OTHER REVIEWS

5 สมาร์ทโฟนระดับกลาง ใช้งานง่าย ถ่ายรูปสวย

เชื่อว่าหลายๆ คน ที่คิดหรือตัดสินใจจะเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่อง สิ่งแรกๆ ที่มักจะให้ความสำคัญคือ เรื่องของกล้องถ่ายภาพ อยากได้กล้องที่ถ่ายง่ายๆ แต่ได้ภาพสวย อยากให้กล้องมีโปรแกรมแต่งภาพในตัว หรือมีลูกเล่นอื่นๆ ที่ถ่ายแล้วแชร์ไปให้เพื่อนๆ ดูได้แบบไม่อายใคร แต่หลายคนอาจจะติดที่งบประมาณไม่พอที่จะไปซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นท้อป หรือระดับแฟลกชิปได้ วันนี้ผมขอแนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นระดับกลาง ที่ราคาไม่เกิน 15,000 บาท แต่มีกล้องที่ดี สามารถถ่ายรูปได้สวย ฟังก์ชันเยอะไม่แพ้กล้องโปรมาแนะนำครับ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการเรียนรู้ความสามารถของอุปกรณ์ และศึกษารายละเอียดของฟังก์ชันการทำงานให้ละเอียด และออกไปถ่ายรูปบ่อยๆ ก็ยังเป็นพื้นฐานหลักที่ทำให้ได้ภาพถ่ายที่ดีได้ครับ..

เริ่มกันที่ Sony Xperia XA1 Ultra เปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ออกแบบรูปร่างสไตล์เรียบหรู เอกลักษณ์ของ Sony มาพร้อมจอขนาดใหญ่ 6” ความละเอียด Full HD รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android  7.0 (Nougat) ใช้หน่วยประมวลผล Mediatek MT6757 Helio P20 Octa Core ความเร็ว 2.3 GHz พร้อม RAM 4GB, ROM 64GB และรองรับ microSDXC สูงสุด 256 GB

กล้องหลังของ Xperia XA1 Ultra เป็นกล้องเดี่ยว ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS ขนาด 1 /2.3” ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล ติดเลนส์ 24 มม. รูรับแสง f/2.0 ใช้ระบบออโตโฟกัสแบบไฮบริดจ์ และระบบ Quick Launch ใช้ระยะเวลาเปิดกล้องพร้อมทำงานในเวลาเพียง 0.06 วินาที  กล้องหน้าใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 16  ล้านพิกเซล ติดเลนส์มุมกว้าง 23 มม. สำหรับเก็บภาพเซลฟี่ได้ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม มาพร้อมกับโหมด Hand Shutter ถ่ายภาพโดยการโบกมือไม่ต้องกดปุ่มชัตเตอร์ และระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS พร้อมเซลฟี่แฟลช ที่ช่วยให้มั่นใจในความคมชัดและสดใสของทุกเซลฟี่

จุดเด่นที่น่าสนใจนอกจากการใช้เซ็นเซอร์ของ Sony เองซึ่งเป็นที่ยอมรับกันถึงคุณภาพแล้ว เลนส์คุณภาพสูง และระบบกันสั่นที่ทำงานร่วมกัน ช่วยให้ภาพที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม และยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น ฟังก์ชันแตะเลือกจุดโฟกัส (Touch Focus) ปรับค่าความไวแสงได้สูงสุดที่ ISO 6400 ฟังก์ชันค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ (Face Detection), ตรวจจับรอยยิ้ม (Smile Detection) และยังมีโหมดถ่ายภาพต่างๆ เช่น โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า (Panorama), โหมดถ่ายภาพช่วงการรับแสงสูง (HDR) ฟังก์ชันซูม 5x ที่ให้ภาพคมชัด และระบบ Steady Shot  ที่ช่วยรักษาความคมชัดแม้เคลื่อนไหวในขณะถ่ายภาพ และรองรับวิดีโอ Full HD ..ราคา 13,990 มี 4 สีให้เลือก ดำ ขาว ชมพู และทอง


Moto Z2 Play สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน ตัวเครื่องผลิตด้วยโลหะ เคลือบด้วย nano-coating ป้องกันละอองนํ้า ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 626 Octa Core ความเร็ว 2.2GHz รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 (Nougat) ใช้จอแสดงผลขนาดใหญ่ 5.5” ความละเอียด Full HD พร้อม RAM 4GB / ROM 64GB และรองรับ microSDXC สูงสุด 2 TB แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว TurboPower

