OTHER REVIEWS

สมาร์ทโฟนกล้องคู่ สเปคแรง ราคาตํ่าหมื่นที่น่าใช้

Fotoinfo ได้นำเสนอเรื่องราวของกล้องสมาร์ทโฟนและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายฉบับ ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีของกล้องสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีความโดดเด่นและสามารถถ่ายทอดคุณภาพของภาพได้ดีที่สุด และให้ภาพที่เสมือนการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอลมากที่สุด ณ เวลานี้คงต้องยกให้สมาร์ทโฟนที่มีกล้องคู่ หรือ Dual camera

ในช่วงแรกของการเปิดตัวกล้องคู่ออกสู่ตลาด กลุ่มของสมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับสูง ที่มีราคาค่าตัวที่สูงตามการจัดระดับไปด้วย ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ อะไรที่ใหม่ ดูดี และสร้างกระแสได้ย่อมหมายถึงมูลค่าที่สูงตามไปด้วย แต่เพียงแค่ระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี กล้องคู่ก็ถูกขยับลงมาใช้กับสมาร์ทโฟนระดับกลาง หรือสมาร์ทโฟนในกลุ่มระดับราคาประมาณตั้งแต่ 7,000 – 10,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าด้วยปัจจัยในเรื่องของราคา และเป็นตลาดกลุ่มใหญ่ ที่มีความต้องการใช้งานและมีแรงซื้อสูงมาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่นอกจากเทคโนโลยีระดับสูงอย่างกล้องคู่แล้ว ผู้ผลิตยังใส่คุณสมบัติด้านอื่นๆ ของสมาร์ทโฟนแบบอัดแน่นมาไว้ในสมาร์ทโฟนระดับกลางนี้ด้วยเช่นกัน

ในฉบับนี้ผมขอแนะนำสมาร์ทโฟนระดับกลาง กล้องคู่สเปคแรง ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท 5 รุ่น คือ nubia Z17 Mini , Asus ZenFone 4 Max Pro, Moto G5S Plus , Xiaomi Mi A1 และ Huawei Nova 2i

nubia ชื่อที่หลายๆคนอาจจะไม่คุ้นเคยนัก เป็นสมาร์ทโฟนคุณภาพสูงทั้งวัสดุตัวเครื่อง สเปค และเรื่องกล้องที่มีความโดดเด่น คุณภาพสูงกว่าแบรนด์ดังๆหลายแบรนด์ มีสมาร์ทโฟนออกมาหลายรุ่น ตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับสูงรองรับความต้องการใช้งานครบทุกระดับ Z17 Mini สมาร์ทโฟนกล้องคู่ (Dual-Camera) รุ่นใหม่ล่าสุดที่ ถอดแบบมาจาก Z17 สมาร์ทโฟนระดับ High end ของค่าย โดยลดสเปคบางอย่างลงมา แต่ยังคงคุณภาพความไหลลื่น ฟีเจอร์เด่นๆ และกล้องถ่ายภาพเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ตัวเครื่องผลิตด้วยโลหะแบบ Unibody ให้ความหรูหรา จับกระชับมือ ใช้งานสะดวกด้วยขนาดตัวเครื่อง 146.65×72.5×7.45 มม. น้ำหนักเพียง 155 กรัม

nubia Z17 Mini ใช้จอแสดงผล LTPS ขนาด 5.2” ความละเอียด Full HD 1080p ครอบทับด้วยกระจกขอบนูน 2.5D Corning Gorilla Glass ชิปประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 652 และ 653 หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 510 ความจุ RAM ขนาด 4GB และ ROM ขนาด 64GB รองรับเมมโมรี่การ์ด microSD สูงสุดที่ 200GB รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบทับด้วย nubia UI 4.0 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) รักษาความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C และไร้สายด้วย Wi-Fi, Bluetooth 4.1 และ NFC ความจุแบตเตอรี่ 2950 mAh กล้องหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX258 ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ทั้งสองชุด โดยแยกเป็น RGB และ MONO อย่างละชุด ขนาดรูรับแสงกว้างสุดที่ F/2.2 ระบบออโต้โฟกัส PDAF (Phase Detection Autofocus) ที่สามารถโฟกัสภาพได้ภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว และไฟแฟลช LED รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K Ultra HD ใช้งานง่ายด้วยไอคอนของโหมดต่างๆ เช่น HDR, ไฟแฟลช LEDโหมดถ่ายภาพต่างๆ เช่น โหมดถ่ายภาพการวาดแสง, Time-Lapse, พาโนราม่า , ถ่ายภาพดวงดาว โหมดโปรสามารถปรับค่าถ่ายภาพได้ทั้ง ความเร็วชัตเตอร์, ไวท์บาลานซ์ เลือกจุดโฟกัส และตั้งค่าการใช้งานอื่น เช่น จุดตัดเก้าช่อง, ระบบตรวจจับใบหน้า, เปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์, ปรับสัดส่วนของภาพ, ระบบตรวจจับใบหน้า, ระบบตรวจจับรอยยิ้ม, การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, ทัชชัตเตอร์ และระดับนํ้ากล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ติดเลนส์มุมกว้าง 80 องศา รูรับแสงกว้างสุดที่ F/2.0 ใช้แสงสว่างจากหน้าจอแทนแสงแฟลชสำหรับถ่ายภาพมีโหมดถ่ายภาพให้เลือก 2 โหมด คือถ่ายภาพปกติ ถ่ายภาพหน้าสวย ปรับได้ 10 ระดับ ตั้งค่าการทำงานได้เหมือนกล้องหลัง ทั้งจุดตัดเก้าช่อง, ระบบตรวจจับใบหน้า, เปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์, ปรับสัดส่วนของภาพ, ระบบตรวจจับใบหน้า, ระบบตรวจจับรอยยิ้ม, การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, ทัชชัตเตอร์

