จากปรากฎการณ์มีผู้คนให้ความสนใจการถ่ายภาพธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถ่ายภาพนก จากการที่ผมสังเกตด้วยตัวเอง หลายท่านที่เคยมาร่วมทริป หรือที่มาเวิร์คชอปเวลาที่ โฟโต้อินโฟเราจัดกิจกรรม ผมมักจะสังเกตเห็นว่า กิจกรรมที่เป็นการถ่ายภาพธรรมชาติได้รับความสนใจมาก และในกลุ่มที่มีเวลามาก (วัยเกษียณ) มักจะเป็นลูกค้าลำดับต้นๆ ที่ลงทะเบียนมาก่อนใคร ในคอนเทนท์นี้จึงจะพาทุกท่านไปรู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่ ที่จะทำให้คนรักการถ่ายภาพธรรมชาติได้มีความสุขกับการถ่ายภาพสัตว์ป่าครับ
นกหัวขวานเขียวตะโพกแดง นกที่มีจำนวนค่อนข้างมาก และพบเจอได้อย่างแน่นอนสำหรับที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง เป็นในชนิดนกหัวขวานที่พบเจอได้ที่นี่
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และแหล่งท่องเที่ยววิสาหกิจชุมชนตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ครั้งหนึ่ง เคยเป็นปัญหาระหว่างคนกับสัตว์ป่า หากแต่การนำเรื่องนี้มาแก้ปัญหา หาทางออกร่วมกันอย่างเอาจริงเอาจัง จึงได้ผลลับที่ลงตัว สวยงาม และพร้อมที่จะพัฒนาให้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มั่งคง และยังยืนครับ
สภาพถนนในการเดินทางเข้าไปยังจุดท่องเที่ยวหลัก (ที่ทำการเขตฯ) จะเป็นถนนลูกรัง แต่สามารถเดินทางได้สะดวก
วัวแดงตกใจกำลังวิ่งไปรวมฝูงเพื่อตั้งหลักก่อนที่จะลงกินน้ำบริเวณลำธารของหอส่องสัตว์โป่งช้างเผือก
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
เป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่าอยู่ในสถานะเป็น “เขตรักษาพันธุ์ฯ” ครับ ซึ่งจะค่อนข้างแตกต่างจากอุทยานแห่งชาติ, วนอุทยาน ด้วยความที่ผืนป่าแห่งนี้เป็นบ้านของสัตว์ป่าที่ถือว่าเปราะบาง และต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มข้น เพื่อให้สัตว์ป่า ป่าไม้ และความหลากหลายทางชีวะภาพได้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ที่สุด ที่นี่จึงมีข้อจำกัดในการท่องเที่ยว แต่ถึงอย่างนั้น ทางเขตรักษาพันธุ์ฯ ก็ยังเปิดโอกาสให้สามารถท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในป่าห้วยขาแข้งได้ ดูไปแล้วจะเรียกว่าทัวร์ซาฟารีห้วยขาแข้งก็ว่าได้ครับ ดังจะเห็นได้จากการจัดพื้นที่สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวไว้เป็นอย่างดีและน่าสนใจมากทีเดียว
วัวแดงออกจากชายป่าเพื่อเล็มหญ้าและกำลังจะลงกินน้ำที่ลำธารหน้าหอส่องสัตว์โป่งช้างเผือก
แม่วัวแดงพาลูกๆ ลงมากินน้ำที่ลำธารในยามเย็นก่อนจะกลับเข้าป่าลึก
จุดที่น่าสนใจที่เจ้าหน้าที่จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวก็ได้แก่
หอส่องสัตว์โป่งช้างเผือก (หอนกยูง)
