เทคนิคง่ายๆถ่ายภาพน้ำตก

ในช่วงฤดูฝน ช่างภาพหลายคนรอโอกาสที่จะคว้ากล้องถ่ายรูปออกไปถ่ายภาพน้ำตก โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกชุก

เพราะจะได้ภาพน้ำตกที่มีสายน้ำสมบูรณ์ มีองค์ประกอบแวดล้อมที่เขียวขจี สวยงาม 

ช่างภาพส่วนใหญ่ที่ออกไปถ่ายภาพน้ำตก มักจะต้องการให้ภาพสายน้ำตกออกมาดูอ่อนนุ่ม พลิ้วไหว ซึ่งจะต้องเลือกใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ยิ่งใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำมากเท่าไหร่ สายน้ำก็ยิ่งจะพลิ้ว นุ่มนวลมากขึ้นตามไปด้วย 

การถ่ายภาพน้ำตก จะมีองค์ประกอบแวดล้อมอื่นๆที่สวยงาม รอบๆบริเวณน้ำตก จึงมักนิยมถ่ายเป็นภาพชัดลึก การตั้งค่ากล้องแนะนำให้ตั้งค่ารูรับแสงที่ f/8 -11 คู่กับการใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ เช่น 1 วินาที, 2 วินาที หรือนานกว่าเพื่อให้สายน้ำดูอ่อนนุ่ม โดยใช้ฟิลเตอร์ ND ติดที่หน้าเลนส์เพื่อลดแสง และตั้งกล้องบนขาตั้งกล้องที่แข็งแรง หรือหากอยากได้ภาพที่แสดงถึงพลัง ความรุนแรงของสายน้ำ​ ก็ต้องเลือกใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆไว้ก่อน เช่น 1/500 วินาที ขึ้นไป

การถ่ายภาพน้ำตก ต้องใช้ฟิลเตอร์ ND ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดปริมาณแสงที่ผ่านเข้าไปในเซ็นเซอร์โดยตรง มีหลายเบอร์ที่เรียกตามสตอปของการลดแสง เช่น ND2, 4, หรือ 10 บางรุ่นก็เลือกเปลี่ยนได้หลายเบอร์แต่ราคาจะแพงกว่า ส่วนฟิลเตอร์ที่หลายๆคนมักเข้าใจผิดคิดว่าใช้แทนกันได้คือ ฟิลเตอร์ C-PL จะมีคุณสมบัติลดแสงสะท้อน ทำให้สีสันในภาพสดใส เข้มขึ้น หรือหากถ่ายผ่านกระจกจะช่วยให้มองเห็นวัตถุที่อยู่หลังกระจกได้ชัดเจนขึ้น ในการทำงานมีการสูญเสียแสงที่จะเข้าไปเซ็นเซอร์ประมาณไม่เกิน 2 สตอป การนำไปใช้ถ่ายน้ำตกอาจจะไม่พอหากต้องการลดแสงเพื่อใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ

ในส่วนของขาตั้งกล้อง ต้องเลือกที่มีขนาดใหญ่ แข็งแรง สามารถรับน้ำหนักของกล้องและเลนส์ที่ใช้ และต้องมั่นคงมากพอที่อาจจะเจอกับกระแสน้ำไหลหากต้องวางลงไปในน้ำด้วย 

ในเรื่องอื่นๆที่มีความสำคัญคือการจัดองค์ประกอบภาพ อาจจะให้มีฉากหน้าเป็นน้ำ โขดหิน หรืออื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มมิติของภาพ หรือหากน้ำตกมีขนาดใหญ่ อาจเพิ่มคนเข้าไปเป็นส่วนประกอบหนึ่งเพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบและบอกผู้ชมถึงขนาดของน้ำตก เป็นการสร้างเรื่องราวให้ภาพได้ง่ายๆครับ

(Cover Pic. Cr. 12019 / Pixabay )