PARTNER EVENT

ลองเล่น SONY A99II ในงาน PHOTOKINA 2016

ผมห่างหายจากงาน PHOTOKINA ไปถึง 12 ปี  ได้แต่ติดตามข่าวคราวอุปกรณ์ใหม่ที่มักจะเปิดตัวกันในงาน PHOTOKINA จากอินเตอร์เน็ต แต่ปีนี้ผมมีโอกาสได้เดินทางไปงาน PHOTOKINA อีกครั้งตามคำเชิญชวนของโซนี่ไทย ว่าสนใจมั๊ย แน่นอนครับว่า สนใจ  เพียงแต่ต้องเคลียร์งานทั้งส่วนของออฟฟิศและงานครอบครัวก่อน  ไม่สามารถเดินทางไปพร้อมท่านอื่นๆ ได้  ต้องตามไปในอีกหนึ่งวันถัดมา

เมื่อไปถึงเยอรมัน ต่อเครื่องจากมิวนิคไปโคโลญจ์ แล้วก็ตรงดิ่งเข้าเช็คอินที่โรงแรม เก็บของในห้องพักเรียบร้อยก็ต้องรีบเผ่นแน่บไปงาน PHOTOKINA ในทันที เพราะทางโซนี่ไทย นัดเอาไว้เวลาบ่ายสามโมง ว่าจะมีงานแถลงข่าวเปิดตัว Product ใหม่  ซึ่ง ณ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นกล้องอะไรหรอกครับ ก็ได้แต่เดากันไปว่าจะเป็น A9 บ้าง  A7III บ้าง  A99II บ้าง หรือจะเป็น A7RIII  แต่พอเข้าห้องสัมมนา จึงทราบว่ามันคือ A99II กล้องที่ชาวโซนี่ A Mount รอคอยกันมานาน  นานจนหลายคนรอไม่ไหว หันไปหา E Mount กันเกือบหมดแล้ว  งานเปิดตัวก็ทำกันแบบเรียบๆ ครับ เพราะห้องแถลงข่าวต้องใช้หลายแบรนด์ต่อคิวกัน จึงไม่มีการตกแต่งเวทีอะไร แต่ก็ทำได้ดี กระชับชัดเจนและจบการแถลงข่าวได้เร็ว  โดยสร้างความงุนงงให้สื่อมวลชนทั้งไทยและเทศพอควรว่า ไม่มีอะไรต่อแล้วหรือ  A99II ตัวเดียวหรือ ….ตัวเดียวครับ แต่นี่คือกล้องที่น่าสนใจมากรุ่นหนึ่ง หากจิตใจไม่โอนเอียงไปทาง E Mount มากเกิน เพราะมันมาพร้อมบอดี้ที่สวยงาม แข็งแกร่ง จับถนัดมือ ควบคุมการทำงานได้ยอดเยี่ยม จัดวางปุ่มดีมาก ระบบโฟกัสยอดเยี่ยม ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องยอดเยี่ยม ระบบวิดีโอคุณภาพสูง และ ฯลฯ

a99ii_01

a99ii_02

ทำไมโซนี่จึงผลิต A99II ออกมา  ก็เพราะตลาดยุโรปยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่เหนียวแน่นกับ A Mount  เพียงแต่บอดี้หยุดอยู่ที่ A99 , A77 II  และ A 68 มานาน  นานจนหลายคนกลัวว่าโซนี่จะทิ้งผู้ใช้เมาท์ A หรือไม่ การผลิตกล้องระดับโปรอย่าง A99 II จึงน่าจะตอบสนองกลุ่มผู้ใช้จำนวนไม่น้อยในยุโรปที่ชอบกล้อง A Mount ตรงขนาดที่เหมาะมือ และใช้งานคล่องตัว อีกทั้งยังมีเลนส์ A Mount อยู่แล้ว ส่วนตลาดในบ้านเรานั้นคาดเดายากครับ แม้จะมีกลุ่มผู้ใช้ A Mount อยู่ไม่น้อย แต่หลายคนรอกล้องใหม่มานาน  นานจนถอดใจหันไปหา A7RII กัน ดังนั้นการมาถึงของ A99II นั้นผมเชื่อว่า มีหลายคนที่ชอบ แต่อีกหลายคนอาจจะเฉยๆ

