บทความเทิดพระเกียรติ

80 ดวงใจ จากทั่วแผ่นดินไทยถึงพ่อ ส่วนที่ 3

021

ผมเห็น ‘ในหลวง’ ตั้งแต่เด็กสมัยอยู่เมืองกาญฯ  ผมเห็นท่านประทับบนรถไฟแล้วผ่านไป ตอนนั้นผมอยู่โรงเรียนวัดท่าเรือ จากวันนั้นถึงวันนี้ในหลวงเป็นภาพรวมโมเดลของผมในเรื่อง  ท่านไม่เคยถือพระองค์  ผมมักจะเตือนตัวเองเสมอและถามตัวเองว่าในประเทศไทยมีใครจะยิ่งใหญ่กว่าในหลวงหรือไม่  ในความเห็นของเรา ‘ในหลวง’ เป็น ที่เคารพมากที่สุด  ผมไม่เคยเห็นท่านแสดงอารมณ์  ไม่เคยเห็นท่านเกรี้ยวกราดเลย  ผมเห็นท่านแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน ในขณะท่านยิ่งใหญ่เหลือเกิน และท่านมีความรัก มีความเอื้ออาทรกับทุกๆคน  คำตอบก็มาสะท้อนว่า ทำไมเราต้องมาแสดงตนเย่อหยิ่งทำตัวยิ่งใหญ่และดูถูกคนนั้นคนนี้  ขณะที่ในหลวงท่านไม่เคยดูถูกใครเลย สะท้อนตรงนั้นมาสอนตัวเอง และทำให้ผมโมโหตัวเองและเป็นสิ่งสะท้อนว่าผมทำแบบนั้นเพื่ออะไร  ท่านเป็นต้นแบบที่ผมควรจะต้องประพฤติตัวทำตัวให้ดี

ผมมอง ‘ในหลวง’ เป็นผู้มีความอดทน มีความมุ่งมั่น ตลอดระยะเวลา 60 ปี เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าท่านมีความอดทนต่อการเปลี่ยนแปลง  ผมพบผู้ใหญ่มาหลายคน เจอะเจอผู้คนมาเยอะมาก  ทุกคนเคารพ ‘ในหลวง’ อย่างที่สุดในเรื่องความอดทน  ท่านไม่แสดงอะไรที่เป็นอารมณ์  และนั้นเป็นสิ่งที่ท่านมีและท่านสามารถครองราชย์ได้ถึงปัจจุบันนี้  แล้วนั้นเป็นสิ่งที่ท่านสามารถทำให้คนไทยเชื่อมั่นในทุกครั้งในสิ่งที่ท่านทำเพราะท่านคิดแล้ว ท่านตรึกตรองอย่างละเอียดก่อนที่ท่านจะทำ ทุกๆ ครั้งที่มีวิกฤติ ความอดทนของท่าน ความละเอียดละออของท่าน และความมุ่งมั่นของท่าน จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอันนั้น ทำให้หมดปัญหาของประเทศที่ต้องเกิดขึ้นอย่างบ้านเมืองอื่นเขา  และนั้นคือความเป็นอัจฉริยภาพของในหลวงเรา


022

สำหรับเรา ในหลวงท่านเป็นศูนย์รวมของความศรัทธาของคนทั้งประเทศ เป็นที่รักของคนทั้งประเทศ เป็นบุคคลที่ทุกคนให้ความรักอย่างสูงสุด สำหรับในหลวงนี่เป็นที่สุดของโลก ที่ไม่มีคนไหนจะเปรียบเทียบได้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน  อย่างที่คนเรียกท่านว่า ‘พ่อของแผ่นดิน’ นี่ถูกต้องมาก เพราะท่านทำทุกอย่างเพื่อจะพัฒนาประเทศ ดูแลความเป็นสุขของประชากรไทยทุกเรื่อง และยังเป็นที่รักอีก เพราะฉะนั้นจึงเหมาะกับ คำว่า ‘พ่อของแผ่นดิน’ จริงๆ

ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่เราจะเห็นทุกวันคือภาพข่าวที่ท่านเสด็จออกเยี่ยมประชาชน  ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด  ไม่ว่าจะไกลขนาดไหนท่านก็จะไปทรงงาน  ถือแผนที่ สะพายกล้อง ทำงานตลอด  แต่ที่จำได้มากที่สุดคือตอนที่ได้เข้าเฝ้าในหลวงท่าน คือตอนนั้นทางบริษัทเข้าไปถวายทีวีเมื่อปี 2535  ที่ประทับใจที่สุดคือท่านจะไม่รับสั่งภาษาอังกฤษเลย จะรับสั่งแต่ภาษาไทย ทั้งที่ท่านเข้าใจว่าเจ้านายเราเป็นคนญี่ปุ่น ท่านเข้าใจในสิ่งที่ เจ้านายเราถามเป็นภาษาอังกฤษ  แต่ท่านรับสั่งตอบเป็นภาษาไทย แล้วเราก็จะแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เจ้านายเรา  แต่พอเจ้านายเราถามท่านไม่ต้องมีล่ามแปล  ก็คือจะเป็นอะไรที่เรารู้สึกว่า ท่านฉลาดมากๆ ในการที่จะรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของไทย ความสำคัญของภาษาไทย

จริงๆ แล้วท่านมีพระราชดำรัสหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวางตัว  การปฏิบัติ แนวการทำงาน แต่อย่างหนึ่งที่จำได้ขึ้นใจคือว่า ท่านรับสั่งว่า ‘ปัญหาทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใหญ่หรือเล็กก็มีทางแก้กันได้ ถ้าปัญหาใหญ่อาจจะไม่ใช่คนๆ เดียว อาจจะต้องอาศัยจากหลายๆ คนในการแก้ปัญหา  แต่การแก้ปัญหาใหญ่ต้องอาศัยความสามัคคีปรองดองในการร่วมมือกันแก้ปัญหา  เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นปัญหาใหญ่ ถ้าเรามีการช่วยเหลือ มีความสามัคคีกัน ปัญหาก็จะไม่เป็นปัญหาเลย’