Asus ZenFone 4 Max Pro สมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูงอีกรุ่นหนึ่งของซีรี่ส์ ZenFone 4 ที่นอกจากจะมีความโดดเด่นในเรื่องของประสิทธิภาพ ความเร็วและแรงไม่แพ้รุ่นใหญ่ เรื่องขนาดความจุแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานเกินหนึ่งวันแล้ว ยังมาพร้อมกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) ที่อัดแน่นด้วยฟังก์ชั่นการทำงานอันโดดเด่น จากกล้องความละเอียดสูง 16 ล้านพิกเซล ตัวเครื่องผลิตด้วยอลูมิเนียม แบบ Unibody ให้ความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานสะดวกด้วยขนาดตัวเครื่อง 154 x 76.9 x 8.9 มม. น้ำหนัก 181 กรัม

Asus ZenFone 4 Max Pro ใช้จอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 5.5” ความละเอียด Full HD 1080p ใช้ชิปประมวลผลQualcomm Snapdragon 430 ความเร็ว 1.4 GHz ความจุ RAM ขนาด 3GB และ ROM ขนาดความจุ 32GB รองรับเมมโมรี่การ์ดแบบ microSD สูงสุดที่ 256GB รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ครอบทับด้วย Asus ZenUI รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE และรองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยด้วย เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) เชื่อมต่อผ่านพอร์ต Micro USB และไร้สายด้วย Wi-Fi และ Bluetooth ความจุแบตเตอรี่ 5000 mAh พร้อม PowerMaster ระบบจัดการการใช้งานแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้น และช่วยยืดอายุแบตเตอรี่

ZenFone 4 Max Pro มาพร้อมกล้องหลังแบบคู่ (Dual-Camera) เทคโนโลยี Pixel Master ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และ 5 ล้านพิกเซล Ultra-Wide 120 องศารูรับแสงกว้างสุด F/2.0 และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS พร้อมไฟแฟลช LED มีโหมดการทำงานหลักๆคือ Auto, Beauty, Pro, Gif Animation, Time-lapse, Panorama และ Super Resolution ปรับอัตราส่วนภาพถ่ายได้ที่ 4:3, 16:9 โหมด HDR , เอฟเฟกต์เปลี่ยนโทนสีภาพ 9 โทน , ทัชชัตเตอร์ และเปิดเส้นจุดตัด 9 ช่อง วีดีโอความละเอียด Full HD กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ติดเลนส์มุมกว้าง 76 องศา รูรับแสงกว้างสุด F/2.0 และมาพร้อมไฟแฟลช Softlight LED และมาพร้อมโหมดถ่ายภาพแบบ Beauty Mode สามารถปรับหน้าเนียนได้ 10 ระดับ และสามารถปรับแต่งผิวขาวปรับตาโตได้พร้อมกัน ถ่ายวีดีโอความละเอียด HD

Moto G5S Plus สมาร์ทโฟนระดับกลาง รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับตัวเครื่องผลิตด้วยอะลูมิเนียม ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ออกแบบสไตล์ unibody ตัวเครื่องยังมีคุณสมบัติป้องกันน้ำ ด้วยเทคโนโลยี Water repellent nano-coating เคลือบผิวบอดี้ด้วยนาโน มาพร้อมฟีเจอร์เด่นครบครัน และยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกจากค่าย Moto ที่มาพร้อมกล้องคู่ (Dual-Camera) ที่ถ่ายทอดคุณภาพสูงสุด และอัดแน่นด้วยคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพระดับมืออาชีพมากมาย ใช้งานสะดวกด้วยขนาดบอดี้ 153.5×76.2×8.0 มม. หนักเพียง 168 กรัม

