ช่างภาพทุกคนต่างเคยพบเจอกับความผิดพลาดหลายๆครั้ง ทั้งเกิดขึ้นจากความไม่รอบคอบของตัวเอง เกิดขึ้นในขณะถ่ายภาพ หรือจากความด้อยประสบการณ์ของมือใหม่
ช่างภาพมืออาชีพจำนวนไม่น้อยต่างเคยผ่านความผิดพลาดต่างๆมานับครั้งไม่ถ้วน ช่างภาพมือใหม่อีกมากก็เช่นกันที่ทำผิดพลาดจากประสบการณ์ที่ไม่มากพอ แน่นอนว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบถึงคุณภาพของงานและภาพถ่าย การเรียนรู้ข้อผิดพลาดต่างๆจึงมีความจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ใหัเกิดขึ้นซ้ำอีก
1. รับงานถ่ายภาพฟรี
ช่างภาพหลายคนอาจจะมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สาระสำคัญในการถ่ายภาพ โดยเฉพาะกับคนกันเอง คนรู้จักหรือเพื่อนๆที่ทั้งสนิทมาก สนิทน้อยหรือไม่สนิทกันเลยก็ตาม ช่างภาพทุกคนมีค่าใช้จ่ายในการรับงานถ่ายภาพ อย่างน้อยที่สุดค่าอุปกรณ์ ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายประจำวันอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นต้นทุนทั้งสิ้น การรับงานฟรียังส่งผลกระทบถึงช่างภาพคนอื่นๆที่รับงานถ่ายภาพเป็นอาชีพโดยที่เราไม่คาดคิดอีกด้วย
ปัจจุบันในบ้านเรามีนักถ่ายภาพไม่น้อยที่รับงานราคาต่ำมาก อาจจะเพราะขาดประสบการณ์ หรือเพราะเป็นมือใหม่ หรืออีกจำนวนไม่น้อยที่ใช้สมาร์ทโฟนรับงานและคิดค่าใช้จ่ายราคาถูกมาก เรื่องนี้ส่งผลกระทบกับช่างภาพที่รับงานโดยตรงค่อนข้างมากเลยครับ
2. กลัวที่จะสื่อสารกับคนแปลกหน้า
ช่างภาพที่ออกไปถ่ายภาพ outdoor หลายๆสถานการณ์เราอาจต้องได้รับความร่วมมือจากคนแปลกหน้าที่ถูกบันทึกภาพเข้ามาในเฟรมภาพทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เช่นการเดินถ่ายภาพทั่วๆไปตามท้องถนน ปัญหานี้แก้ไขได้ไม่ยากด้วยการเข้าไปพูดคุยกับบุคคลเหล่านั้น อธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าสิ่งที่เรากำลังทำคืออะไร หรือช่างภาพงานอีเว้นท์ งานแต่งงาน การเข้าไปพูดคุยทำความคุ้นเคยหรือแม้แต่การสั่ง การร้องขอให้ผู้ถูกถ่ายภาพทำท่าทางต่างๆ การพูดคุยทำให้ช่องว่างระหว่างช่างภาพกับผู้ถูกถ่ายภาพลดลง ให้ผลลัพธ์การถ่ายภาพที่ออกมาดีกว่า ได้ภาพที่มีการแสดงออกของบุคคลต่างๆที่ดูเป็นธรรมชาติ และตามที่ต้องการได้เสมอ
3. เลือกใช้โหมดถ่ายภาพผิด หรือตั้งค่าถ่ายภาพผิด
ส่วนใหญ่เกิดจากการเผลอ หรือความบังเอิญที่ช่างภาพอาจปรับค่าอื่นๆโดยไม่ตั้งใจ เช่นนิ้วมืออาจไปปรับ หรือเลื่อนการตั้งค่าที่ต้องการและถ่ายภาพไปโดยไม่ได้ตรวจสอบ หรืออาจจะเกิดจากการไม่ได้เช็คการตั้งค่ากล้องที่ใช้ประจำซึ่งอาจจะถูกเปลี่ยนหรือตั้งค่าใหม่จากคนที่มาขอยืมกล้องไปใช้ หรือกล้องที่เป็นส่วนกลางมีผู้ใช้งานหลายคน
ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ง่ายๆด้วยการสร้างนิสัยให้ตัวเองตรวจสอบการตั้งค่ากล้องก่อนการใช้งานทุกครั้ง และตรวจสอบอีกครั้งก่อนเริ่มงานถ่ายภาพจริง หรือกล้องบางรุ่นจะมี Custom fn. ให้เลือกตั้งค่าตามผู้ใช้งาน หรือลักษณะที่ใช้ประจำ ควรตั้งค่าไว้เพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบและใช้งานครับ ควรตรวจการตั้งค่าและปรับตั้งค่าต่างๆก่อนใช้กล้องทุกครั้งอย่าให้ความรีบหรือความประมาทมาทำให้ภาพถ่ายเสียหาย โดยเฉพาะกับงานสำคัญๆที่ไม่สามารถกลับไปถ่ายใหม่ได้อีก
4. ไม่ทำความสะอาดเลนส์
