บนโลกใบนี้มีเลนส์อยู่หลากหลายแบบ และเลนส์ซูมก็มักจะเป็นทางเลือกที่ดีแบบหนึ่งในด้านความสะดวก ยืดหยุ่น และความสารพัดประโยชน์จากหลากหลายช่วงทางยาวโฟกัสที่สามารถเปลี่ยนได้เพียงแค่การหมุนเลนส์ไม่กี่ที แต่อย่างไรก็ตามความสะดวกนี้มีสิ่งที่ต้องแลกมาคือ คุณภาพของภาพจากกลุ่มของชิ้นเลนส์ที่มีจำนวนมากที่ถูกจัดวางอย่างซับซ้อนโดยมีการเคลื่อนที่ถอยหลังหรือเดินหน้าเพื่อซูมภาพซึ่งเป็นการลดประสิทธิภาพทางออฟติคัล


ตัวอย่างของกลุ่มชิ้นเลนส์ของเลนส์ที่มีระยะใกล้เคียงหรือเท่ากันของเลนส์ซูมกับเลนส์ทางยาวโฟกัสเดียวที่มีการใช้จำนวนชิ้นเลนส์ที่แตกต่างกัน
ความคมชัดมักเป็นสิ่งแรกที่ได้รับผลกระทบ และตามมาด้วยดิสทอร์ชั่นแบบ Barrel และ Pincushion ที่ช่วงซูมกว้างสุดและยาวสุด นอกจากนี้ยังอาจพบกับความคลาดสีหรือ Chromatic Aberration หรือการเหลื่อมสีบริเวณขอบของส่วนที่มีคอนทราสต์มากในภาพเพิ่มขึ้น และอาการขอบภาพมืดหรือ Vignette รวมถึงอาการที่มักพบเมื่อใช้รูรับแสงกว้างสุดที่ช่วงมุมกว้างสุดของเลนส์ซูม คือ Ghosting และแฟลร์ที่มากกว่า แม้ในปัจจุบันผู้ผลิตจะมีการออกแบบชิ้นเลนส์เพื่อแก้ไขความผิดพลาดเหล่านี้อยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ใช่กับเลนส์ซูมทุกตัวครับ

คุณภาพที่แตกต่างกันบริเวณขอบภาพของเลนส์ทางยาวโฟกัสเดียว (24mm) กับเลนส์ซูมที่ระยะ 24mm แม้เป็นระยะเดียวกัน
ขณะที่กับเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยว ดิสทอร์ชั่น และอาการขอบภาพมืดจะน้อยกว่าเลนส์ซูมอย่างชัดเจน แน่นอนความคมชัดอยู่ในระดับที่เหนือกว่าด้วย จนทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์ภาพความละเอียดสูงใหม่ๆ ได้อย่างสูงสุด

ดิสทอร์ชั่นที่เกิดจากการใช้เลนส์ซูม
ข้อดีอีกข้อที่สำคัญมากๆ ของการใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวคือ มักจะมีความไวแสงกว่า ซึ่งหมายถึงการมีรูรับแสงกว้างสุดที่กว้างกว่าซึ่งช่วยให้ใช้ความเร็วชัตเตอร์ได้สูงขึ้น อย่างเช่นเลนส์ซูม ที่ระยะ Normal 18-55 มม. มักจะมีรูรับแสงกว้างสุดที่ f3.5 ที่ช่วงมุมกว้างสุด และขยับมาที่ f5.6 ตั้งแต่ช่วงประมาณ 50 มม. แต่หากเปลี่ยนมาเป็นเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวอย่าที่ระยะ Normal อย่าง 20mm 30mm 50mm ค่า f ที่สามารถทำได้นั้นจะสามารถเปิดได้ถึง f1.4 (แล้วแต่การออกแบบของเลนส์แต่ละตัว) จะได้รูรับแสงกว้างสุดที่มากกว่าถึง 4 สตอป (โดยประมาณ)