Moto G5S Plus ใช้จอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 5.5” ความละเอียด Full HD 1080p ใช้ชิปประมวลผลแบบ Octa-Core Qualcomm Snapdragon 625 ความเร็ว 2.0 GHz หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 506 ความจุ RAM ขนาด 4GB และความจุ ROM ขนาด 32GB และ 64GB รองรับเมมโมรี่การ์ด microSD สูงสุด 128GB รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.1 Nougat รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ(Fingerprint Scanner) เชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB 2.0 และเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi , Bluetooth แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh ที่พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว TurboPower ชาร์จเพียง 15 นาทีสามารถใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง Moto G5S Plus มาพร้อมกล้องหลังคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ทั้งสองชุด ใช้เซ็นเซอร์ RGB และ Monochrome แยกกันอย่างละชุด รูรับแสง F/2.0 พร้อมไฟแฟลช LED แบบ Dual Tone ปรับความสมดุลของสีได้ มาพร้อมโหมดถ่ายภาพหลากหลายรวมทั้ง Pro mode ที่สามารถปรับตั้งค่าการทำงานของกล้องได้อย่างอิสระ สามารถเลือกจุดโฟกัสก่อนถ่ายภาพโดยแสดงภาพแบบ Real time ที่หน้าจอ และยังเลือกเปลี่ยนจุดโฟกัสใหม่ หรือเลือกปรับความเบลอของฉากหลังได้หลังการบันทึกภาพ มาพร้อมฟังก์ชั่นเปลี่ยนสีฉากหลัง หรือ เปลี่ยนภาพฉากหลัง รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 4K Ultra HD/30pกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ติดเลนส์มุมกว้าง (Wide-Angle) ขนาดรูรับแสง F/2.0 มาพร้อมโหมด Beautification หรือปรับหน้าเนียน ที่เลือกปรับได้ถึง 10 ระดับ และยังมาพร้อมไฟแฟลช LED ที่ช่วยส่องสว่างให้ใบหน้าให้ได้ภาพถ่ายที่คมชัด และยังมีโหมด panorama ถ่ายภาพเซลฟี่กลุ่มมุมกว้างในแนวตั้งมาให้ใช้งานด้วย

Xiaomi ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อีกรายจากแดนมังกร เข้ามาลุยตลาดสมาร์ทโฟนในบ้านเราอย่างเป็นทางการ และส่งสมาร์ทโฟนทุกระดับเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง Mi A1 สมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นล่าสุด เป็นรุ่นแรกของ Xiaomi ที่มาจากโครงการ Android One ที่มีจุดเด่นเรื่องของการอัพเดทซอฟท์แวร์อย่างต่อเนื่อง มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 7.1.1 (Nougat) และจะได้รับการอัปเดตเป็น Android 8.0 Oreo ภายในสิ้นปีนี้ บอดี้ผลิตด้วยโลหะไร้รอยต่อ Unibody ไมโครโฟนคู่ที่มีระบบตัดเสียงรบกวนพัฒนาโดย Fortemedia และยังโดดเด่นด้วยกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) ที่มาพร้อมโหมดการใช้งานหลากหลายระดับเดียวกับสมาร์ทโฟนรุ่นสูง

Xiaomi Mi A1 ใช้จอแสดงผล IPS ขนาด 5.5” ความละเอียด Full HD 1080pใช้ชิปประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 625 หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 506 ความจุ RAM ขนาด 4GB และความจุ ROM ขนาด 64GB รองรับเมมโมรี่การ์ด microSD สูงสุดที่ 128GB รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) เชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB Type-C เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi และ Bluetooth 4.2 แบตเตอรี่ความจุ 3080 mAh

กล้องหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทั้งสองชุด แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่น Mi6 พร้อมไฟแฟลช Dual-Tone LED กล้องตัวแรกติดเลนส์มุมกว้าง Wide Angle ทางยาวโฟกัส 26 มม. รูรับแสง F/2.2 ส่วนกล้องตัวที่สองมาพร้อมเลนส์ Telephoto รูรับแสง F/2.6 ใช้ระบบออโต้โฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) เลนส์ทั้งสองชุดมีระบบประมวลผลเฉพาะและ deep learning ทำให้ได้ภาพที่มีรายละเอียด ความคมชัดสมจริง และการเบลอที่ดูเป็นธรรมชาติ สามารถซูมแบบ Optical ได้ 2X และ Digital Zoom 10X มาพร้อมโหมดปรับแต่งผิวสวย Beautify 3.0 , พานอราม่า , แมนนวล, เซลฟี่กลุ่ม และปรับเลือกขนาดภาพแบบ 1:1 สำหรับอัพลง IG มาให้ใช้งาน และด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนในโครงการ Android One จึงได้ประโยชน์ในการเก็บภาพถ่ายได้ไม่มีจำกัดพื้นที่บน Google Photo พ่วงมาด้วยกล้องหน้าใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล โดยใช้พิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน รูรับแสง f/2.0 มาพร้อมไฟแฟลช LED ระบบตรวจจับใบหน้า และ โหมดปรับแต่งผิวหรือบิวตี้โหมดที่สามารถเลือกปรับหน้าเรียว และความเนียนได้หลายระดับ