เรารู้จักในหลวงจากสื่อต่างๆ ว่าท่านเก่งในด้านดนตรี ศิลปะ วาดรูป เรื่องทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่อย่างหนึ่งที่ได้ประสบด้วยตัวเองคือ ท่านเป็นบุคคลที่มีปฏิภาณไหวพริบที่ดีมาก ก็คือตอนที่ท่านเสด็จงาน BOI Fair  ตอนนั้นจัดที่แหลมฉบัง  ท่านเสด็จที่บูธโซนี่ ตอนนั้นโซนี่เพิ่งจะเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ จากญี่ปุ่นเข้ามาโชว์หลายตัว จะมีตัวหนึ่งเป็นภาพปลาสามมิติในตู้ เราก็บอกว่าถ้าหากใครสามารถจับปลากลับบ้านได้เราจะมีรางวัลให้ ซึ่งมันจับไม่ได้อยู่แล้วเพราะมันเป็นภาพที่ฉายในกระจกและมีเงาสะท้อนขึ้นมาในอากาศ เป็นภาพสามมิติ ซึ่งไม่มีใครจับได้  แล้วพอคนญี่ปุ่นที่เป็น MD ทูลท่าน ท่านก็หยิบกล้องขึ้นมาแล้วก็ฉาย และท่านก็บอกว่า ท่านได้เอาปลากลับบ้านแล้ว คือทุกคนในนั้นอึ้งหมด ทั้งคนในบูธและคนติดตามของท่านเอง  คือท่านเป็นบุคคลที่มีปฏิภาณไหวพริบ และฉลาดมาก ฉลาดอย่างที่เราไม่เคยคิด  อีกเรื่องที่ประทับใจคือ ตอนที่เราเข้าไปถวายสินค้ากับท่าน  ท่านจะรับสั่งถามอย่างละเอียดทั้งหมดทั้งเรื่องเทคโนโลยีอะไรต่างๆ  แล้วท่านก็บอกว่าตอนที่ท่านคอมโพสเพลงสยามมานุสติ  ถ้ามันจบเลยโดยไม่มีดนตรีเอื้อนนี่มันจะห้วน คือท่านจะเป็นคนละเอียด ศึกษาอย่างละเอียดและทำด้วยตัวเอง  เป็นอะไรที่ประทับใจ  คือความเป็นอัจฉริยะของท่านไม่ใช่แค่ความมีปฏิภาณไหวพริบที่ดี แต่เกิดจากความพากเพียรในการที่ท่านจะศึกษาอย่างละเอียดด้วย


023

“ในหลวง” ท่านเป็นศูนย์รวมของคนไทยทั้งประเทศ ถ้าบ้านเราไม่มีในหลวง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะมีอะไรเป็นที่ยึด…ไม่มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้คนไทยรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ นั่นคือสิ่งที่พระองค์ได้ทำมาตลอดชั่วระยะเวลาที่ครองราชย์มา 60 กว่าปี เป็นการทำเพื่อประชาชน เป็นการทำเพื่อให้คนไทยทั้งผองได้มีความสุข ประเทศไทยขาดในหลวงไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การปกครอง หรือการทหาร อย่างการเมือง ท่านไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง หลังจาก พ.ศ. 2475 ในหลวงรัชกาลที่ 7 ประทานรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตยให้กับคนไทยทั้งผอง วันนี้สถาบันพระมหากษัตริย์ก็เป็นสถาบันที่ยังดำรงคงอยู่และมีความเข้มแข็ง ในหลวงรัชกาล ที่ 9 ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ท่านอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวง  แต่เวลามีเหตุการณ์ที่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือว่าอะไรก็ตาม   มีปัญหาทำให้บ้านเมืองอยู่ขั้นวิกฤต  พระองค์ท่านก็ลงมาคลี่คลายปัญหา เรียกทั้งสองฝ่าย อย่างคราวพฤษภาทมิฬ เรียกพลเอกสุจินดากับพี่จำลอง ศรีเมืองมา ก็เป็นภาพที่เราเห็นว่าบ้านเรามีผู้ใหญ่คุ้มครอง  มีคนที่เป็นห่วงเป็นใย บางทีแล้วในการเดินไปสู่ประชาธิปไตยที่เป็นแบบสากล บ้านเรายังต้องใช้เวลาอีกเยอะ ถ้าไม่มีในหลวงคอยไกล่เกลี่ยตรงนี้ คอยตัดสินตรงนี้   ก็ไม่รู้ว่าเมืองไทยจะลุกเป็นไฟหรือเปล่า

ในเรื่องของการปกครอง พระองค์ท่านก็ไม่ทรงเข้ามาเกี่ยวข้อง ปล่อยให้รัฐบาลแต่ละรัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนได้ทำหน้าที่อย่างเต็มฝีมือ

ส่วนในเรื่องของการทหาร  พระองค์ท่านก็ให้แนวนโยบายที่ให้ทหารไทยเป็นมิตรกับทหารทั้งโลกนี้ ให้ความร่วมมือ เพราะว่าในสมัยก่อนกองทัพเป็นปัจจัยหลัก ต้องมีอำนาจเพื่อที่จะไปเอาชนะข้าศึก แต่วันนี้เราไม่ต้องไปรบกับใคร เรารบกับคนในประเทศด้วยกันเอง เพราะมีปัญหา อย่างชายแดนภาคใต้ พระองค์ท่านก็ทรงให้ความเมตตาต่อทหาร ตำรวจ ที่ไปปฏิบัติงานในภาคใต้ ท่านให้แนวนโยบายที่ค่อนข้างชัดเจน ส่วนเราจะทำได้ถึงขนาดไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  แล้วผมคิดว่าพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านในทุกๆ ด้านครอบคลุมหมด ยังไม่รวมถึงเรื่องความเป็นศิลปินของท่าน ความเป็นนักกีฬาของท่าน ความเป็นปราชญ์ของท่าน

ภาพที่ท่านเสด็จออกไปเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน ไปยังถิ่นทุรกันดาร ไปดูเรื่องเกษตรกรรม กสิกรรม ไปดูเรื่องการผันน้ำให้กับประชาชน ในหลายๆ เรื่องน่ะครับ ซึ่งเป็นภาพที่ติดตาเรา ถามว่ามีนายกรัฐมนตรีกี่คน ที่ทำได้แบบนี้ …ไม่มี  ทุกคนเข้ามาเล่นการเมืองแล้วก็จากไป  แต่พระองค์ท่านทำมาตลอด  มีสถาบันต่างๆ ที่พระองค์ท่านทรงตั้งขึ้นมาเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อเนื่อง  ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาป่า สมเด็จพระนางเจ้าเคยตรัสว่า “พระองค์ท่านคือน้ำ และหม่อมฉันคือป่า” เป็นความชัดเจนที่ได้อธิบายให้ไว้กับชาวไทยทั้งผองว่า ตราบใดที่เรายังมีป่า ตราบใดที่เรายัง มีน้ำ เราก็จะมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้อย่างมีความสุขร่วมกัน  ผมอยากให้นักการเมืองทั้งหลายเอาแบบอย่างพระองค์ท่าน

ใครก็ตามที่รักในหลวง ก็ขอให้จงไปเลือกตั้งแบบบริสุทธิ์ยุติธรรม ใครที่เอาเงินมาแจก อย่าไปเลือกมัน  เพราะว่าสิ่งที่เราทำตรงนี้เพื่อความก้าวหน้าของประชาธิปไตย แต่ถ้าประชาชนยังเลือกแบบสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้  เลือกเพราะว่ามีการแลกเปลี่ยน เราจะไม่มีประชาธิปไตย และเป็นการผิดพระประสงค์ของในหลวงที่ท่านอยากให้เรามีประชาธิปไตย ให้ดูแลกันเอง


