BASIC

10 Steps to Pose for Beginner

ในแต่ละสถานการณ์หรือประเภทของการบันทึกภาพนักถ่ายภาพมักต้องพบกับความท้าทายที่แตกต่างกันไป สำหรับการถ่ายภาพบุคลหรือแฟชั่นหนึ่งในความท้าทายที่สุดของนักถ่ายภาพซึ่งไม่ได้มีเฉพาะแค่ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์หรือมีประสบการณ์น้อยเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงนักถ่ายภาพที่มีประสบการณ์แล้วด้วยคือการโพส ถึงแม้ว่าสิ่งสำคัญในการถ่ายภาพแฟชั่นจะเป็นเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับบนตัวแบบก็ตาม โดยทั่วไปเมื่อนายแบบหรือนางแบบก้าวเข้ามายืนหน้ากล้อง สิ่งแรกที่พวกเขาต้องการคือทิศทางหรือแนวทางบางอย่างในการโพส ดังนั้นนักถ่ายภาพจึงเป็นผู้ที่จะให้แนวทางที่ถูกต้องสำหรับภาพแม้จะเป็นการถ่ายภาพเพียงสั้นๆ ไม่กี่ภาพก็ตาม เมื่อถ่ายภาพคนไม่มีสิ่งใดที่จะแย่ไปกว่าการร่วมงานกันระหว่างนายหรือนางแบบมือใหม่หรือผู้ที่ไม่รู้ว่าควรจะโพสอย่างไรกับนักถ่ายภาพที่เงียบ นอกจากนี้เมื่อถ่ายภาพแฟชั่นมักจะไม่ใช่การทำงานเพียงคนเดียวแต่มักมีทีมงานอย่างผู้ช่วยช่างภาพด้วย ซึ่งคนเหล่านี้จะรอฟังจากตัวนักถ่ายภาพ และยังอาจรวมไปถึงลูกค้าด้วย แน่นอนว่าเมื่อถ่ายภาพแฟชั่นก็ไม่ต่างกับการถ่ายภาพหลายๆ อย่างที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งมักจะมีความกดดัน แต่นักถ่ายภาพก็สามารถทำให้ออกมาดีได้ด้วยกฏพื้นฐานเกี่ยวกับการโพส

สิ่งหนึ่งที่นางแบบมือใหม่มักทำโดยสัญชาตญาณคือวางมือไว้ที่สะโพก เงยคางขึ้น และแสดงสีหน้านิ่งเฉย โดยหากคิดว่านี่คือการโพสของนางแบบ นั่นคือความคิดที่ผิด เพราะการวางมือไว้ที่สะโพกเป็นการโพสของคนที่ถ่ายภาพทั่วไป ขณะที่การเงยคางขึ้นทำให้คอดูยาว และไม่ส่งผลดีเส้นกรามของตัวแบบ ดังนั้นนักถ่ายภาพจึงต้องเป็นผู้ทำให้สิ่งเหล่านี้ถูกต้อง ซึ่งนี่คือขั้นตอนที่จะทำให้เกิดสิ่งนั้นได้สำหรับผู้ที่คิดอยากจะเริ่มถ่ายภาพแฟชั่น

หาโพสและอารมณ์

สิ่งที่นักถ่ายภาพควรทำคือหาข้อมูลและวางแผนล่วงหน้า ควรมีภาพการโพสเป็นแนวทางและให้ตัวแบบดูเพื่อเป็นแนวทางหรือตัวอย่างในการโพส ซึ่งนักถ่ายภาพสามารถหาแนวทางการโพสได้ทั้งจากนิตยสารไลฟ์สไตล์ต่างๆ รวมไปถึงในอินเตอร์เนตเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลไม่ว่าจะด้วยการเซฟไฟล์จากอินเตอร์เนตหรือถ่ายภาพจากนิตยสารที่พบเห็นไว้ด้วยสมาร์ทโฟน และควรจัดการภาพเหล่านั้นให้เป็นประเภทเช่นการโพส ผม เมคอัพ หรือแสง เพื่อเป็นแนวทางในการถ่ายภาพ

ขาและเท้า

ในการถ่ายภาพแฟชั่น รองเท้าเป็นหนึ่งในเครื่องประดับแต่มักถูกมองข้าม เนื่องจากขาและเท้าไม่ใช่สิ่งที่ง่ายในการโพส ทำให้นักถ่ายภาพหลายคนใช้วิธีเลี่ยงการถ่ายภาพเต็มตัว และเลือกที่จะถ่ายภาพโดยเห็นสามส่วนสี่ของร่างกายซึ่งง่ายกว่า แต่เมื่อต้องถ่ายภาพโดยเห็นทั้งตัวรวมทั้งรองเท้าโดยที่ดูมีการเคลื่อนที่ ก็ควรให้ตัวแบบมีการขยับเช่นเดิน กระโดด หรือทิ้งนํ้าหนักลงที่เท้าข้างหนึ่งโดยที่มีการขยับหรือเคลื่อนเท้าอีกข้าง ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือเริ่มจากการเดินเข้ามาหากล้อง หรือเดินหน้าและถอยหลังต่อเนื่อง