จุดนี้เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของป่าห้วยขาแข้งครับ เพราะที่นี่มีโอกาสได้ถ่ายภาพสัตว์ป่าห้วยขาแข้งมากที่สุด โดยเฉพาะในฤดูหนาว ฤดูร้อน ที่สัตว์จะยังสามารถหาน้ำดื่มได้จากที่นี่ อันเนื่องมาจากว่า ที่แห่งนี้เป็นลำห้วยที่ไหลจากป่า ผ่านบริเวณนี้ก่อนที่จะลงไปสู่อ่างเก็บน้ำทับเสลานั่นเอง นอกจากลำห้วยแล้วก็ยังมีทุ่งหญ้า ชายป่า ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นร่มเงาไว้พักหลบแดดหลบฝนสำหรับเหล่าสัตว์ป่า อย่างวัวแดง รวมไปถึงสัตว์กีบชนิดอื่นอย่าง เก้ง กวาง หมูป่า หรือแม้กระทั่งสัตว์ผู้ล่าอย่างเสือโคร่ง เสือดาว และเหล่าหมาจิ้งจอก เป็นต้น
วัวบา เป็นวัวแก่ที่เปลี่ยนสีขนจากสีแดงไปเป็นสีน้ำตาลเข้มคล้ายกระทิง จนบางครั้งดูไกลๆ แทบจะแยกไม่ออก แต่มีข้อสังเกตว่า วัวแดงจะมีใบโพธิ์หรือรูปหัวใจที่ก้น ซึ่งลักษณะเช่นนี้ไม่มีในกระทิง
อิริยาบถที่ผ่อนคลายของฝูงวัวแดงที่ลงมากินหญ้าที่ทุ่งหญ้าหน้าหอส่องสัตว์โป่งช้างเผือก
สงสัย วัวแดงตัวหนึ่งสนใจและสงสัยในเสียงของชัตเตอร์กล้อง หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ สิ่งที่นักถ่ายภาพควรทำคือ หยุดกิจกรรมทุกอย่าง แล้วรอให้สัตว์ผ่อนคลายและเลิกสนใจที่มาของเสียงก่อน หากไม่เช่นนั้นสัตว์จะรู้สึกไม่ปลอดภัย และกลับเข้าป่าในที่สุด
จุดนี้หากใครเข้ามาแล้วไม่ได้เจกับวัวแดง สัตว์ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของป่าที่ราบ และเป็นเหยื่อชั้นยอดของเสือโคร่งพระเอกของที่นี่ ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงห้วยขาแข้งหละครับ กลับบ้านไปอาจจะต้องทำบุญขนานใหญ่กันเลยครับ
นกยูงลงมากินน้ำดับกระหาย
เหยี่ยวต่างสีแวะเวียนมาหาอาหารบริเวณทุ่งหน้าหอส่องสัตว์
ลักษณะหอส่องสัตว์ เป็นหอสูงสามถึงสี่ชั้น แต่สามารถขึ้นได้แค่ชั้นสอง เพื่อความปลอดภัยครับ และไม่ควรอยู่ชั้นล่างเพราะจะทำให้สัตว์มองเห็น และเขาจะไม่ออกมาให้เห็นครับ
ฝูงวัวแดงหลังจากที่รวมฝูงจากฝูงละไม่กี่ตัว ทำให้รวมกันได้เป็นฝูงใหญ่ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยด้วย
หมูป่าตัวหนึ่งเดินเข้าไปในพื้นที่ที่วัวบากำลังพักผ่อน เหตุการณ์นี้อาจทำให้วัวบาไม่พอใจ และทำให้หมูป่าโดนไล่ขวิดได้ (และเป็นเช่นนั้นจริงๆ ฮ่าๆ)
การเข้าพื้นที่ : นักท่องเที่ยวจะต้องเข้าไปจนถึงที่ทำการเพื่อลงทะเบียนขอขึ้นหอส่องสัตว์ หากท่านใดไม่เคยไป เจ้าหน้าที่ที่ป้อมที่ทำการจะวอบอกเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ทางเข้าหอส่องสัตว์ให้ออกมารับแล้วพาเข้าไปยังหอส่องสัตว์
อุปกรณ์ที่แนะนำ : กล้อง ได้ทั้ง Fullframe และ Aps-c หากจะให้แนะนำก็ควรเป็นกล้องที่มีไดร์ฟความเร็วชัตเตอร์หลายภาพต่อวินาที เพราะนอกจากจะได้ถ่ายภาพสัตว์ป่าห้วยขาแข้งที่มีขนาดตัวใหญ่(นิ่ง) แล้ว ยังมีนกบินให้ได้ถ่ายแนวแอคชั่นได้
เลนส์ ควรเป็นเลนส์ที่มีทางยาวค่อนข้างไกลถึงไกลมาก หรือระยะตั้งแต่ 500mm ขึ้นไป และเหมาะที่สุดคือ 600mm เพราะสัตว์จะอยู่ค่อนข้างไกลจากหอส่องสัตว์