024

สำหรับผม  ‘ในหลวง’ คือพ่อของคนไทย เป็นตัวอย่างในความเป็นพ่อ  สำหรับผู้นำท่านอื่นในโลก การที่จะอุทิศชีวิตเพื่อคนที่คุณรักจริงๆ ผมว่ามีตัวอย่างน้อยมากในโลกเรา ถ้าจะเทียบก็อาจจะมี Nelson Mandela ของแอฟริกาใต้  มี Vaclev Havel ของ Czech Republic มีน้อยคนนะครับที่จะอุทิศตัวแบบนี้  และที่เป็นตัวอย่างสุดยอด คือ ‘ในหลวง’ ของเรา

ถ้าจะทำอะไรเพื่อในหลวง ผมจะสร้างสรรค์งานที่ชื่นชมกับศิลปวัฒนธรรมและปัญญาของชาวไทย ของธรรมชาติไทย  แล้วใช้สิ่งนั้นในสูตรผสมที่แพร่หลายไปทั่วโลกได้ ให้โลก และคนทั่วโลกได้ชื่นชม

มีภาพหนึ่งตอนท่านบวช และนั่งอยู่กับสมเด็จย่า และสมเด็จย่าหัวเราะแบบสุดๆ ไม่รู้ว่าท่านหัวเราะเรื่องอะไร และในหลวงก็ยิ้ม ภาพนั้นผมชอบมาก และถ้าเป็นภาพเคลื่อนไหว  ผมชอบภาพที่ในหลวงเสด็จไปในที่ต่างๆ ที่ลำบากๆ ธุรกันดารและท่านเช็ดเหงื่อ ปาดเหงื่อ และนั่นแหละคือชีวิตท่าน

พระราชดำรัสที่จดจำขึ้นใจและคนไทยชาวนาไม่ควรลืม ต้องขอโทษถ้าผมใช้คำผิดหรือตัดคำ เพราะอาจจะจำได้ไม่หมดทุกคำ แต่เป็นคำพูดประมาณนี้  นั่นหมายความว่า “กว่าเราจะเติบโตไปสู้กับประเทศไหน หรือกับใครในเรื่องใดในโลก ให้รู้ตัวเองว่าเราคืออะไร”

พระอัจฉริยภาพที่ประทับใจมากที่สุดก็คือด้าน สมาธิ ไม่รู้ว่าได้หรือเปล่า แต่ผมชื่นชมกับสมาธิของท่านมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นการแต่งเพลง  เขียนหนังสือ วาดรูป หรืออื่นๆ  ท่านใช้สมาธิได้ดีมาก ผมมองว่าเป็นเรื่อง  สุดยอดที่บ้านเกือบทุกหลังของคนไทยมีภาพในหลวงให้ปริญญาบัตรกับนักศึกษา  ผมเคยคิดว่า โอ้โห วันหนึ่งท่านต้องมอบปริญญาให้คนเป็นหมื่นๆ และท่านต้องนั่งอยู่อย่างนั้นทั้งวัน  ท่านไม่บ่นสักคำ  ในความเป็นศิลปิน    ผมมองว่า สมาธิ ความตั้งใจ ความรักต่องานของท่าน ชัดเจนมาก

The Father of Love

legends told of the goodly kings
the fair and fortunate stories ring
dreams of light and passing strength
One who lives and loves at length
good messenger of the kind
    our fair captain of the mind
    take us through to the dawn
    guide us all as we move on
60 years of ruling time
of living for a nation’s kind
believing in a better day
trekking through the human fray
finding goodness in every heart
there IS goodness in every heart
    from the Northern wealth and mountain pass
    to the Southern fire and the holy caste
    from Isan plains the rockets By
    to the Central fields beneath the loving sky
    resounds His Love
from the fertile earth to the sky above
This is the Land of the Father’s Love

in honor of His Majesty,
the King’s 80th Anniversary Celebration, 2007

 

พ่อแห่งความรัก

หลากตำนานเลื่องลือชามหาราช  ประวัติศาสตร์แจ่มชัดจรัสแจ้ง
อดีตก่อต่อวันพรุ่งให้รุ่งแรง  รัชสมัยแห่งรักหวังยังยืนยง

พระเมตตาบารมีชุบชีวิต  พระปรีชาชี้ทิศสัมฤทธิ์ประสงค์
สู่ฟ้าใหม่ฟื้นขวัญไทยมั่นคง  ใต้ร่มธงมหาราชชาติก้าวตาม

60 ปี ที่พระองค์ทรงครองราชย์  พระเสโทไหลหยาดเพื่อชาติสยาม
โดยศรัทธาสร้างวันใหม่ให้งดงาม  ทรงฝ่าข้ามดงมนุษย์จุดแสงชัย

เสาะแสวงความดีที่ฝังลึก  ทุกดวงใจมีผลึกมณีใส
จากถิ่นเหนือขุนเขาลำเนาไพร  สู่แดนใต้ศานติธรรม
ส่องนำชน
จากอีสานราบสูงตั้งบั้งไฟพุ่ง  สู่ท้องทุ่งภาคกลางสล้างผล
รักของพ่อก้องดินฟ้ามาดาลดล  โลกยินยล…“แผ่นดินพ่อ…ก่อด้วยรัก”

เนื้อร้อง : ทอดด์ ทองดี
คำแปลภาษาไทย : จิระนันท์ พิตรปรีชา


025

ผมขอใช้คำโปรยบนปกนิตยสาร ฅ.คน ฉบับเดือนธันวาฯ นี้ก็แล้วกันคือ เป็นพระราชาที่เหนือนิยาม เป็นพระมหากษัตริย์ที่เหนือกว่าพระมหากษัตริย์ หรือราชันย์เหนือราชันย์  ซึ่งในความหมายนี้ก็คือว่า ‘ในหลวง’ ได้ทรงทำหลายสิ่งหลายอย่างมากมายเหลือเกิน  ถ้าถามว่าพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งจำเป็นจะต้องทำมากเหมือนกับพระองค์หรือไม่ หรือว่ามีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในโลกทำขนาดที่พระองค์ทำบ้าง ผมคิดว่ามันคงจะตอบคำถามนี้ได้อย่างชัดเจน