ขยับเล็กๆ น้อยๆ

นักถ่ายภาพชื่อดัง Annie Leibovitz เคยบอกว่าความแตกต่างของการขยับเล็กๆ น้อยๆ สามารถสร้างหรือทำลายภาพได้ ซึ่งเป็นความจริง เพราะทุกความเล็กๆ น้อยๆ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการค่อยๆ ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อย หรือการขยับร่างกายหรือแสดงท่าทางที่มาก สามารถส่งผลในด้านลบหรือบวกเมื่อดูภาพได้ เมื่อมีการโพสที่ดูมีพลังสิ่งสุดท้ายที่นักถ่ายภาพต้องการคือการเปลี่ยนร่างกายหรือใบหน้าแบบพลิกทันที ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดให้ตัวแบบขยับเพียงเล็กน้อย รวมไปถึงเปลี่ยนท่าทางการโพสที่แตกต่างทีละน้อยด้วย

ตาอยู่ในทิศทางเดียวกับที่จมูก

ผู้ที่เป็นแบบใหม่ๆ มักจะรู้สึกว่าควรมองที่กล้อง และทำอย่างนั้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่จำเป็นเสมอไปที่ต้องมองที่กล้อง เพราะภาพที่ตัวแบบไม่ได้มองที่กล้องก็สามารถดูน่าสนใจหรือดูดีได้ไม่แพ้กัน สิ่งหนึ่งที่นักถ่ายภาพแฟชั่นระดับอาชีพบางคนทำเมื่อถ่ายภาพคือการบอกผู้เป็นแบบว่า ให้ตามองไปตามทิศทางของจมูก ซึ่งจะเป็นการลดพื้นที่สีขาวในตาและลดความวอกแวกของลูกตา รวมทั้งยังทำให้เห็นสี คอนทราสต์ และประกายในตาได้ชัดเจนเพียงวิธีง่ายๆ มองไปตามจมูก

มุมตํ่าและพูดคุย

ความผิดพลาดอย่างหนึ่งที่มักเกิดขึ้นเมื่อถ่ายภาพพอร์เทรตรวมทั้งภาพแฟชั่นคือ นักถ่ายภาพมักไม่ค่อยสนใจระดับความสูงของกล้อง และถ่ายภาพจากมุมสูงหรือระดับสายตาเท่านั้น เมื่อถ่ายภาพโดยเห็นสามส่วนสี่ของร่างกาย ควรลองย่อลงที่พื้นแล้วถ่ายภาพในมุมที่เงยขึ้น เพราะด้วยการถ่ายภาพในลักษณะนี้ไม่เพียงเพิ่มความสูงของผู้เป็นแบบเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมให้ดูมีความสำคัญขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นการเสริมสิ่งต่างๆ ในภาพให้ดูดีขึ้น

นอกจากนี้อีกสิ่งที่สำคัญเมื่อถ่ายภาพแฟชั่นคือ หากนักถ่ายภาพไม่พูดกับผู้เป็นแบบก็ไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ และเมื่อไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ก็จะไม่ได้ภาพที่ต้องการ ควรมีคำพูดในลักษณะให้กำลังใจทุกการถ่ายภาพ 2-3 ช็อตด้วยคำสั้นๆ อย่าง ดี เยี่ยม สวย ยอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยได้ แต่อย่าเยิ่นเย้อ

ยื่นคางแล้วกดลง

กล้องสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้เพียง 2 มิติ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาจึงเป็น 2 มิติด้วย ดังนั้นเมื่อผู้เป็นแบบยื่นคางออกมาด้านหน้าเล็กน้อยแล้วกดลงเมื่อถ่ายภาพโดยที่ใบหน้าหันตรงมายังกล้องจะทำให้จากมุมของนักถ่ายภาพคางของผู้เป็นแบบจะดูยาวและมีแนวเส้นที่ชัดเจน แต่เมื่อมีขยับเป็นการโพสในลักษณะหันด้านข้างเข้าหากล้องการขยับกรามในลักษณะนี้อาจทำให้ดูเหมือนเต่าที่โผล่หัวออกมาจากกระดอง ซึ่งจะทำดูไม่ดี ดังนั้นจึงควรดูที่ตัวและท่าที่โฟสของแบบก่อนที่จะบอกให้ยื่นคางออกมาแล้วกดลง

ยกไหล่

เมื่อถ่ายภาพคนหลายครั้งที่ส่วนไหล่มักถูกมองข้าม แต่จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมใบหน้า การยกไหล่ขึ้นแล้วดันมาด้านหน้าจะช่วยสร้างความแตกต่างได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพที่เน้นความงาม เพียงยกไหล่ข้างหนึ่งให้สูงกว่าอีกข้างก็จะช่วยเพิ่มมิติและพลังให้ภาพได้