Huawei Nova 2i สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด ที่แม้จะมีราคาเกิน 10,00 แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่น่าสนใจคือ มาพร้อมกล้อง 4 ตัว (Quad Camera) รุ่นแรกของ Huawei เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง นอกจากนั้นยังใช้ดีไซน์แบบใหม่ด้วยสัดส่วนหน้าจอ 18:9 ใช้หน้าจอแบบ FullView Display ตัวเครื่องผลิตด้วยโลหะแบบ Metal-Unibody ดีไซน์ใหม่แบบ Symmetrical Design ที่มีความสมมาตรในทุกองค์ประกอบ อีกทั้งยังรองรับการทำงานแบบสองหน้าจอพร้อมกันและยังสามารถเลือกปรับขนาดหน้าจอทั้งสองขณะใช้งานได้ด้วย ใช้งานสะดวกด้วยขนาด 156.2 × 75.2 × 7.5 มม. น้ำหนัก 164 กรัม

Huawei Nova 2i ใช้หน้าจอแสดงผล IPS ขนาด 5.9” ความละเอียด Full HD+ (1080×2160 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D ใช้ชิปประมวลผล Octa-Core Kirin 659 และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) MaliT830-MP2 ความจุ RAM ขนาด 4GB และความจุ ROM ขนาด 64GB รองรับเมมโมรี่การ์ด microSD สูงสุดที่ 256GB รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ครอบทับด้วย EMUI 5.1 รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) รองรับระบบเสียงคุณภาพสูงแบบ Histen & aptX เชื่อมต่อด้วยพอร์ต microUSB เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi และ Bluetooth 4.2 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3340 mAh พร้อมฟังก์ชั่นประหยัดพลังงาน Intelligent Power Saving 5.0 ล็อกอิน Facebook ได้พร้อมกัน 2 บัญชีผ่านฟีเจอร์ App Twin กล้องหลังแบบคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล ระบบออโต้โฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และไฟแฟลช LED ที่มีSelfie Toning ปรับแสงได้ 2 ระดับ และยังมาพร้อมโหมดถ่ายภาพโบเก้ หรือหน้าชัดหลังเบลอ , ฟังก์ชั่น Moving Picture ถ่ายภาพเคลื่อนไหว 2 วินาทีและบันทึกภาพนิ่งต่อ, Portrait Mode ปรับหน้าสวย 10 ระดับ, Pro Mode, HDR, panorama, วาดด้วยแสง, ถ่ายภาพกลางคืน และเอฟเฟ็กต์แต่ภาพอีก 18 แบบ วีดีโอสโลโมชั่น รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p กล้องหน้าคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และไฟแฟลช LED สำหรับเซลฟี่ที่กล้องหน้าให้แสงเป็นธรรมชาติ พร้อมโหมดถ่ายภาพโบเก้ หน้าชัด-หลังเบลอ), ฟังก์ชัน Moving Picture ถ่ายภาพเคลื่อนไหว 2 วินาทีและบันทึกภาพนิ่งต่อ , Portrait Mode ปรับหน้าสวย 10 ระดับ รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p

 

สมาร์ทโฟนทั้ง 5 รุ่นที่ได้แนะนำไป แม้จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ดูจากสเปคตัวเครื่องและสเปคกล้องถ่ายภาพแล้ว นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีสเปคสูงแต่ละรุ่นแม้จะมีดีไซน์ที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ก็อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ครบถ้วน และมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แม้ราคาจะไม่สูงเกินไป สามารถซื้อมาใช้งานได้แบบไม่ต้องคิดมาก แต่แนะนำว่าก่อนซื้อถ้าได้ไปลองเล่น ลองใช้งานตัวเครื่อง ลองเล่นกล้องดูก่อน เลือกให้ถูกใจที่สุด แล้วค่อยเลือกซื้อรุ่นที่ตรงใจที่สุดมาใช้งาน จะเป็นการคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปครับ

เรื่อง / ภาพ : สมศักดิ์ ทัศนเศรษฐ


อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^

(SCAN QR CODE ด้านล่างเพื่อเพิ่มเพื่อนใน Line อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ)

 

 


หรือสนใจดูเรื่องราวเกี่ยวกับ Smart Phone ที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่
https://test2.fotoinfo.online/mirrorless-smart-phone/smart-phone-corner/