ทำไมผมถึงบอกว่าในหลวงเป็นราชาที่เหนือนิยาม คือสมัยที่ผมยังเด็กกว่านี้  เรียนตามตรงก็คือผมยังไม่เข้าใจ  ไม่รู้สึกถึงพระมหากษัตริย์ในความหมายที่ผมกำลังกล่าวเท่ากับทุกวันนี้  ยิ่งผมได้ทำงานเยอะ ยิ่งได้เห็นสังคมไทยเยอะ  ยิ่งมีความเข้าใจในความเป็นจริงของสังคมไทยในบริบทที่มากขึ้น  ผมยิ่งรู้สึกว่ามากกว่า ‘ในหลวง’

พระอัจฉริยภาพในความหมายของผม ไม่ได้หมายถึงความเป็นเลิศหรือว่าความเก่งด้านใดด้านหนึ่ง  แต่ในฐานะของคนคนหนึ่ง ผมคิดว่าสิ่งที่ในหลวงแตกต่างจากคนอื่นๆ หมายถึงผู้ปกครอง นักการเมือง ข้าราชการ หรือคนที่ควรจะทำหน้าที่ทั้งในฐานะที่เกิดมาในแผ่นดินนี้และในหน้าที่ความรับผิดชอบด้วย  ‘ในหลวง’ เป็นพระองค์เดียวที่รัก เป็นห่วงพสกนิกร โดยเฉพาะคนไทยที่ด้อยโอกาส  คนไทยที่ยากไร้  ด้วยความมุ่งหวังที่จะเห็นสันติสุข ด้วยความมุ่งหวังที่จะเห็นชีวิตของคนเหล่านั้นมีความสุข อยู่ดี โดยไม่เลือกปฏิบัติและไม่มีวาระที่แอบแฝง ผมเชื่อว่าคนอื่นนี่มีวาระแอบแฝงทั้งนั้น แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มี อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเรียกว่า นี่คือเหนือมนุษย์ ผมเทิดทูนท่านในมิตินี้มากที่สุด คือถ้าคุณไม่เป็นคนที่เดือดร้อน คุณไม่รู้หรอกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีความหมาย สมมติเป็นคนอื่นเข้าไปส่งเสริมการเกษตรก็หวังจะขายปุ๋ยขายยา ไม่ได้คิดว่าเขาจะมีชีวิตที่ดี คือคิดจะไปเอาประโยชน์จากเขาอีกชั้นหนึ่ง แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ใช่ พระองค์ทรงพระราชดำริทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ผืนแผ่นดินนี้ มีสันติสุขท่ามกลางความแตกต่างและไม่เบียดเบียนกันอย่างแท้จริง

สิ่งที่ผมจะทำเพื่อ ‘ในหลวง’ นั้นผมทำทุกวัน ทำทั้งชีวิต สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือผมน้อมนำเอาพระราชดำรัสนี่มาเป็นความเชื่อ  สิ่งที่ผมทำกับทั้งตัวเองและครอบครัวคือเรื่องของความพอเพียง ความพอเพียงในความเข้าใจของผม มันคือการศรัทธาการเชื่อต่อปรัชญาอันนี้  และฝึกหรือบอกกับจิตใจตัวเองให้เราเชื่อแบบนั้น ให้ตัวเองไม่เป็นคนที่โลภ ไม่ทะเยอะทะยาน ไม่เร่าร้อน แต่ให้เราประคับประคองจิตใจตนเองให้อยู่บนวิถีนี้  ให้เป็นอย่างนี้  ซึ่งผมยืนยันเลยว่าจิตใจของผมเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นในมิติอื่นที่แวดล้อมไม่ว่าจะเป็นการรู้จักแบ่งปันกัน การเอื้อเฟื้อเกื้อกูล  หรือการที่จะเผยแผ่หรือทำให้ความเชื่ออันนี้กระจายไปยังคนอื่นที่เราเกี่ยวข้องด้วยหรือบนภาระหน้าที่การงานที่เรารับผิดชอบ

และเมื่อผมเชื่ออย่างนี้แล้วผมทำอะไร  ผมทำผังงานไว้อย่างชัดเจนเลย  คือคนเราคงไม่สามารถนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาทำทุกเรื่องโดยลำพัง  แต่ว่าสิ่งที่ผมพยายามทำบนงานที่ผมทำนอกเหนือจากเรื่องที่พยายามจะทำให้เห็นถึงการมีอยู่ของพระองค์ท่านในมิติของพระมหากษัตริย์ ที่เหนือนิยามแล้ว  ก็คือผมพยายามที่จะทำให้สังคมไทยเห็นว่าสิ่งที่พระองค์ดำริ พยายามทำตัวอย่างให้เห็น พยายามพระราชทานแนวทาง หรือพยายาม ที่จะทำบทพิสูจน์ต่างๆ เพื่อให้สังคมไทยได้เคลื่อนตามนี้  ผมได้ทำในงานหลายๆ ชิ้น เกือบทุกรายการที่ผมทำตลอดระยะเวลา 4-5 ปี ที่ผ่านมา อย่างเช่น เรื่องของอรหันต์ชาวนา ก็เป็นเรื่องของความพอเพียงจริงๆ เป็นเรื่องของการแปลผลปรัชญาอันนี้มาเป็นรูปธรรม  ล่าสุดที่เพิ่งออกอากาศไปเรื่องของคนดี 5 คน ในโครงการดีแทค  เรื่องของชุมชนที่ปากต้นน้ำพะโต๊ะ อันนั้นคือเรื่องของแนวคิดพอเพียงและยั่งยืน  เป็นความพอเพียงที่ก้าวหน้าออกไปอีก คือพอเพียง และยั่งยืน และปลอดภัยด้วย รวมทั้งงานในปีหน้าที่ผมเสนอไว้เป็นแผนใหญ่สำหรับทุกอันเลยคือเรื่องโมเดลของสังคมที่เชื่อและคิดเป็นในเรื่องของความพอเพียง คือ คนพอเพียงและสุขเพียงพอ  ปีหน้าผมจะขับเคลื่อนในเรื่องนี้

ผมเชื่อแบบนี้ว่า ถ้าเรารักท่าน เราเทิดทูน เรากราบไหว้ทุกวัน มันก็เกิดผลเป็นความปีติลำพังเพียงกับตัวเรา แต่ถ้าเราน้อมนำสิ่งที่ท่านดำริหรือสั่งสอน แล้วเอาไปเผยแผ่ เอาไปทำ ผมคิดว่าสิ่งนี้จึงทำให้เกิดผลต่อสังคม เพราะฉะนั้นผมเป็นคนทำสื่อ  ผมก็ทำในงานของผม คุณเป็นครู เป็นเกษตรกร เป็นตำรวจทหาร คุณก็ไปทำในมิติที่คุณรับผิดชอบ ร่วมขนานไปกับในชีวิตของคุณด้วย  ผมคิดว่ามันต้องทำแบบนี้ถึงจะเกิดผลในการขับเคลื่อนสังคม