สำหรับผม ..ผมชอบครับ  และก็ดีใจที่โซนี่ยังไม่ลืมลูกค้าเก่าที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาบนถนนที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่มีทั้งอิฐ หิน ดิน ทราย และตะปู แม้ว่า A99II อาจจะทำยอดขายไม่ได้ถึงหนึ่งในห้าหรือหนึ่งในสิบของ A7RII  แต่สิ่งนี้คือ ความน่าชื่นชมที่โซนี่ยังอยู่กับผู้ใช้ A Mount

a99ii_03

A99II ออกแบบให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด  ขนาดเล็กกว่า A99 เดิมอยู่ 8%  รูปทรงก็แตกต่างจากเดิม  ดูคล้าย A77 II มากกว่าทั้งรูปลักษณ์และขนาด แต่โครงสร้างขัดกันมากครับ  A99II ใช้บอดี้ที่ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย ไม่มีแฟลชในตัว ส่วนของกะโหลกกล้องจึงดูแข้งแกร่งกว่าตัวกล้องซีลกันฝุ่นและละอองนํ้า ปุ่มปรับต่างๆผลิตอย่างแข็งแรงแน่นหนา ใช้งานสะดวก รูปแบบของกล้องยังคงเป็น SLT (Single lens Translucent) เหมือนกล้องตระกูล A ก่อนหน้า โดยใช้กระจกโปร่งแสงในการสะท้อนแสงบางส่วน ขึ้นไปด้านบนเพื่อใช้ในการทำงานระบบออโตโฟกัส แต่แสงส่วนใหญ่จะทะลุกระจกสะท้อนภาพไปที่เซ็นเซอร์รับภาพ ความแตกต่างจาก A99 อยู่ตรงที่ในกล้อง A99II จะมีเซ็นเซอร์ของระบบออโตโฟกัส 2 ส่วน

ส่วนแรกอยู่ด้านบนของกระจก Translucent ติดตั้งเซ็นเซอร์โฟกัส 79 จุด โดยเป็นเซ็นเซอร์แบบกากบาท 15 จุด ส่วนเซ็นเซอร์โฟกัสอีกชุดจะติดตั้งบนเซ็นเซอร์รับภาพ โดยมีเซ็นเซอร์ 399 จุด ทำงานแบบเฟสดีเทคชั่น วางเซ็นเซอร์แนวตั้ง ความพิเศษอยู่ตรงที่โซนี่นำเซ็นเซอร์ 2 ชุดนี้มา Hybrid ทำงานร่วมกันได้ แม้จะอยู่ห่างกันคนละทิศละทาง โดยเมื่อทำงานร่วมกัน ก็จะได้จุดโฟกัสที่เป็น Cross Type ถึง 79 จุด ทำให้ A99II มีประสิทธิภาพในการโฟกัสดีกว่า และแทรคกิ้งได้ดีกว่า เพราะเซ็นเซอร์แบบ Cross Type จะทำงานได้แม่นยำแม้ในสภาพแสงน้อยหรือแม้แต่ซับเจกต์มีคอนทราสต์ตํ่า   เมื่อทำระบบโฟกัสได้ดี A99II จึงออกแบบให้การประมวลผลเร็วขึ้น ผลที่ได้คือมันมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงถึง 12 ภาพ / วินาที  เร็วเทียบเท่ากล้อง DSLR ระดับโปรโดยความเร็ว 12 ภาพ/วินาทีนั้นมาพร้อมระบบโฟกัสต่อเนื่องที่ยังทำงานได้ ทำให้มันเป็นกล้องที่พร้อมสำหรับการถ่ายภาพกีฬา ภาพแอคชั่นต่างๆ โดยสามารถเลือกพื้นที่โฟกัสได้หลายรูปแบบ ปรับความเร็วในการแทรคกิ้ง ความไวในการตอบสนองได้ ระบบโฟกัสสามารถทำงานได้ในสภาพแสงน้อยถึง EV-4  เซ็นเซอร์รับภาพใช้รุ่นเดียวกับ A7RII คือ Exmor R CMOS Back illuminated  ซึ่งประสิทธิภาพของเซ็นเซอร์รับภาพรุ่นนี้ก็คงทราบกันดี ให้รายละเอียดยอดเยี่ยมและมีสัญญาณรบกวนตํ่า  ไม่เพียงเท่านั้น A99II ยังใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้องแบบ 5 แกน ที่สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4.5 สตอป ออกแบบมาสำหรับการสั่นไหวในทุกรูปแบบ ทั้งการบันทึกภาพนิ่ง
และภาพยนตร์