ซึ่งในสภาพแสงน้อยกับเลนส์ซูมที่ให้ความเร็วชัตเตอร์ 1/15 วินาที แต่กับเลนส์ที่มีรูรับแสง f1.4 จะให้ความเร็วชัตเตอร์สูงถึง 1/250 วินาที หากไม่ใช่เลนส์ที่มีรูรับแสง f1.4 แต่เปลี่ยนเป็นเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f1.8 ก็จะมีความไวแสงกว่า f5.6 ถึง 3.3 สตอป และมีความไวแสงกว่า 2 สตอปกับเลนส์รุ่น f2.8
อย่างไรก็ตามความไวแสงกว่าของเลนส์ที่ช่วยหยุดการเคลื่อนที่ของวัตถุได้ ยังไม่ใช่ประโยชน์ทั้งหมด เพราะประโยชน์ข้อใหญ่อีกด้านที่จะได้รับจากเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวไวแสงคือระยะชัดที่แคบของเลนส์ ที่จะช่วยให้วัตถุหลักหรือสิ่งที่น่าสนใจในภาพเด่นขึ้นด้วยการทำให้ฉากหลังเบลอ (depth of field ที่แคบลง หรือตื้นลง) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักถ่ายภาพพอร์เทรตชื่นชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉากหลังรกและมีสิ่งที่อาจดึงความสนใจไปจากวัตถุหลักได้

อาจเป็นปัญหาสักหน่อยในการใช้รูรับแสงกว้างในสถานการณ์ที่มีแสงแดดจัด แต่ก็สามารถลดปัญหานี้ได้โดยการใช้ฟิลเตอร์ ND ที่ปัจจุบันนอกจากจะมีแบบที่ลดค่าแสงตายตัวแล้ว ยังมีรุ่นที่สามารถปรับลดค่าแสงได้หลากหลายสตอปให้เลือกใช้ด้วย ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีเมื่อถ่ายวิดีโอและต้องการภาพแบบภาพยนตร์ที่มีระยะชัดน้อยมาก
ทางยาวโฟกัสเลนส์กับขนาดเซ็นเซอร์
ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่นักถ่ายภาพควรคิดถึงเมื่อจะซื้อเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวคือทางยาวโฟกัสเลนส์ที่จะได้รับ ย้อนกลับไปในยุคของฟิล์ม 35 มม. เลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยว 50mm ถูกพิจารณาว่าเป็นเลนส์มาตรฐานเนื่องจากให้เพอร์สเปคทีฟใกล้เคียงกับการมองภาพของตาคนที่สุด โดยไม่มีการขยายให้มากขึ้นอย่างเลนส์เทเลโฟโต หรือขยายออกอย่างเลนส์มุมกว้างเพื่อเก็บพื้นที่ให้มากขึ้นในภาพ