026

‘ในหลวง’ สำหรับผมเป็นความหมายที่สูงมากๆ เหมือนกับคำว่า หลวง คือ ยิ่งใหญ่ ในความยิ่งใหญ่คือความยิ่งใหญ่มากๆ เลยครับ

สิ่งที่ผมอยากทำเพื่อ ‘ในหลวง’ เป็นคนดีครับ เพราะในหลวงก็ทรงอยากให้ทุกคนเป็นคนดี อยากให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่างที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้คือการช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือที่ผมพอจะช่วยได้ ตอนที่ผมโดนรถชนเพราะลงไปช่วยคน ผมก็ทำเพื่อ ‘ในหลวง’ ส่วนหนึ่ง อย่างที่โฆษณาบอกว่าทำดีเพื่อ ‘ในหลวง’ ไงครับ อยากให้ทุกคนช่วย กันทำความดี คนละนิดคนละหน่อยก็ยังดี

ภาพที่ประทับใจคือภาพที่ ‘ในหลวง’ ช่วยเหลือประชาชน เวลาผมไปดูหนังจะมีเพลงสรรเสริญตอนต้น ก็จะมีภาพ ‘ในหลวง’ ที่ช่วยเหลือประชาชน มีรูปหนึ่งที่ท่านนั่งคุยกับชาวนาเหมือนจะบอกว่ารถไถต้องทำอย่างนี้ๆ ที่ท่านชี้ลงหนังสือแล้วก็ชี้ซ้ายชี้ขวาว่าให้ทำอย่างนี้น่ะครับ ภาพนั้นชอบมากๆ เลยครับ

พระราชดำรัสของ ‘ในหลวง’ ที่ผมประทับใจมากคือเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงครับ ที่ว่ามีน้อยก็ใช้น้อย เราใช้แค่พออยู่ได้  สำหรับผมนะไม่ต้องหรูหราฟู่ฟ่า เสื้อผ้าก็ใส่ธรรมดาๆ ซื้อแถวจตุจักร กางเกงยีนส์ตัวละร้อยกว่าบาทก็โอเคแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อแพงๆ ใช้ของธรรมดาก็อยู่ได้ บางทีก็ใช้ของมือสองซื้อแถวมาบุญครองอะไรอย่างนี้ก็ถูกๆ เอง

พระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านที่ผมชื่นชอบก็ต้องเป็นเรื่องถ่ายภาพเพราะผมชอบถ่ายภาพ  ผมอยากเห็นภาพถ่ายของ ‘ในหลวง’  ผมเห็นท่านไปไหนก็จะมีกล้องคล้องคอตลอดเวลาเลย ผมก็เลยอยากเห็นว่าภาพที่ท่านถ่ายมาเป็นอย่างไร เวลาท่านเสด็จไปต่างจังหวัด ไปไหนๆ ก็จะเห็นท่านกดชัตเตอร์ตลอด  ผมอยากเห็นภาพถ่ายของท่านมากๆ เคยมีคนบอกว่าภาพถ่ายของท่านสวยมากๆ ผมก็อยากเห็นว่าเป็นอย่างไร


027

‘ในหลวง’  ท่านเป็นผู้นำที่คอยช่วยเหลือและดูแลคนไทยทั้งประเทศ ทำให้ประชาชนพ้นจากความทุกข์ยาก  จากความแร้นแค้น ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรของพระองค์อย่างที่สุด

ในส่วนของพระอัจฉริยภาพที่ผมประทับใจนั้น ผมรู้สึกว่าท่านเก่งทุกด้าน กีฬา ศิลปะ ดนตรี ถ่ายภาพ วาดรูป แต่ที่ชอบมากเป็นพิเศษคงเป็นเกี่ยวกับเรื่องปรัชญา ความคิดที่ท่านมี  เป็นสิ่งที่เอามาใช้ในการดำเนินชีวิตได้

พระราชดำรัสที่จำได้ขึ้นใจ เกี่ยวกับเรื่องการทำความดีของคน “การทำความดีนั้น ยากและเห็นผลช้าแต่ก็จำเป็นต้องทำ  เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัวแต่ละคนจึงต้องตั้งใจ และเพียรพยายามให้สุดกำลังในการสร้างเสริมและสะสมความดี”  การทำดีไม่ใช่เรื่องง่าย  มันเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และต่อสู้กับตัวเราเอง กับจิตใจของเรา คือไม่ใช่แค่ว่าเราทำดีแล้วก็จบ แต่จิตใจเรายังมีอีกหลายอย่าง หลายความคิด ก็จะมีออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะต้องคอยฝึกฝน และคอยต่อสู้กับตัวเราไปจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตเลย

ภาพอิริยาบถของในหลวงที่จำได้ก็คงเป็นภาพที่ห้อยกล้องที่พระศอ  ทรงทำงานอยู่แล้วเวลาออกไปทรงงานท่านใส่สูทแล้วมีกล้องคล้องพระศออยู่


028

ตั้งแต่เล็กจนโตคุณพ่อและคุณแม่ได้พูดถึง ‘ในหลวง’ ให้ฟังอยู่ตลอดเวลา  แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเป็นชาวต่างชาติแต่ท่านทั้งสองได้มาอยู่เมืองไทยมายาวนานกว่า 40 ปี  ท่านทั้งสองรักเมืองไทยมากและได้สำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้มาอาศัยอยู่ใต้ร่มบารมี ‘ในหลวง’  ซึ่งท่านได้ซึมซับเรื่องราว ‘ในหลวง’ ของคนไทยมาตลอด โดยถ่ายทอดให้ผมฟัง ผมได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทยและเติบโตขึ้นมาเป็นคนไทย ได้เห็นและสัมผัสตั้งแต่เด็กจนโตในสิ่งที่ ‘ในหลวง’ ทำให้กับคนไทย สำหรับผมแล้ว ‘ในหลวง’ ของผมท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศครับ

ผมได้มีโอกาสเรียนที่เมืองไทยและต่างประเทศ คนต่างชาติบางคนจะไม่เข้าว่าทำไมคนไทยถึงรัก ‘ในหลวง’  แต่สิ่งที่ผมได้สัมผัสมาตลอดถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชนคนไทย ทำให้ผมอธิบายกับเพื่อนชาวต่างประเทศ ถึงความรู้สึกของคนไทยที่เกิดขึ้นกับ ‘ในหลวง’ ที่มาจากความรู้สึกรักและเทิดทูนพระองค์อย่างแท้จริง ให้ชาวต่างชาติได้รับรู้  และในฐานะที่ผมเป็นนักแข่งรถ ผมได้ทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อแสดงความเป็นไทย ผมได้ทำรถแข่งฟอร์มูล่าที่ผมขับอยู่เป็นสีเหลืองและติดธงชาติไทย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการครองราชย์ 60 ปีของพระองค์ท่าน  และร่วมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ข้างรถติดคำว่า RACING FOR THAILAND เพื่อบอกให้ชาวต่างชาติทุกคนได้รู้จักประเทศไทย  แม้ว่าสิ่งที่ผมทำจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ผมก็  ภูมิใจมากๆ เลยครับ