ลักษณะของมือ

มือเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกายที่มีความท้าทายเมื่อโพส ซึ่งสามารถทำได้ทั้งเสริมให้ภาพดีขึ้นหรือลดคุณค่าของภาพนั้น โดยพื้นฐานคือแบบควรมีมือที่ผ่อนคลายเหมือนกับกำลังเต้นบัลเลต์ด้วยการกางนิ้วออกเล็กน้อยบาๆ เพื่อไม่ให้แต่ละนิ้วติดกัน จากนั้นก็ขึ้นอยู่ภาพที่กำลังถ่ายว่าควรวางมืออยู่ที่ตำแหน่งใดจึงจะเหมาะสมหรือทำให้ภาพออกมาดูดี ซึ่งการวางอยู่ที่ข้างลำตัว หรือแตะที่ผมเป็นตำแหน่งทั่วไปสำหรับมือ

เปิดปาก

ปากคือสิ่งที่สามารถสร้างความแตกต่างทั้งด้านอารมณ์และภาพได้อย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อปิดปากจะดูเหมือนขบกรามและเพิ่มนํ้าหนักไปที่ด้านข้างของใบหน้า ซึ่งทำให้ไม่สร้างความรู้สึกที่ดีต่อภาพ รวมทั้งยังทำให้ดูเรียบน่าเบื่อ แต่กับการเปิดปากเล็กน้อยจะส่งผลให้เส้นกรามจะดูยาว และดูเป็นการสร้างความรู้สึกเป็นมิตรและดูเชิญชวนขึ้นเล็กน้อยต่อผู้ดูภาพ

หยุดดูภาพหลังกล้อง

พฤติกรรมหนึ่งที่นักถ่ายภาพโดยเฉพาะผู้ที่เริ่มถ่ายภาพมักทำคือตรวจสอบภาพทุกภาพที่จอ LCD หลังกล้องทันทีที่ถ่ายภาพ สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับการโพสของตัวแบบ แต่ส่วผลต่อการโพสและความต่อเนื่องในการถ่ายภาพ เนื่องจากการดูภาพหลังถ่ายภาพบ่อยๆ เป็นพฤติกรรมที่สามารถทำลายบรรยากาศของการถ่ายภาพได้ เมื่อนักถ่ายภาพกดชัตเตอร์จากนั้นดูที่จอ LCD กดชัตเตอร์แล้วดูที่จอ LCD ไปเรื่อยๆ สิ่งที่ขึ้นคือผู้เป็นแบบจะรู้สึกเบื่อ ขาดพลังและความต่อเนื่องในการถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังทำให้แบบเกิดคำถามในเรื่องความมั่นใจขึ้นมาและสงสับว่านักถ่ายภาพกำลังดูอะไร เมื่อนักถ่ายภาพดูที่จอ LCD เพื่อตรวจดูภาพควรจะพูดคุยกับแบบไปพร้อมกันด้วยและมีคำพูดในเชิงบวก วิธีที่ดีสำหรับนักถ่ายภาพคือฝึกที่จะถ่ายภาพไป 3-4 ภาพแล้วจึงหยุดเพื่อชำเลืองไปที่จอ LCD โดยที่มีการพูดคุยไปด้วยในขณะนั้น ซึ่งจะช่วยให้มีความต่อเนื่องในการถ่ายภาพและเสริมความมั่นใจแก่ผู้เป็นแบบ

เป้าหมายของนักถ่ายภาพในการถ่ายภาพแฟชั่นคือสร้างภาพที่น่าตื่นตาและสามารถขายผลิตภัณฑ์ในภาพไปพร้อมกันด้วย ซึ่งสิ่งที่จำเป็นคือการเน้นไปที่เส้นในภาพ ซึ่งเส้นในภาพรวมไปถึงเส้นบนร่างกายด้วย นักถ่ายภาพจึงควรกำหนดแบบให้ใช้ขาเพื่อเสริมเส้นของแขน หรือใช้มือเพื่อทำให้เกิดรูปทรงรอบร่างกาย ดังนั้นนักถ่ายภาพจึงควรให้ความสำคัญในเรื่องเส้นที่ปรากฏซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในจิกซอว์

นอกจากนี้นักถ่ายภาพควรแสดงความมั่นใจในสิ่งที่บอกกับตัวแบบโดยหากผลลัพธ์ออกมาไม่ดีจึงค่อยเปลี่ยน รวมทั้งมีการพูดคุยและอดทนกับแบบ เพราะถึงแม้จะทำงานกับนายแบบหรือนางแบบมากประสบการณ์ก็ไม่มีประโยชน์หากไม่มีการพูดคุย เพราะจะไม่ทำให้ได้สิ่งที่ต้องการ

 


อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^


หากเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกดไลค์และแชร์ด้วยนะครับ
FOTOINFO มี LINE@ OFFICIAL แล้ว !!! อย่าลืมแอดไลน์ @FOTOINFO (หรือสแกน QR Code ในภาพนี้)

? ขอบคุณครับ


ติดตามเทคนิค ความรู้เรื่องการถ่ายภาพ กิจกรรมถ่ายภาพ และสิทธิประโยชน์มากมาย ส่งตรงถึงคุณ ได้ที่นี่ FotoinfoPlus

หรือสนใจสาระความรู้ด้านการถ่ายภาพที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

https://test2.fotoinfo.online/all-about-photo/basic