ละอง/ละมั่ง ยืนมองมาที่ผม เพราะผมคือสิ่งแปลกปลอมในธรรมชาติ
นกยูงกำลังเดินหากินในลำธารแห้งๆ ซึ่งเป็นแหล่งหาอาหารของทั้งนกและไก่ป่า
ระหว่างทางสำคัญไม่แพ้กัน
หลายครั้งที่เรามักจะพบเจอสัตว์ป่าข้างทาง วิ่งหรือเดินผ่านถนน หรือยืนจังก้ามองมาที่มนุษย์ ทั้งสัตว์ใหญ่ สัตว์ปีก หรือสัตวเลื้อยคลานขนาดเล็กอย่างแย้ ที่ดูเหมือนจะมีจำนวนมากเลยครับสำหรับที่นี่ หากจะว่าไป การปั้นช็อตถ่ายภาพแย้ก็ดูเป็นอีกกิจกรรมที่น่าลองเหมือนกันครับ ด้วยความที่ถ่ายง่าย และมีจำนวนมาก โดยที่ไม่ต้องลุ้นต้องตามหาเลย และดูนกห้วยขาแข้งก็เป็นอีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด เพราะอย่างนั้น ระหว่างทางจึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ ขับรถช้าๆ มองให้ดีๆ ก็อาจได้ภาพเด็ดๆ กลับไปครับ ระยะทางระหว่างทางจะมีระยะ 14 กิโลเมตร ครับ
แย้ สัตว์ที่ผมลงความเห็นว่า น่าจะมีจำนวนเยอะที่สุดของที่นี่ ยิ่งเป็นหน้าฝนที่แมลงออกมาเป็นจำนวนมาก แย้ก็ยิ่งออกมาให้เห็นมากขึ้น เพราะแมลงคืออาหารของแย้ และแย้เป็นอาหารของเหยี่ยวและสุนัขจิ้งจอกอีกที
เก้ง สามารถพบเห็นได้บ่อยสำหรับที่นี่ แต่การระวังตัวมีค่อนข้างมาก หากเห็นแล้วถ่ายได้ทันถือว่าโชคดีที่ได้ภาพ
เหยี่ยวรุ้ง เป็นเหยี่ยวที่ออกล่างูเป็นอาหารโดยเฉพาะ สำหรับตัวนี้ถ่ายที่ระยะใกล้มากๆ เพียงไม่เกิน 15 เมตร เท่านั้น
นกยูงตัวผู้เดินตัดหน้ารถในช่วงเที่ยงวัน พบเจอที่บริเวณหน้าป้อมตรวจบัตร เรียกได้ว่าคุ้นกับรถมากๆ เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวควรขับรถช้าๆ
อุปกรณ์ที่แนะนำ : กล้อง ได้ทั้ง Fullframe และ Aps-c หากจะให้แนะนำก็ควรเป็นกล้องที่มีไดร์ฟความเร็วชัตเตอร์หลายภาพต่อวินาที และมีการตรวจจับของระบบโฟกัสที่เร็ว เพราะระหว่างทางเรามีโอกาสได้เจอสัตว์โดยเฉพาะจำพวกนกค่อนข้างมาก หากเราโฟกัสได้เร็ว โอกาสที่จะได้ภาพก็ค่อนข้างสูง เนื่องจากสัตว์ที่เจอระหว่างทางจะมีความระวังตัวค่อนข้างสูง และจะตกใจหนีได้ง่าย
เลนส์ ไม่จำเป็นต้องมีทางยาวไกลก็ได้ ประโยชน์ข้อแรกคือ ไม่เกะกะ มีความคล่องตัวในการถ่ายจากในรถสูง และตัวแบบ (สัตว์ป่า) จะอยู่ไม่ไกลจากถนน (โดยส่วนมากที่เคยสัมผัสมา) ระยะที่เหมาะก็มีระยะตั้งแต่ 300mm ขึ้นไป
เหยี่ยวแมลงปอ เป็นเหยี่ยวที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศไทย พฤติกรรมการเกาะกิ่งก่อนเข้าโพรงที่เป็นรังสามารถพบเห็นได้ง่าย หากเจอโพรง ตัวพ่อและแม่ก็จะอยู่ไม่ห่างจากโพรง
การเฝ้ารอถ่ายภาพแอคชั่นของนกที่บินออกจากโพรงถือเป็นอีกหนึ่งอย่างที่หลายคนมักจะไม่พลาดที่จะถ่าย แต่จะดีมาก หากการรอของเราไม่ได้รบกวนกิจกรรมของนก
บริเวณที่ทำการ