ภาพที่ผมประทับใจที่จำติดตาไม่มีวันลืมก็คือ ภาพที่พระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนประชากรและมีคนมารอรับเสด็จ  เป็นภาพคุณยายถือดอกบัวเพื่อรอถวายให้พระองค์และ ‘ในหลวง’  โน้มพระองค์แนบชิดกับศีรษะกับคุณยายที่มารอรับเสด็จ ทรงเอื้อมพระหัตถ์แตะมืออย่างอ่อนโยน ทำให้ผมรู้สึกว่า ‘ในหลวง’ ท่านทรงรักและใกล้ชิดกับประชาชนของพระองค์อย่างไม่ถือพระองค์  และอีกภาพที่ผมประทับใจเป็นภาพที่ถ่ายมาเมื่อเร็วๆ นี้เอง  ภาพ ‘ในหลวง’ ทรงไหว้พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จย่าที่โรงพยาบาล ศิริราชเป็นภาพที่สวยงามในความรู้สึกผม  ซึ่งภาพนี้ผมได้วางตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานของผมเลยครับ

ในช่วงที่เศรษฐกิจในเมืองไทยตกต่ำท่านได้มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งพระองค์ห่วงใยประชาชนของพระองค์  เป็นพระราชดำรัสที่สามารถใช้ได้กับทุกคน ไม่ว่าจะจนหรือรวย หากรู้จักใช้ในสิ่งที่ตัวเองมีและเป็นอยู่ก็จะเกิดความสุขไม่ทุกข์

พระอัจฉริยภาพของ ‘ในหลวง’ มีหลายด้านด้วยกันไม่ว่าจะเรื่องการประดิษฐ์คิดค้นอะไรใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนหรือด้านการถ่ายภาพ  ‘ในหลวง’  ทรงถ่ายภาพได้สวยงาม แต่สิ่งที่ผมนำมาเป็นแบบอย่างและประทับใจที่สุดก็คือ พระอัจฉริยภาพด้านกีฬา เป็นภาพในปี 1967 ท่านได้รับเหรียญทองในการเล่นเรือใบ ท่านได้แสดงพระปรีชาสามารถคว้าเหรียญทอง  ท่านเป็นแบบอย่างทางด้านกีฬาให้กับคนไทยครับ และในฐานะที่ผมเป็นนักกีฬา สิ่งที่ผมทำได้ก็คือ ทำหน้าที่ของการเป็นนักกีฬาที่ดีของคนไทย


029

ในหลวงเปรียบเสมือนพ่อตัวอย่างที่น่าประทับใจมาก ในหลวงเหมือนเป็นตัวอย่างของลูกๆ ของท่าน  ท่านจะคิดจะทำอะไรจะคิดถึงลูก คิดถึงประชาชน จะคิดโครงการอะไร ท่านจะคิดว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตัวอย่างเช่น ชาวเขาสมัยก่อนทำมาหากินลำบากท่านก็เข้าไปช่วย ในหลวงคิดถึงประชาชน  ประชาชนเหมือนลูกของในหลวง  ในหลวงจึงเหมือนพ่อ พ่อที่ยิ่งใหญ่ เพราะในหลวงเห็นประชาชนทั้งหมดเป็นลูก จะทำอย่างไรให้ลูกไม่ลำบาก

สิ่งที่จะทำให้ในหลวงได้ก็คือเป็นคนดีค่ะ คือเป็นคนดีกับพ่อแม่ กตัญญู เป็นคนดีกับสังคม ถ้าเราได้รับโอกาสมาเราก็แบ่งปันโอกาสให้กับคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา ยกตัวอย่างอย่างตัวเองก็มีความตั้งใจว่าอยากไปดูแลคนพิการที่เพิ่งเป็น เพิ่งประสบอุบัติเหตุ ให้เขามีกำลังใจต่อสู้ เหมือนเราที่มีกำลังใจต่อสู้มาตลอด

ภาพในหลวงที่จำติดตาประทับใจเป็นภาพล่าสุดที่ฉลองครบรอบครองราชย์ ประทับใจภาพที่ท่านโบกพระหัตถ์ ก็ตราตรึงอยู่ตลอดเวลา เหมือนท่านมองดูแล้วว่าประชาชนของท่านรักท่านมาก  เหมือนที่เรารักท่าน ภาพนั้นจะติดตาอยู่ตลอดเวลา คือเหมือนท่านเป็นกันเอง ไม่ถือตัว ไม่คิดว่าท่านเป็นเจ้าหลวง ท่านถือว่าประชาชนคือลูกๆ  ไปไหนท่านก็จะมองจะทักทายประชาชนทุกคนแบบเป็นกันเอง ส่วนเรื่องพระราชดำรัสที่เราประทับใจคือเรื่องการอยู่อย่างพอเพียง เพราะว่าเป็นปรัชญาที่ท่านพูดออกมาแล้วเราจดจำได้ตลอด  เหมือนเวลามีเงินเข้ามามันเป็นเงินที่อาจจะเยอะสำหรับเราซึ่งเราไม่เคยได้เคยมี อยู่อย่างพอเพียงก็คือรู้จักจัดสรรเงินที่ได้มาอย่างประหยัด จะซื้ออะไรก็ให้คิด ไม่ใช้ฟุ่มเฟือยเกินเหตุ ท่านเองก็พอเพียงจริงๆ ท่านจะไม่ฟุ้งเฟ้ออะไร ดูจากการไปไหนของท่านจะธรรมดาๆ เป็นตัวอย่างให้ประชาชนเลย

เราไม่เคยเจอท่านแต่จะดูในทีวี  เวลาท่านไปเยี่ยมราษฎรหรือเวลาท่านเสด็จไปไหนแล้วมีประชาชนมาเข้าเฝ้าฯ  ท่านจะเดินมาทักทาย การที่ท่านยิ้มแย้มแจ่มใส มีกำลังที่จะเดินที่จะพูดกับประชาชน จะจำภาพของท่านได้เหมือนที่ผ่านมา เท่าที่เห็นในข่าว แต่ละครั้งที่ท่านทรงงานเวลาท่านมีพละกำลังแข็งแรง เวลาท่านไปทรงงานท่านก็ทำอะไรเต็มที่

ในด้านการกีฬาของท่านก็เป็นตัวอย่างให้เราเลย ท่านทรงเรือใบท่านก็ประสบความสำเร็จ เป็นตัวอย่างให้เราว่า  เราจะเป็นนักกีฬาที่ดีของพ่อค่ะ


