพิกเซล มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ก้าวหน้าหลากหลาย มีการจัดการไฟล์ภาพที่ยอดเยี่ยม  มีฟังก์ชั่นบันทึกวิดีโอคุณภาพระดับ Full HD   ที่สำคัญตัวกล้องมีขนาดที่กะทัดรัด พกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ ได้สะดวก และตอบสนองการใช้งานได้ทุกระดับเลยทีเดียว สำหรับมือใหม่ที่ต้องการกล้องที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ครบครัน และไม่ต้องการกล้องตัวใหญ่ให้เป็นภาระในการพกพา รวมทั้งมีอุปกรณ์เสริมให้ใช้งานมากมาย  และโอนถ่ายไฟล์ภาพสำหรับแชร์ไปยังโซเชียลต่างๆ ได้ทุกที่ที่ต้องการอีกด้วย   Nikon D3400 คือตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ

 

ขอบคุณ : บริษัท นิคอน เซลส์ ประเทศไทย จำกัด สำหรับความอนุเคราะห์กล้องและเลนส์ที่ใช้ในการทดสอบ
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.nikon.co.th

เรื่อง/ภาพ : พีร วงษ์ปัญญา