อย่างไรก็ตามด้วยหลากหลายขนาดของเซ็นเซอร์ภาพที่มีให้เลือกใช้ในปัจจุบัน สิ่งต่างๆ จึงไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะหากใช้กล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ภาพ APS-C ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าฟูลเฟรมอย่าง Canon EOS R7, R10 หรือ Nikon Z30, Z50 จะมีความแตกต่างไปจากเดิมด้วยสิ่งที่เรียกว่าครอปแฟกเตอร์ โดยเลนส์ 35 มม. จะกลายเป็นเลนส์ที่ให้เพอร์สเปคทีฟบนกล้องใกล้เคียงกับที่ได้จากเลนส์ 50 มม. บนกล้องฟูลเฟรม
เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวได้มากขึ้น ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวจากปัจจัยต่างๆ
1. ทำให้นักถ่ายภาพทำงานมากขึ้น
เลนส์ซูมทำให้การทำงานง่าย และอาจเป็นสามเหตุที่นักถ่ายภาพจะขี้เกียจเพราะใช้วิธีการซูมเข้าซูมออกเอาก็ได้ ซึ่งเป็นการใช้ให้เลนส์ทำงานแทน แต่เลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวจะทำให้นักถ่ายภาพต้องขยันมากขึ้น คิดเกี่ยวกับมุมภาพมากขึ้น และเป็นการบังคับให้ต้องสร้างสรรค์มากขึ้นตามไปด้วย การเปลี่ยนมุมแคบหรือกว้าง ช่างภาพจำเป็นจะต้องเดินเข้าหรือถอยออกเท่านั้น หรือ หากไม่ซีเรียตเกี่ยวกับการครอปภาพ ช่างภาพก็มักจะใช้เลนส์ฟิกซ์มุมกว่างถ่ายมาก่อน แล้วมาครอปภายหลัง แต่แน่นอนว่าภาพที่ได้ไม่เหมือนกันแน่นอน (หากยอมรับได้ก็สามารถทำได้)
2. ใหญ่กว่ามักจะดีกว่า
ใหญ่กว่า อันหมายถึง เมื่อเลนส์ออกแบบให้สามารถเปิดรู้รับแสงได้กว้างขึ้น นั่นหมายความว่ากระบอกเลนส์ก็อาจจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย (แต่! ใหญ่ขึ้นอาจจะไม่ใช่หนักขึ้นก็ได้) เมื่อเปิดรูรับแสงได้กว้างอย่างเลนส์ที่มีความไวแสงสูงสุดด้วยรูรับแสง f1.4 หรือ f1.8 ช่วยให้ได้ความเร็วชัตเตอร์สูงขึ้นและลดระยะชัดลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มีประโยชน์เหนือกว่าเลนส์ f3.5, f5.6

3. เลือกทางยาวโฟกัสเลนส์
ก่อนที่จะเข้าสู่โลกของเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวนักถ่ายภาพควรมีการศึกษาก่อนตัดสินใจซื้อ หรือเลือกใช้เลนส์ ช่างภาพจะต้องเข้าใจและจดจำได้อย่างขึ้นใจเลยว่าเลนส์มุมไหนให้ภาพแบบใด ผู้ใช้ต้องจินตนาการภาพออกตามสถานการณ์ที่จะต้องใช้ ซึ่งหากผู้ใช้ไม่ชำนาญ เลนส์ทางยาวโฟกัสเดียวอาจเป็นปัญหามากกว่า อย่างเช่นในสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนระยะโฟกัสอย่างรวดเร็ว (เช่น การถ่ายภาพกีฬา หรือสัตว์ป่า) การใช้เลนส์ฟิกซ์จะเสียเวลาในการเปลี่ยนตำแหน่งมาก
4. เปิดรูรับแสงกว้าง
เมื่อถ่ายภาพโดยเปิดรูรับแสงกว้างสุดด้วยเลนส์ไวแสง f1.4 หรือบางตัวอาจเจอปัญหาตั้งแต่ f2.8 ก็มี คุณมีโออากาสที่จะพบเจอปัญหาความคมชัดที่ได้จะลดน้อยลงในบางส่วนของภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ขอบภาพ แต่ผลลักษณะนี้อาจไม่เหมือนกันในเลนส์แต่ละรุ่น

5. ท้าทายแสง
เลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวส่วนใหญ่ให้ f ที่กว้างสุดมาให้ อย่าง f1.4 f1.8 (โดยเฉพาะระยะ Normal ที่เหมาะกับการถ่าย Portrait) ดังนั้นการใช้งานที่ f ดังกล่าวมักจะเป็นความต้องการใช้งานเพื่อสร้างสรรค์ภาพหน้าชัดหลังเบลอ