เลนส์กล้อง เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากในการถ่ายภาพ การนำออกไปใช้งานในแต่ละครั้ง ผิวหน้าเลนส์มักจะมีฝุ่น มีรอยนิ้วมือ คราบน้ำ หรืออื่นๆที่เกิดจากการใช้งานติดมาด้วยเสมอ คราบต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มาลดคุณภาพความคมชัดและรายละเอียดของภาพได้โดยตรง แม้แต่การใส่ฟิลเตอร์ปกป้องหน้าเลนส์ไว้ก็ตาม ฝุ่นขนาดเล็กมากๆยังสามารถหลุดรอดเข้าไปเกาะที่ผิวเลนส์ได้ ควรทำความสะอาดผิวเลนส์ด้วยการเป่าฝุ่น และทำความสะอาดฟิลเตอร์อย่างถูกวิธีด้วยลูกยางเป่าลมและกระดาษหรือผ้าเช็ดเลนส์
หมั่นสังเกตุภายในกระบอกเลนส์เป็นประจำเพื่อดูว่ามีฝุ่นเข้าไปภายในกระบอกเลนส์ หรือมีสิ่งอื่นๆเช่น ฝ้า รา เกิดขึ้นภายในหรือไม่ หากมีไม่แนะนำให้ทำความสะอาดเอง ควรรีบนำส่งศูนย์บริการให้ช่างที่มีความชำนาญจัดการให้ครับ
ฝุ่น รอยนิ้วมือ คราบน้ำที่เกาะอยู่ที่เลนส์ หรือการเกิดฝ้า รา ในกระบอกเลนส์ มีผลโดยตรงกับคุณภาพของภาพถ่ายอย่างชัดเจน
5. ลืมเมมโมรี่การ์ด และไม่มีแบตเตอรี่สำรอง
คงไม่มีช่างภาพคนไหนที่อยากให้เกิดเหตุการณ์เมมเต็มหรือลืมเมมและแบตกำลังจะหมดในขณะกำลังถ่ายภาพอยู่แน่ๆใช่มั๊ยครับ ช่างภาพที่เคยเจอเรื่องแบบนี้บอกได้คำเดียวว่า “งานเข้า” การหลีกเลี่ยงสถานการ์นี้ได้ดีที่สุดคือการนำเมมโมรี่การ์ดสำรองติดตัวไปไว้ใช้งาน และควรนำแท่นชาร์จ และนำแบตเตอรี่ติดตัวไปมากกว่า 2 ก้อนโดยเฉพาะหากเป็นกล้อง mirrorless ที่กินพลังงานสูงมาก
ช่างภาพหลายคนอาจจะนำอุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอกประเภท hdd, ssd หรืออื่นๆติดตัวไปเพื่อถ่ายโอนไฟล์เข้าไปเก็บไว้สำรอง เป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับไฟล์ภาพได้ แต่การนำเมมโมรี่การ์ดติดตัวไปสำรองก็ยังเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติให้เป็นความเคยชิน และควรหาซื้อแท่นชาร์จแบตเตอรี่มาใช้งาน เพราะขณะชาร์จแบตเตอรี่ เรายังนำกล้องใสแบตเตอรี่สำรองไปถ่ายภาพได้ ให้ความสะดวกในการทำงานมากกว่า กล้องหลายรุ่นอาจจะชาร์จไฟผ่านเพาเวอร์แบงค์ในขณะใช้งานไปด้วยได้ แต่ในการทำงานจริงไม่ค่อยสะดวกครับ เก็บไว้ชาร์จเวลาจำเป็นขณะเดินทางดีกว่า
6. ไม่มีการ back up หรือเก็บไฟล์ภาพลงในอุปกรณ์อื่นๆ
ช่างภาพจำนวนไม่น้อยที่ยังคงเก็บไฟล์ภาพไว้ในเมมโมรี่การ์ด ที่นำติดตัวไปใช้งานทุกครั้ง เมื่อถ่ายภาพเสร็จแล้วไม่เคยจัดการกับไฟล์เหล่านั้นเลย หลายๆคนโอนไฟล์ไปจัดการและส่งงานเสร็จเรียบร้อย แต่ก็ไม่เคยแยกไฟล์เหล่านั้นเก็บไว้ในอุปกรณ์เก็บข้อมูลอื่นๆเลย
วิธีการที่ควรจัดการกับไฟล์เหล่านี้คือแยกเป็นโฟลเดอร์เก็บเอาไว้ในอุปกรณ์บันทึกข้อมูลอื่นๆที่ปลอดภัย ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้มีราคาถูกมากในปัจจุบัน การเก็บไว้ในเมมโมรี่การ์ด หรือ pc หรือโน๊ตบุ๊ค มีความเสี่ยงที่ไฟล์เหล่านั้นจะเสียหายได้ง่ายกว่า และยังเปลืองพื้นที่ในการทำงานอีกด้วย
7. การทำกล้องพัง
กรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายอย่าง อุปกรณ์ของคุณมีราคาแพง ควรศึกษาคู่มือการทำงานให้ละเอียด เรียนรู้การใช้งานที่ถูกวิธี ใช้งานอย่างระมัดระวัง หลังจากใช้งานแล้วควรทำความสะอาดและเก็บรักษาให้ดี หลีกเลี่ยงการซ่อมแซมหรือแก้ไขอาการเสียหายด้วยตัวเอง ทั้งนี้เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ
ที่มา : petapixel
Leave feedback about this