030
กับพระองค์ท่าน แต่ก่อนดูเหมือนห่างไกลมาก เราเป็นประชาชนเดินดินธรรมดา  แต่พอได้มีโอกาสไปรับใช้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน  ท่านทรงเป็นกันเองกับเรามาก  เราเปรียบเทียบเหมือนเป็นลูกเป็นหลานท่านได้เลย  ท่านจะมีเรื่องมีอะไรมาเล่าให้เราสนุกๆ เสมอ  เรื่องของคุณทองแดง หรืออะไรอย่างนี้แหละค่ะ  อย่างมีครั้งนึง  มีคนถวายรูปปั้นคุณทองแดงเป็นปูนพลาสเตอร์ขนาดเท่าตัวจริงนะคะ ไปวางอยู่บนพระตำหนักของท่าน เวลาใครเดินผ่านไปผ่านมาก็จะเห็น เราก็แบบ  เอ๊..แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง เขาเห็นรูปปั้นเขาแล้วเขารู้สึกยังไงไหมเพคะ ในหลวงก็ อือ..เขาก็ตกใจ เดินๆ ไปแล้วอึ้งๆ แล้วก็ตกใจก็แบบว่าไม่สนใจกับตรงรูปปั้นนี้ ไม่รู้สึกว่าชอบหรือะไรแบบนั้น ตกใจมากกว่า

ท่านจะชอบรถแข่ง ชอบรถแข่งมากๆ ค่ะ จะมีพวกรถแข่งฟอร์มูล่าวัน ท่านจะทรงโปรดมาก แล้วถ้าวันใดมีแข่งฟอร์มูล่าวันท่านก็จะขึ้นเร็ว เพราะปกติถ้าอยู่วังไกลกังวลแล้วถ้าท่านทรงประทับที่นั่น ท่านจะลงออกมาออกกำลังพระวรกายทุกเย็น  แล้วก็จะให้ข้าทาสบริพารที่ใกล้ชิดเฝ้าท่าน ก็จะมีคุณทองแดง 1  แล้วก็มีสุนัขอื่นๆอีก 1  เป็นเวรค่ะ เป็นเวรเฝ้า ก็จะเวียนอยู่อย่างนี้แหละค่ะ แล้วก็ทรงเดินออกกำลังโดยรอบพระราชวัง

มีอยู่ครั้งนึง(แต่วันนี้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์)  ในหลวงท่านจะชอบคุณทองหลางกับคุณทองแดง อันจำได้ว่าเข้าวังพร้อมๆกัน ท่านอยากถ่ายรูปคุณทองหลางกับคุณทองแดงคู่กัน  แต่ก็คือทั้งคู่นี้จะหวงเจ้านายมากๆ  คือแบบว่าต้องเป็นหนึ่ง ยังไง ก็ต้องเป็นหนึ่ง  โดยเฉพาะคุณทองหลางจะเป็นมากๆ จะไม่ยอม จะขี้อิจฉานิดๆ แล้วท่านก็อยากจะถ่าย พอถ่ายเขาก็จะขู่กันไปขู่กันมา ทีนี้เหมือนกับคุณทองหลางขู่  คุณทองแดงเข้าใจว่าคุณทองหลางจะกัดท่าน จะโดนท่าน  คุณทองแดงก็ชาร์จจึก  แต่ปรากฎว่าพลาด  ..พลาดเข้าตรงที่พระเพลาท่าน  เลยสำนึกผิดด้วยการเลีย เป็นการแสนรู้อย่างนึงที่หมอประทับใจ

ท่านอยากให้คนไทยไม่ได้มองข้ามในสิ่งที่เราเป็น  ในความรู้สึกของหมอนะคะ คนไทยมักจะลืมในความเป็นตัวตนของเราเกินไป  ซึ่งสุนัขไทยถามว่าดีมั๊ย แสนรู้มั๊ย ทำไมคุณทองแดงถึงได้ไปอยู่กับท่าน ออกงานได้อย่างสง่างาม ไม่เคยกลัวใคร  คือสุนัขไทยไม่ได้แพ้สุนัขฝรั่งเลย ท่านอยากให้คนไทยหันมาดูแลแล้วก็เลี้ยงดูสุนัขไทยเหมือนกันค่ะ ก็คือไม่ได้ทิ้งขว้างเป็นสุนัขจรจัด บางคนเลี้ยงตอนเด็กๆ มันก็น่ารัก พอโตขึ้น อุ้ยไม่เอาตัวใหญ่สกปรก อาจเอาไปปล่อย ท่านก็อยากให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสุนัขไทยมากกว่า

ท่านดูแลดี ดีมากๆ ท่านจะปลูกเป็นเรือนให้อยู่ ก็คือเป็นห้อง แต่ละห้องๆ ห้องนึงก็จะอยู่กันตัวนึง อย่างมากก็สองตัว ไม่เกินไปกว่านี้แล้ว  ในแต่ละห้องก็จะมีบริเวณวิ่งเหมือนจะเป็นที่ขับถ่ายของเขาเป็นโซน  อีกโซนนึงก็จะเป็นห้องนอน  เป็นเตียงตั่งไม้ธรรมดามาก ให้สุนัขนอนได้ คือไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป มีพัดลมหนึ่งตัวบนเพดานนะค่ะ และที่สำคัญท่านเอาใจใส่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ  วิทยุท่านเปิดเอาไว้ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้สุนัขท่านเหงาเลย ในแต่ละคอกก็จะมีทั้งเซ็นต์เบอร์นาร์ด มีสุนัขไทย เป็นพันธ์ต่างๆหลายพันธ์  ก็คือแต่ละคอกท่านจะไว้อย่างเช่นเซ็นเบอร์นาร์ดก็เป็นห้องของเซ็นเบอร์นาร์ด   บาเซนจิก็ห้องบาเซนจิ เขาจะเป็นครอบครัวแบบเป็นตระกูลเลยค่ะ  ตระกูลนี้เป็นผังชาร์จ หมอจะชอบมาก ชอบถามท่าน คนนี้ลูกใคร ลูกใคร แล้วก็โยงเหมือนเป็นผังต้นไม้  ท่านไม่ต้องทำ ท่านจำได้ แม้กระทั่งตัวไหนชื่ออะไร ท่านยังเคยกระเซ้าหมอ  สุนัขของท่านชื่อนี้มีฟันข้างหน้ากี่ซี่ หมอก็จะคิดกันหนัก ว่าจะต้องมีแปลกแน่ ก็คือจะไม่เหมือนใคร ต้องอาจจะเป็นฟันที่ไม่ห่างหรือหักไปซี่นึงเหลือเท่าไหร่ คือฟันระหว่างเขี้ยวท่านถามว่ามีกี่ซี่ เราก็จะนึกกันไม่ออก ตอบกี่ซี่ดี  ท่านก็จะบอกว่า อ้าวเท่าไหร่ล่ะ เนี่ยเห็นมั๊ยเราไม่สามารถเชื่อใจสัตว์แพทย์ได้เลยนะเนี่ย ไม่ตรวจสุนัขเรา  เราไม่ไว้ใจนะเนี่ย  ฟันสุนัขเรามีกี่ซี่ก็จำไม่ได้  ก็เป็นอะไรที่สนุก ท่านจะเป็นกันเองกับเรามาก