บริเวณนี้จะมีที่ท่องเที่ยวหลักๆ อยู่ 3 จุด จุดแรกจะเป็นบริเวณป้อมตรวจบัตร และบริเวณโดยรอบ บริเวณนี้นักท่องเที่ยวจะได้เจอนกมากมายหลากหลายชนิด รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอย่างเก้ง ละอง/ละมั่ง หรือสัตว์ขนาดเล็กอย่างพังพอน กระรอก และมีบ่อน้ำนกพร้อมบังไพรถาวรให้สำหรับสายนกที่อยากดูนกห้วยขาแข้งเป็นอย่างดีครับ
นกขุนแผน นกที่กินได้ทั้งผลไม้และสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างหนูหรือแย้
นกหัวขวานใหญ่สีดำ นกที่เป็นตัวแลสำหรับที่นี่ พบเจอได้ไม่บ่อยนัก หากพบเจอบริเวณไหนก็มักจะอยู่นาน
นกหัวขวานสามนิ้วหลังทองกำลังเจาะไม้เพื่อหากินหนอน อาจเรียกได้ว่าเป็นนกหมอสำหรับต้นไม้ก็ว่าได้ เพราะช่วยกำจัดหนอนที่เป็นศัตรูของต้นไม้หลายๆ ชนิด
จุดที่สอง สะพานแขวนข้ามลำห้วยเพื่อไปยังลานกิจกรรม และอนุสาวรีย์สืบ นาคะเสถียร และบ้านพักของคุณสืบ นาคะเสถียรที่ถูกจัดขึ้นในสภาพดั้งเดิม เสมือนช่วงเวลาที่ท่านยังทำงานอยู่ ทั้งข้าวของเครื่องใช้ หนังสือ หรือแม้กระทั่งเอกสารงานที่ท่านเคยทำก่อนที่ท่านจะจากไป
เนื้อทรายเขากำลังถูกห่อหุ้มด้วยกำมะหยี่ (เขาอ่อน) เรียกว่าเขากำมะหยี่เพราะมีลักษณะคล้ายผ้ากำมะหยี่นั่นเอง
จุดที่สามก็จะเป็นบริเวณครัวริมธาร ในจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปนั่งพักผ่อน ทานข้าวได้ (ไม่มีอาหารบริการ ต้องนำอาหารไปเอง) ในจุดนี้ถือว่าเป็นอีกจุดที่มีอะไรมาเซอร์ไพรส์ประจำ เพราะเคยมีนักท่องเที่ยวได้ภาพเสือดาวคาบหมูป่าขึ้นไปกินบนต้นไม้ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ลงมาใช้งานทุ่งหญ้าฝั่งตรงข้ามลำธาร และลงมากินน้ำด้วย อย่างเช่น วัวแดง ละอง/ละมั่ง เก้ง (สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของห้วยขาแข้ง) เป็นต้น จุดนี้ก็ยังเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางธรรมชาติห้วยขาแข้งอีกด้วย
ละอง พบเจอได้ง่ายสำหรับที่นี่ เพราะเป็นสัตว์ที่มีการเพาะเลี้ยงแล้วปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
ละองหากินร่วมกันกับนกในลำธารบริเวณครัวริมธาร
อุปกรณ์ที่แนะนำ : กล้อง ได้ทั้ง Fullframe และ Aps-c หากจะให้แนะนำก็ควรเป็นกล้องที่มีไดร์ฟความเร็วชัตเตอร์หลายภาพต่อวินาที และมีการตรวจจับของระบบโฟกัสที่เร็ว เพราะจุดนี้จะมีทั้งนก ที่เคลื่อนที่เร็ว มีแอคชั่นให้ถ่าย
เลนส์ ควรเป็นเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสที่ค่อนข้าวยาวตั้งแต่ 500mm ขึ้นไป
นอกจากภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้ว บริเวณโดยรอบเขตรักษาพันธุ์ฯ ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกสองจุดหลักๆ ครับ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกจัดขึ้นจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ชาวบ้าน, กรมป่าไม้, นักวิชาการ, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ร่วมมือกันจัดทำขึ้น เพื่อเป็นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืนนั่นเอง