a99ii_04

ระบบวิดีโอจัดมาเต็มๆ ด้วยคุณภาพระดับ 4K ที่บันทึกในฟอร์แมต Super 35 บนเซ็นเซอร์ความละเอียดสูง ข้อมูลที่บันทึกจึงสูงถึง 15 ล้านพิกเซลต่อเฟรม มากกว่าความละเอียดของไฟล์ 4K ถึง 1.8 เท่า  เมื่อเอาท์พุทออกมาเป็นวิดีโอ 4K มันจึงให้คุณภาพสูงมากทั้งรายละเอียด มิติ ความลึกของภาพ และลดปัญหาเรื่อง moire ได้มาก

นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่น S-Gamut และ S-Log ที่ช่วยให้เก็บไดนามิคเรนจ์ได้กว้าง และยังรองรับฟอร์แมต XAVC-S ในโหมด 4K ที่มีบิตเรตสูงถึง 100 Mbps  ภาพที่ได้จึงมีรายละเอียดสูงมาก  และ A99II ยังสามารถบันทึกวิดีโอแบบ Slow Motion และ Quick Motion ได้หลายระดับความเร็ว และแน่นอนครับว่ามาพร้อม Wi-Fi และ NFC สำหรับการแชร์ภาพสะดวกรวดเร็ว  สรุปโดยรวมของสเปค A99II แล้วก็คงต้องบอกว่า ดีจริง โปรจริง แรงจริง เพียงแต่จะทำตลาดได้ดีเพียงใด จะเป็นลมหายใจให้ A Mount ต่อได้มากน้อยเพียงใดนั้น ยากที่จะเดาครับ  หากเป็นชาวโซนี่ที่ยังมีเลนส์ A Mount ระดับเทพๆ อยู่ นี่คือกล้องที่คู่ควรครับ โดยเฉพาะกับเลนส์โปรเวอร์ชั่น II ทั้ง 4 รุ่น (Ziess 16-35mm. f/2.8 II, Ziess 24-70mm./f2.8 II, Sony G 70-200mm. f/2.8 II และ Sony G 70-400mm. f4.5-5.6 II)  กล้องรุ่นนี้จะเผยศักยภาพของเลนส์ให้ผุดออกมาเต็มพิกัด

a99ii_07

a99ii_05

สำหรับผม  ผมมีเลนส์ A Mount อยู่ 5-6 ตัว  แต่ไปตกลงปลงใจกับ A7 RII และใช้เลนส์ A Mount ผ่านอแดปเตอร์ LA-EA 4 ไปแล้ว  เห็น A99II แล้วก็อยากได้ล่ะครับ แต่คงต้องตรึกตรองมากหน่อย แต่สำหรับแฟนๆ  A Mount ที่มีงบพอ  แนะนำเลยครับ มันน่าใช้มาก ในงานผมได้ลองจับลองเล่นอยู่บ้าง แต่ไม่สามารถใส่การ์ดได้ จึงต้องดูผลจากการซูมขยายบนหน้าจอ LCD อย่างเดียว คงจะทดสอบคุณภาพไม่ได้ครับ เอาไว้กล้องมาเมื่อไหร่คงต้องยืมมาลองกันอีกที  เราอยู่ในงานโฟโตคิน่า 2 วัน เดินวันละไม่น้อยกว่า 7-8 กม. เมื่อยมากครับ เพราะต้องแบกกล้องติดตัวไปเก็บภาพตลอด บูธของโซนี่คึกคักดีมาก ด้วยกระแสของฟูลเฟรมที่แรงทั่วโลก ผมไล่เดินบูธหลักๆ ให้ครบ แต่ก็พลาดไปหลายแบรนด์ครับ มีเวลา 2 วัน มันยังไม่พอ ต้องขออีกวัน แต่อีก 2 วันที่เหลือ โซนี่จะพาไปเที่ยวครับ ซึ่งแน่นอนครับว่า เที่ยวสนุกกว่าเดินขาลากในงานเป็นวันที่ 3 แน่