แต่ในสถานการณ์ที่มีแสงสว่างมากเกินไป คุณควรลงทุนกับฟิลเตอร์ ND หากต้องการถ่ายภาพด้วยรูรับแสงกว้าง เพราะจะช่วยให้สามารถลดระยะชัดในสภาพแสงแดดที่แรงได้ (แม้จะเพิ่มค่าสปีดชัตเตอร์ช่วยได้ แต่นั่นอาจนำปัญหาใหม่มาให้ด้วย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการถ่ายวิดีโอที่จำเป็นต้องใช้ชัตเตอร์สปีดสองเท่าของเฟรมเรต (1/60 โดยประมาณ)
6. นํ้าหนัก
ด้วยการไม่มีบางชิ้นส่วนเหมือนอย่างเลนส์ซูม จึงทำให้เลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวมีขนาดกระทัดรัดกว่าและนํ้าหนักเบากว่าเลนส์ซูมที่มีช่วงทางยาวโฟกัสเดียวกัน ทำให้เหมาะหากต้องการเดินทางพร้อมนํ้าหนักที่เบา แต่อย่างไรก็ตามเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวบางรุ่นที่มีราคาแพงมักจะประกอบด้วยชิ้นเลนส์คุณภาพสูงหลายชิ้น พร้อมด้วยตัวเลนส์ขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแรงจึงทำให้มีนํ้าหนักมากขึ้น อย่างเลนส์ช่วง 50mm ก็จะมีทั้ง f1.8, f1.4, f1.2 และในเลนส์แต่ละค่า f ก็มักจะมีน้ำหนักต่างกันตามคุณภาพของเลนส์

7. ราคาสูงในเลนส์คุณภาพสูง ควรค่าแก่การลงทุน
เลนส์ฟิกซ์ที่มีรูรับแสงกว้างมากและคุณภาพระดับสูง เช่น f/1.2 อาจมีราคาสูงมาก (บ้างก็ว่ายิ่งกว้างยิ่งแพง ฮ่าๆๆ) หากสามารถเพิ่มงบสำหรับซื้อเลนส์ได้ ควรเลือกซื้อเลนส์ที่มีออฟติคระดับโปรซึ่งรองรับการใช้ร่วมกับกล้องฟูลเฟรม แม้ว่าจะใช้กล้อง APS-C อยู่ก็ตาม เพราะวันหนึ่งในอนาคตหากมีโอกาส นักถ่ายภาพอาจจะเปลี่ยนกล้องเป็นฟอร์แมตฟูลเฟรมได้
เทคนิคการถ่ายภาพด้วยเลนส์ฟิกซ์สำหรับงานประเภทต่างๆ
เลนส์ทางยาวโฟกัสเดียวแต่ละระยะจะให้มุมมองและมิติภาพที่แตกต่างกัน (ระยะเลนส์ที่แนะนำอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเซ็นเซอร์กล้องด้วยครับ) และ การเลือกใช้ระยะเลนส์ก็อาจขึ้นอยู่กับรสนิยม ความชอบส่วนตัว และรวมถึงความต้องการสร้างสรรค์ภาพของแต่ละบุคคลด้วย แต่ระยะที่แนะนำนี้เป็นระยะที่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าใจและลองฝึกใช้เลนส์ช่วงต่างๆ ได้ง่ายขึ้นครับ
งานแต่ง/งานอีเวนต์ ทางยาวโฟกัสแนะนำ : 20mm, 24mm, 35mm, 50mm, 85mm ครับ แนะนำให้ใช้ 20mm, 24mm, 35mm สำหรับภาพบรรยากาศในงาน (Wide view) 85mm สำหรับภาพบุคคล (Portrait) เน้นการละลายฉากหลังและใช้รูรับแสงกว้างในที่แสงน้อย

ถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ทางยาวโฟกัสแนะนำ : 50mm, 85mm, 135mm ว่ากันว่าในระยะ 85mm ถือเป็นระยะที่ให้มิติภาพใกล้เคียงสายตามนุษย์และมีการบิดเบือนน้อยที่สุดครับ และควรใช้รูรับแสงกว้าง เช่น f/1.4, f/1.8 เพื่อเน้นตัวแบบให้โดดเด่นออกจากพื้นหลังครับ ซึ่งมันเป็นสเน่ห์ของเลนส์ทางยาวโฟกัสเดียวที่เปิด f กว้างได้เลยหละครับ