บ้านต้นไม้ (หอส่องสัตว์) บ้านไผ่งาม
บ้านต้นไม้ เป็นบ้านไม้ไผ่ยกสูงเหนือระดับความสูงของช้าง เพราะบ้านต้นไม้ถูกดัดแปลงมาจากหอส่องสัตว์ที่ใช้สังเกตการณ์สัตว์ป่าที่ออกจากป่ามาใช้พื้นที่การเกษตรของชาวบ้านนั่นเอง
ภาพบรรยากาศบ้านต้นไม้ หรือหอส่องสัตว์บ้านไผ่งาม วิสาหกิจชุมชนตำบลระบำ
บ้านต้นไม้ลักษณะจะคล้ายกระท่อมไม้ แต่ยกสูง จะมีหลังคากันแดดกันฝนอยู่สองห้อง สามารถนอนค้างคืนได้ ทั้งสองหลังจะมีสะพานเชื่อมหากัน และมีระเบียงไว้สำหรับทำกิจกรรมร่วมกันได้ หอส่องสัตว์สามารถรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้ 3 ท่านต่อหนึ่งคืน เหมาะสำหรับตั้งแคมป์ป่าห้วยขาแข้งมากครับ
วัวแดงที่พบออกมาหากินในยามเช้าที่บริเวณทุ่งหอส่องสัตว์ไผ่งาม
สัตว์ป่าที่เข้ามาใช้พื้นที่ที่นักท่องเที่ยวอาจจะได้เจอ (แล้วแต่ดวง) เช่น วัวแดง นกยูง เก้ง และหากโชคดีอาจจะเจอเสือดาวลงมากินน้ำที่บ่อสำหรับการเกษตรที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่สำหรับสัตว์ป่านั่นเอง
นกกระแตผีเล็กคู่หนึ่ง กับแสงยามเย็นที่ชายทุ่งหอส่องสัตว์บ้านไผ่งาม
นอกจากสัตว์ป่าแล้ว นกทุ่ง และนกกลางคืนก็สามารถพบเจอได้ครับ ซึ่งในช่วงเย็นแสงของที่นี่จะสวยมากครับ
ข้อควรปฏิบัติ : นักท่องเที่ยวจะต้องเงียบ และเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด และไม่ควรลงจากห้างในเวลากลางคืน (เว้นแต่จะลงมาเข้าห้องน้ำ และควรส่องไฟสำรวจโดยรอบให้ทั่วเสียก่อน เมื่อปลอดภัยค่อยลงจากห้าง) เนื่องจากบริเวณดังกลาวพบเจอช้างเข้ามาใช้พื้นที่บ่อยๆ
การใช้ไฟในการส่องสัตว์ควรใช้ไฟสีขาว และสามารถส่องได้ไกลที่สุด เพราะสัตว์โดยส่วนมากจะอยู่ในระยะไกล การตั้งค่ากล้องควรใช้ ISO ที่เหมาะสมครับ
อุปกรณ์ที่แนะนำ : กล้อง ได้ทั้ง Fullframe และ Aps-c หากจะให้แนะนำก็ควรเป็นกล้องที่มีจำนวนพิกเซลเยอะๆ ที่ต้องการรายละเอียดสูง เพราะสัตว์อยู่ไกล และส่วนมากจะถ่ายในสภาพแสงน้อย การนำไปโพรเซสจึงจำเป็นอย่างยิ่ง และยังสามารถคร็อปภาพเพิ่มได้อีกด้วย
เลนส์ ควรเป็นเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสที่ค่อนข้างยาวตั้งแต่ 500mm ขึ้นไป เพราะสัตว์จะอยู่ในระยะที่ไกลมาก
อุปกรณ์เสริม ควรมีไฟฉายที่มีลำแสงบีมได้ไกลๆ และคม และควรเป็นแสงสีขาว
ล่องเรือชมธรรมชาติเขื่อนระบำ
กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ผมชอบมากๆ และ Recommend เลยครับ การล่องเรือท่องเที่ยวธรรมชาติห้วยขาแข้ง สามารถล่องได้ในช่วงเช้าและเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมสัตว์ และมีโอกาสในการได้พบเจอสัตว์มากที่สุดครับ
ท่าเรือสำหรับบริการล่องชมธรรมชาติ หรือส่องสัตว์ที่เขื่อนระบำ