a99ii_08

เราเก็บสัมภาระจากโรงแรม แล้วขึ้นเครื่องจากโคโลญจ์ไปยังเมืองนูเรมเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่จะไปท่องเที่ยวถ่ายภาพกัน ในทริปนี้ผมมีกล้องมา 2 ตัวคือ A7RII กับ RX10II ส่วนเลนส์มี 16-35mm. F4 , 50mm. F1.4 , 70-200mm. F2.8 แค่นี้ครับ และก็มีขาตั้งเล็กๆ ติดมาด้วยอีกตัว ในเมืองนูเรมเบิร์กจะเต็มไปด้วยโบส์เก่าแก่สวยๆ มากมาย มีประสาทและโบราณสถานหลายแห่ง ในอากาศในวันนี้ค่อนข้างดีครับ ฟ้าใส อุณหภูมิในช่วงกลางวันประมาณ 15-20 องศา ช่วงเช้า 7-8 องศา จัดว่ากำลังสบาย เหมาะสำหรับเดินถ่ายภาพในเมืองมาก หลังจากจบโปรแกรมที่ไกด์พาชมเมือง แวะตามจุดหลักๆ แล้ว ช่วงเย็นเราจึงชวนกันไปถ่ายภาพในเมือง โดยไม่ได้ร่วมทานอาหารเย็นกับกรุ๊ปอื่น

a99ii_11

a99ii_09

นูเรมเบิร์กเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ และมีอะไรให้ถ่ายเยอะแยะ เราเดินถ่ายกันจนหมดแสงสุดท้าย จึงแวะหาอาหารรองท้อง พอดีมีงานเฟสติวัลในเมือง จึงมีของให้เลือกทานค่อนข้างมาก วันรุ่งขึ้นเราเดินทางด้วยรถบัสไปเมืองเล็กๆ อีกแห่ง ชื่อ โรเธนเบิร์ก เป็นเมืองที่สวย บ้านเรือนทาสีสดใส ฟ้าใส อากาศเย็นสบาย แต่ละคนในทริปจึงถ่ายพภาพกันสนุก เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง แต่ชาวเอเชียก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก เดินเล่นจึงยังเพลิน และหามุมถ่ายภาพได้ตลอดเส้นทาง กล้องทั้ง 2 ตัว ยังทำหน้าที่อย่างไว้ใจได้ ผมหมดแบตเตอรีกับเมืองนี้ไป 3 ก้อน อิ่มเอมใจมาก จากนั้นก็กลับมาพักที่เมืองนูเรมเบิร์กเช่นเดิม

a99ii_10
วันสุดท้าย ผมตื่นแต่เช้ามืดแล้วออกไปถ่ายภาพที่ตลาดเช้า และเดินดูบรรยากาศเมืองไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้ถ่ายภาพมากนัก แต่การได้มาซึมซับความสวย อากาศที่เย็นสบาย และแสงสวยๆ ตอนเช้าก็ทำให้สบายใจ และพร้อมกลับมาลุยงานที่กรุงเทพฯ ต่อ

ขอบคุณ : บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด สำหรับความอนุเคราะห์ทริปการเดินทางที่น่าประทับใจ และขอบคุณการต้อนรับและดูแลอย่างอบอุ่นจากทีมโซนี่ทุกท่าน