ถ่ายภาพสตรีท (Street) ทางยาวโฟกัสแนะนำ : 35mm, 50mm ที่ระยะ 35mm หรือ 50mm จะเป็นระยะที่ใกล้เคียงกับมุมมองสายตาของมนุษย์ขณะมองตรง ทำให้ภาพดูเป็นธรรมชาติ ฝึกเดินหาจังหวะและเข้าใกล้ตัวแบบให้มากขึ้น ลองให้หลากหลายมุมจะทำให้ได้ภาพที่พิเศษและแตกต่างได้ครับ


ถ่ายภาพกีฬา ทางยาวโฟกัสแนะนำ : 200mm, 300mm, 400mm หรือมากกว่า (โดยส่วนมากช่างภาพจะอยู่ไกลจากกิจกรรมของผู้แข่งขัน) แนะนำให้ใช้เลนส์เทเลโฟโต้ฟิกซ์ที่มีทางยาวโฟกัสยาว เพื่อเข้าถึงแอคชั่นที่อยู่ไกล ใช้รูรับแสงกว้างเพื่อเก็บแสงและเพื่อให้ใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้นได้นั่นเองครับ


ถ่ายภาพสัตว์ป่า ทางยาวโฟกัสแนะนำ : 400mm, 600mm หรือมากกว่า ซึ่งก็แล้วแต่ชนิดของสัตว์ ถ้าเป็นสัตว์เล็กก็สามารถใช้ที่ระยะซุปเปอร์เทเลฯ ได้เลยครับ หากเป็นสัตว์ใหญ่ก็ต้องดูที่ระยะห่างระหว่างช่างภาพกับตัวสัตว์ด้วย โดยส่วนตัวแล้วหากเป็นสัตว์ใหญ่ จากประสบการณ์ที่ระยะ 100mm, 300mm ก็ถือว่าสามารถใช้ได้เช่นกันครับ แต่โดยรวมแล้ว สัตว์มักจะไม่อยู่ใกล้คน เพราะฉะนั้น เลนส์ซุปเปอร์เทเลฯ จึงมักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ของการถ่ายภาพสัตว์ป่า เพื่อรักษาระยะห่างจากสัตว์ป่านั่นเอง และหากจริงจังกับงานสายนี้ก็แนะนำให้ใช้เลนส์ที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดแม้ถ่ายในระยะไกลครับ

ถ่ายภาพสถาปัตย์กรรม ทางยาวโฟกัสแนะนำ : 20mm, 24mm, 35mm แนะนำให้ใช้เลนส์มุมกว้าง (Wide Angle) เพื่อเก็บรายละเอียดของอาคารและองค์ประกอบโดยรอบได้ครบ แต่! ก็ควรระวังการบิดเบือนของเส้นตรงของตัวอาคารซึ่งเกิดจากเลนส์มุมกว้างนั่นเองครับ

ถ่ายภาพท่องเที่ยว ทางยาวโฟกัสแนะนำ : 35mm, 50mm ที่ระยะ 35mm เป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นที่สุดสำหรับการถ่ายภาพหลายประเภทในทริปเดียว ตั้งแต่ภาพทิวทัศน์ไปจนถึงภาพอาหาร ภาพสตรีท รวมถึงภาพบุคคลด้วยเช่นกันครับ


ถ่ายภาพสินค้า (Product) ทางยาวโฟกัสแนะนำ : 50mm, 85mm, Macro Lens และหลายๆ ช่างภาพหลายคนมักแนะนำให้ใช้เลนส์มาโครที่เป็นเลนส์ฟิกซ์ เพื่อให้สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้มากและเก็บรายละเอียดของสินค้าได้อย่างคมชัด ครบตามที่ลูกค้า หรือเจ้าของสินค้าต้องการนำเสนอนั่นเองครับ
ทั้งหมดที่เล่ามาเป็นเพียงการแนะนำขั้นพื้นฐานเพื่อให้ผู้อ่านได้ลองพิจารณาและนำไปปรับใช้ได้ครับ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านบ้างนะครับ และขอให้มีความสุขกับการทดลอง ฝึก และทำงานถ่ายภาพอย่างมีความสุขนะครับ ไว้เจอกันเรื่องหน้าครับ


Leave feedback about this