ซึ่งการเลือกฤดูในการเข้าไปท่องเที่ยวก็เป็นสิ่งสำคัญครับ แล้วเที่ยวห้วยขาแข้งช่วงไหนดี? ในช่วงฤดูหนาว ผมแนะนำให้ไปในช่วงเช้า เพราะวิวทิวทัศน์ หรือ Landscape ที่นี่สวยมากๆ ครับ ส่วนในฤดูฝน และฤดูร้อน หรือหน้าแล้ง การล่องเรือช่วงเย็นจะมีโอกาสได้เจอสัตว์ป่ามากที่สุด เนื่องจากสัตว์ต้องการน้ำมากๆ แหล่งน้ำจึงเป็นศูนย์รวมของสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นช้างป่า กระทิง วัวแดง เก้ง ละองละมั่ง ครับ ในการถ่ายภาพแนะนำว่าให้แจ้งพี่คนขับเรือถึงความต้องการระยะ การจัดคอมโพส หรือทำให้เรือนิ่งได้ครับ
บรรยากาศในฤดูหนาวของการล่องเรือชมธรรมชาติ จะมีจุดที่มีหมอกขึ้น ซึ่งคนขับเรือรู้จุดที่ขึ้นและจะพาเราไปจุดนี้ทุกครั้ง
ช้างป่าที่ออกจากป่าเพื่อมายังแหล่งน้ำ ซึ่งจะพบเจอได้ง่ายในช่วงหน้าแล้ง และสามารถพบเจอได้หลายโขลง แต่ละโขลงก็จะมีจำนวนแตกต่างกัน
เวลาในการออกเรือจะมีสองรอบคือ รอบเช้า 06:00 น. และรอบเย็นจะเริ่มที่ 16:30 น. โดยระยะทางจะมี 2 ระยะทาง คือ รอบกว้าง ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 650 บาท และรอบสั้น ค่าบริการจะอยู่ที่ 350 และเรือสามารถขึ้นได้ไม่เกินลำละ 3 ท่าน ซึ่งสำหรับผมแล้วมันคุ้มมากครับ สำหรับการได้รับประสบการณ์ดีๆ ที่หาได้ยากอย่างนี้
นกเป็ด เป็นนกที่สวยมากในเวลาที่เตรียมตัวออกบิน และไม่ควรพลาดที่จะถ่ายแอคชั่นเหล่านี้เก็บไว้ด้วย
นกกับแสงยามเช้า แม้จะเป็นนกธรรมดาๆ แต่หากแสงสวยเราก็ไม่ควรพลาดที่จะบันทึกเก็บไว้
ช้างป่าลงมาเล่นน้ำในช่วงบ่ายของหน้าแล้ง ซึ่งมีอากาศที่ร้อนมากๆ น้ำจึงเป็นสิ่งดับกระหายและคลายร้อนได้ดีที่สุด
นกยูงออกมาหากินบริเวณชายป่า และอยู่ริมน้ำ
บรรยากาศนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนวิสาหกิจชุมชนตำบลระบำ
หลักจากล่องเรือชมสัตว์ป่าห้วยขาแข้งแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารและกระท่อมสำหรับพักผ่อน และมีตั้งแคมป์ริมป่าห้วยขาแข้ง อีกด้วย
กระท่อมสำหรับนั่งพักผ่อนหรือรับประทานอาหาร ซึ่งที่นี่มีร้านอาหารเปิดให้บริการด้วย
อุปกรณ์ที่แนะนำ : กล้อง ได้ทั้ง Fullframe และ Aps-c หากจะให้แนะนำก็ควรเป็นกล้องที่มีจำนวนพิกเซลเยอะๆ ที่ต้องการรายละเอียดสูง เพราะสัตว์อยู่ไกล และส่วนมากจะถ่ายในสภาพแสงน้อย การนำไปโพรเซสจึงจำเป็นอย่างยิ่ง และยังสามารถคร็อปภาพเพิ่มได้อีก
เลนส์ ควรเป็นเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสที่ค่อนข้างยาวตั้งแต่ 500mm ขึ้นไป เพราะสัตว์จะอยู่ในระยะที่ไกลมาก
ที่ตั้ง : ศูนย์เรียนรู้เกษตรธรรมชาติและเศรษฐกิจพอเพียงตำบลระบำ หมู่ที่ 19 บ้านใหม่สามัคคี ตำบล ระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/G8vCwxKRiAWTtPbD9
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
เพจ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100078060870035
สนใจกิจกรรมล่องเรือชมธรรมชาติและส่องสัตว์บ้านต้นไม้ไผ่งาม
สอบถามกลุ่มวิสาหกิจส่งเสริมท่องเที่ยวสัตว์ป่าตำบลระบำ : 092-7875461, 086-2007435
Leave feedback about this