ช่างภาพหลายคนเริ่มเบื่อกับการอยู่ในเมือง อยู่ในพื้นที่แออัด อยากออกไปท่องเที่ยวถ่ายภาพ หรือหาสถานที่สำหรับผ่อนคลาย และเปลี่ยนบรรยากาศในการถ่ายภาพแบบเดิมๆบ้าง ผมก็ขอแนะนำเป็นการเดินถ่ายภาพธรรมชาติครับ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นอุทยานแห่งชาติที่โด่งดัง หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อก็ได้ครับ จะเป็นป่าชุมชน หรือป่าในเมือง หรือตามวนอุทยานฯ เขตห้ามล่าสัตว์ฯ ที่ยังเปิดให้บริการอยู่ ซึ่งหลายๆ ที่ก็จะมีทางเดินศึกษาธรรมชาติอยู่ เช่น น้ำตกเจ็ดคต, อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, สวนพฤกษศาสตร์ระยอง เป็นต้น และโดยส่วนมากระยะทางก็จะไม่ไกล แต่ก็พอที่จะทำให้เราเพลิดเพลินกับธรรมชาติจนลืมเรื่องเวลาไปเลยก็ได้ครับ และกับสถานการณ์โรคติดต่อในปัจจุบัน อาจมีเงื่อนไขในการเข้าท่องเที่ยวในอุทยานต่างๆ แต่ทุกสถานที่ยังคงเปิดทำการอยู่ การเข้าใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนดให้อย่างจริงจัง
หากพูดถึงการเดินเทรลถ่ายภาพธรรมชาติแล้ว อุปกรณ์ที่คุณต้องเตรียมไปถ่ายภาพ สิ่งแรกที่โผล่เข้ามาในความคิดของคุณเมื่อคุณนึกถึงการถ่ายภาพธรรมชาติ ผมเดาว่าน่าจะเป็นเลนส์มุมกว้างที่สามารถเก็บบรรยากาศได้กว้างๆ ครับ แต่ผมก็อยากจะแนะนำให้พิจารณาเลนส์ระยะอื่นๆ และอุปกรณ์เสริมต่างๆติดไปด้วยครับ จะมีอะไรบ้าง ลองพิจารณาดูครับ
1. กล้องถ่ายรูป
แน่นอนล่ะ จะไปถ่ายภาพถ้าไม่มีกล้องก็ยังไงอยู่ (สมาร์ทโฟนที่มี Ai เทพก็ได้นะครับ ^^) แต่ที่ผมอยากจะแนะนำคือ เน้นกล้องตัวเล็กและน้ำหนักเบาดีกว่าครับ เพราะทุกการเดิน ยิ่งระยะทางยิ่งไกล น้ำหนักสัมภาระก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปด้วยครับ แต่หากใครยังไหว กล้องอะไรก็ได้ทั้งนั้นครับ และถ้าเป็นกล้องตัวที่คุณใช้อย่างชำนาญแล้วก็จะยิ่งดีมาก เพราะมันจะทำให้คุณมีโอกาสได้ภาพที่ดีได้ครับ
2. เลนส์มุมกว้าง
นับว่าเป็นอุปกรณ์หลักในกระเป๋าของช่างภาพสาย Landscape เลยก็ว่าได้ครับ และคุณก็ควรมีติดไว้ในกระเป๋าของคุณบ้างก็จะดีมากครับ เพราะมันจะช่วยให้คุณเก็บภาพความสวยของป่าในมุมกว้างได้ครับ ยิ่งเป็นเลนส์ไวด์ไวแสงด้วยแล้ว ก็จะดีมากๆ เพราะจะทำให้เข้าใกล้วัตถุบางอย่างเพื่อละลายฉากหลังทิ้งได้ครับ
3. เลนส์เทเลโฟโต้
เลนส์มุมกว้างอาจเป็นที่นิยมมากที่สุดในสายถ่ายภาพทิวทัศน์ แต่ในป่ามักจะมีความงามที่หลากหลายมาก ในหลายๆ ครั้ง เลนส์เทเลฯ จึงจำเป็นในการเก็บบันทึกภาพครับ โดยเฉพาะภาพบางอย่างที่คุณไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพสัตว์ป่า ต้นไม้สวยๆ ที่อยู่บนผาสูง ภาพโคลสอัพดอกไม้-ใบไม้ หรือแม้แต่ภาพ Landscape ที่หลายคนชอบเข้าใจว่าเหมาะกับเลนส์ไวด์มากกว่าก็ตาม
4. เลนส์มาโคร
ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบถ่ายภาพมาโครหรือไม่ แต่ถ้าคุณชอบมัน สภาพแวดล้อมในป่าจะเป็นโลกอีกใบที่ทำให้คุณใช้เวลาอยู่กับมันได้ยาวนานจนคุณลืมเวลา และไม่น่าเบื่อเลยล่ะครับ เพราะความสวยงามบางอย่างเราก็ไม่เคยเห็นหรือไม่เคยสังเกตจากมุมมองด้วยสายตาปกติของเรา มันช่วยให้คุณบันทึกภาพด้วยอัตราขยายสูงได้ ไม่ว่าจะเป็นแมลงตัวเล็กๆ สัตว์เล็กๆ ดอกไม้ป่า เกสรดอกไม้ เป็นต้น
5. ขาตั้งกล้อง
แนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก(แต่รับน้ำหนักกล้องได้) เพราะอย่างที่บอกครับ การเดินจะเพิ่มน้ำหนักไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะเป็นเทรลระยะสั้นก็ตาม ขาตั้งจะช่วยในการถ่ายภาพให้นิ่งได้ โดยเฉพาะการใช้กับเลนส์มาโคร และบางครั้งในป่าทึบอาจไม่มีแสงเพียงพอ การจับถือกล้องด้วยมือเปล่าอาจทำให้เกิดการสั่นไหวเมื่อต้องใช้ชัตเตอร์ต่ำๆ ได้ครับ
6. Circular Polarizer
อุปกรณ์ชิ้นนี้จะช่วยลดแสงสะท้อนที่ตกกระทบบนใบไม้, ผิวน้ำที่มีความสะท้อนแสง หรือวัตถุต่างๆ ในป่าได้ครับ มันช่วยให้ภาพป่าของคุณมีสีสันที่อิ่มมากขึ้น ไม่ดูแห้งเฉาครับ ผมมักจะใช้มันบ่อยๆ กับภาพมอส เฟิร์นที่เกิดตามโขดหินตามลำธารหรือน้ำตก ภาพตัดเงาสะท้อนของผิวน้ำ เพื่อให้เห็นวัตถุใต้น้ำครับ ภาพที่ใช้ฟิลเตอร์กับไม่ใช้ผมรับรองได้ว่าต่างกันอย่างมากครับ
7. ไฟฉาย หรือ LED
อย่างที่บอกครับ ป่าบางป่าก็อาจจะมีพื้นที่ทึบอยู่บ้าง แสงในบางจุดอาจจะไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้น จะเป็นการดีมากที่เราจะมีไฟส่องส่องสว่าง ไว้เปิดเงา ไว้ส่องเฉพาะจุดที่เราต้องการแสงได้ เช่น การถ่ายภาพดอกเห็ด ถ่ายภาพแมลง ดอกไม้ สัตว์เล็กๆ เป็นต้นครับ
Leave feedback about this