เวรเราจะเป็นของในหน่วยงานเกษตร  ก็คือจะเป็นของคุณหมอที่อยู่ในโรงพยาบาล ก็จะเวียนเวรกันไปนะค่ะ ก็จะมีของที่บางเขน มีที่กำแพงแสน แล้วก็มีที่หนองโพธิ์นะค่ะ ก็จะไปอย่างบางเขนก็ไป 1 ท่าน แล้วก็กำแพงแสนกับหนองโพธิ์ก็จะส่งไปที่ ละ 1 ท่าน เวียนกัน สมมุติว่าอาทิตย์นี้เป็นบางเขนกับหนองโพธิ์ อาทิตย์หน้าก็จะเป็นบางเขนกับกำแพงแสน แบบนี้แหละค่ะที่จะสลับกัน ก็จะมีสัปดาห์ละ 2 คน ในการดูแล สุนัขของท่านเยอะมาก ประมาณ 40-50  เพราะว่ามีหลายรุ่น นี่รุ่นเหลนแล้วนะค่ะ รุ่นเหลนตอนนี้อยู่วังสวนจิตรด้วย ไม่ได้เอากลับ ยังมีอยู่ที่นี่เหลนก็ 2 คอก เหลนคอกนึง 9 อีก อีกคอกนึง 4

เห็นว่าท่านเลี้ยงเยอะ แต่ท่านจำในรายละเอียดของทุกๆตัวได้  ใส่พระทัยในแต่ละตัว คือถ้ามีปัญหาหรืออะไร ท่านทรงทราบท่านก็ทรงห่วงใยแล้วถามถึงตลอดเวลา เราเป็นคนนอกไม่ใช่เจ้าของเรายังคิดว่าท่านอาจจะจำไม่ได้  คือสุนัขไทยนะค่ะ ไทยผสมบาเซนจิ มีมาร์คกิ้งคล้ายๆกัน หน้าตาคล้ายๆกัน แต่ท่านจำได้ แล้วท่านก็ทรงตั้งชื่อเอง ตามที่ท่านจินตนาการว่าชื่ออะไร

ท่านก็คงจะหวังว่าเราทำเป็นตัวอย่างเพื่อให้ทุกคนดูก็คือ สุนัขที่เขาทิ้งท่านก็จะเก็บมาเพื่อดูแล  คือจะมีที่หัวหินเหมือนกันค่ะ เป็นแบบศูนย์รักสัตว์ ท่านก็จะบรมราชานุเคราะห์  มีเอามาปล่อยด้วยนะค่ะ กลายเป็นว่าพอใครไม่อยากเลี้ยงก็เอามาปล่อย อย่างเนี้ย ซึ่งมันไม่ใช่ตามวัตถุประสงค์ของท่าน  ท่านตั้งศูนย์นี้มาเพื่อเก็บสุนัขจรจัดมาดูแลให้ดีแล้วจากนั้นหาเจ้าของ หาบ้านให้  อย่างนี้ก็มีค่ะ ทุกคนมารับไปเลี้ยงดูก็ดี  แต่อีกด้านนึงเมื่อมีตรงนี้บางคนเขาก็เอามาปล่อยไว้ก็ค่อนข้างเยอะ  คิดว่าท่านต้องการทำเป็นตัวอย่าง ส่วนใหญ่ท่านไ่ม่ค่อยตรัสอะไรตรงๆ ให้เราได้รู้ว่ายังไง ก็คือท่านจะทำให้เราดู ก็คือเราทำตาม

ท่านทรงมีพระปรีชาในทุกๆด้าน รอบรู้ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม รวมทั้งเกี่ยวกับสัตวแพทย์ท่านมีความรู้  อย่างคุณทองแดงเนี่ยแหละค่ะ ท่านก็ทรงตรัสว่าเนี่ยต้นกำเนิดของเขาเนี่ยจะต้องเป็นสุนัขทางโคราช  ท่านเคยตรัสว่าจะให้ท่านผู้หญิง ไปเอาโครงกระดูกมาเพื่อทำการวิจัยวิเคราะห์ให้รู้ว่าเนี่ยต้นตระกูลของสุนัขไทย สุนัขโบราณ คือท่านมีความรู้ความสามารถรอบด้าน แล้วก็ทรงมีเมตตา เปี่ยมด้วยคุณธรรม ทุกๆอย่าง  ทรงไม่ถือพระองค์เลย ทำงานหนักตั้งแต่ขึ้นครองราชย์  ถึงบัดนี้ยังทำงานอยู่ ทรงงานหนัก บางคนก็ไม่ทราบว่าท่านทรงงานหนักแค่ไหน ทุกวันท่านก็จะทรงงาน ท่านก็จะไม่ได้บรรทมเหมือนเวลาปกติของเรา  ท่านจะทรงงานกลางคืน ท่านว่าจะมีสมาธิมากกว่า

ภาพที่ประทับใจเป็นภาพท่านกับคุณทองแดง (* ภาพในกรอบเล็กบนชั้นวางข้างคุณหมอ…กองบอกอ)  ท่านพระราชทานให้หมอเป็นของขวัญปีใหม่ หมอปลาบปลื้ม จนน้ำตาไหล ประทับใจที่สุดเลยค่ะ

ก็อยากให้คนไทยช่วยกันทำให้ท่านมีความสุข ไม่ต้องทะเลาะกันเบาะแว้งกัน อยู่กันอย่างสามัคคี  ท่านมุ่งหวังความสามัคคีมาก  ถ้าคนไทยทุกคนมีความสามัคคีให้กันนั่นคือของขวัญที่ดีที่มีให้ท่านแล้ว  ก็คือเป็นของขวัญที่พิเศษที่สุดที่ท่านอยากจะเห็นคนไทยมีนะค่ะ คนไทยมีความสามัคคีมีความรักใคร่กัน ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน  คนรวยให้คนจน มีน้ำใจซึ่งกันและกันน่าจะเป็นผลดี  เพราะว่าในหลวงท่านก็คือเหนือหัวค่ะ ท่านไม่มีสิ่งใดที่จะเปรียบได้แล้ว  ท่านคือคนเดียวไม่เหมือนใคร  นี่แหละเหนือหัวของคนทุกคน  ประโยคที่ท่านตรัสสอนเราอยู่เสมอคือ “ความรู้ไม่มีวันสิ้นสุด  คนเราจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้ใส่ตัวเองตลอดเวลา”