กล้องหลังใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 พร้อมไฟแฟลชคู่ LED แบบ Dual-Tone ระบบออโตโฟกัสแบบ  Dual-Pixel AF และ Laser AF ที่ให้ความรวดเร็วและแม่นยำ มีฟังก์ชันดิจิตอลซูม 8x กล้องหน้าใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 พร้อมไฟแฟลชคู่ LED แบบ Dual-Tone และโหมดปรับหน้าสวยอัตโนมัติสำหรับถ่ายเซลฟี่

จุดเด่นของกล้อง Moto Z2 Play คือสามารถเลือกโหมดถ่ายภาพได้หลากหลาย ทั้งโหมด HDR, พาโนรามา, สโลว์โมชั่น, โหมดตั้งค่าถ่ายภาพแบบมืออาชีพ, ทัชโฟกัส, ระบบตรวจจับรอยยิ้ม และยังมีโหมดเงียบปิดเสียงชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพ การถ่ายทอดคุณภาพของภาพในที่แสงน้อยทำได้ดี สามารถบันทึกวิดีโอ / ภาพเคลื่อนไหว (Video Recording) ที่ความละเอียด 4K จัดเก็บไฟล์ในฟอร์แมท MPEG-4 และที่โดดเด่นไม่มีใครเหมือนคือ รองรับการใช้งานกับ Moto Mods เพื่อเชื่อมต่อความบันเทิงได้หลากหลาย และยังมี Hasselblad Tru Zoom ที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นกล้องคอมแพกต์คุณภาพสูงได้อีกด้วย ..ราคา 15,990 มีสองสี ให้เลือก สีเทา และ สีทอง


Vivo V5 Plus Limited Edition รุ่นพิเศษ ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ High Polymer Unibody ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวพร้อมพื้นผิวแบบ Metallic คล้ายโลหะ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS In-Cell LCD ความละเอียด Full HD 1920×1080 พิกเซล ขนาด 5.5” ชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 625 ความเร็วสูงสุดที่ 2.0 GHz พร้อม RAM 4 GB /  ROM 64 GB ไม่รองรับ microSD

กล้องหลังใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุดที่ f/2.0 ใช้ระบบออโตโฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) มาพร้อมไฟแฟลช LED มาพร้อมฟังก์ชันหลากหลาย ทั้งโหมด HDR, ถ่ายกลางคืน, ULTRA HD ที่ถ่ายภาพหลายๆ ภาพแล้วมารวมเป็นภาพเดียว ให้รายละเอียดภาพที่สูงกว่า, HDR, PPT, ระบบกันสั่น, ภาพถ่ายมืออาชีพ, ภาพเคลื่อนไหว, ภาพต่อเนื่อง, โหมดหน้าสวย, พาโนรามา เป็นต้น นอกจากนั้น Vivo V5 Plus Limited Edition ยังรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดถึง 4K

จุดเด่นอยู่ที่การใช้กล้องหน้าแบบคู่ (Dual Front Camera) ความละเอียดเซ็นเซอร์สองชุดคือ 20 + 8 ล้านพิกเซล เป็นเซ็นเซอร์จาก Sony IMX376 ขนาด 1/2.78” รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมไฟแฟลชแบบ Selfie Softlight และฟังก์ชัน Bokeh ที่สามารถเลือกปรับค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f/0.95 ไปจนถึง f/16 ใช้ถ่ายภาพยอดนิยมได้อย่างง่ายๆ ทั้งการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ, หน้าเบลอหลังชัด หรือชัดทั้งภาพ และยังช่วยให้ภาพถ่ายดูมีมิติมากขึ้นอีกด้วย และยังมีโหมด HDR โหมดหน้าสวยที่สามารถปรับได้โทนผิวได้ 3 แบบ คือ ผิวนวล โทนสกิน และปรับผิวขาว และยังมีฟิลเตอร์แบบต่างๆ ให้เลือกใช้อีกหลายแบบ ..ราคา 12,990 บาท


OPPO R9s Special Red Edition รุ่นสีพิเศษสีแดง สมาร์ทโฟนระดับกลาง มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด Full HD 1920×1080 พิกเซล ขนาด 5.5” ใช้ชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 625 ความเร็ว 2.0 GHz หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 506 พร้อม RAM 4GB / ROM 64GB รองรับเมมมี่การ์ด microSD ความจุสูงสุด 256GB รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow

กล้องหลังและกล้องหน้า ใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลเท่ากัน โดยกล้องหลังใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX398 ขนาด 1/2.8” รูรับแสง f/1.7 ระบบออโตโฟกัสแบบ Dual PDAF ช่วยให้การโฟกัสทำได้รวดเร็ว แม่นยำ และถ่ายภาพได้คมชัดในทุกสถานการณ์ มาพร้อมไฟแฟลช LED มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกหลากหลาย เช่น Time-lapse, HDR, Panorama โหมดถ่ายภาพพิเศษ 5 โหมด Ultra HD ถ่ายภาพความละเอียดสูงพิเศษ, Various Filters มีสติ๊กเกอร์ และฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้กับภาพถ่าย, GIF Animation สร้างภาพเคลื่อนไหว, Double Exposure ถ่ายภาพซ้อน และ Expert Mode สามารถปรับค่าต่างๆ ได้เอง ทั้งค่าสมดุลสีขาว, ค่าชดเชยแสง, ค่าความไวแสง, ความเร็วชัตเตอร์ และเลือกระยะโฟกัส และรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K

ส่วนกล้องหน้า ใช้เลนส์รูรับแสง f/2.0 มาพร้อมโหมดถ่ายภาพ Beautify 4.0 ให้ภาพเซลฟี่ที่มีโทนสีผิวความขาวเนียนเป็นธรรมชาติที่เลือกปรับได้ถึง 7 ระดับ มาพร้อมระบบตรวจจับใบหน้าอัตโนมัติ โหมดถ่ายภาพพิเศษ 3 โหมด Various Filters, GIF Animation และ Double Exposure เลือกรูปแบบการสั่งถ่ายภาพได้ทั้งแบบปกติ, แตะที่หน้าจอ, สั่งด้วยเสียง และยกมือ พร้อมฟังก์ชันตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้า, เลือกอัตราส่วนภาพ และสลับด้านของภาพ รวมทั้งถ่ายภาพซ้อน  time-lapse และ Gif ถ่ายวิดีโอความละเอียด Full HD ..ราคา 13,990 บาท


สุดท้าย Samsung Galaxy J7 Pro ใช้หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด Full HD 1920×1080 พิกเซล ขนาด 5.5” ชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Exynos 7870 ความเร็ว 1.6 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T830 พร้อม RAM ขนาด 3 GB / ROM 32 GB และรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat และรองรับเมมโมรี่การ์ด แบบ microSD Card ได้ที่ความจุสูงสุด 256 GB

ส่วนกล้องถ่ายภาพ ทั้งกล้องหน้าและหลังใช้เซ็นเซอร์ความละเอียดเท่ากันคือ 13 ล้านพิกเซล โดยกล้องหลังติดเลนส์รูรับแสงกว้าง f/1.7 พร้อมไฟแฟลช LED และโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพโปร, โหมดถ่ายภาพพาโนรามา, โหมดถ่ายภาพกลางคืน โหมดถ่ายภาพ HDR ในโหมดถ่ายภาพโปรสามารถปรับตั้งค่าการถ่ายภาพได้ทั้ง การชดเชยแสง, ISO และไวท์บาลานซ์ และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p)

กล้องหน้า มาพร้อมกับเลนส์รูรับแสงกว้าง f/1.9 พร้อมไฟแฟลช LE มีหน้าตาของอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกับกล้องหลัง มีการแสดงไอคอนของฟังก์ชันต่างๆ ให้เลือกใช้งานได้ทันทีบนหน้าจอ รวมทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ หรือโหมดถ่ายภาพแบบกลุ่ม และที่ขาดไม่ได้สำหรับกล้องหน้าคือ โหมดถ่ายภาพหน้าสวย ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับค่าผิวเนียน, ปรับใบหน้าเรียว และทำตาโตได้ถึง 8 ระดับ และยังสามารถเลือกปรับค่าบางอย่างเฉพาะตามที่ต้องการได้อีกด้วย กล้องหน้าก็สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด Full HD (1080p) ได้เช่นเดียวกัน ..ราคา 10,900 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีทอง และสีชมพู

เรื่อง / ภาพ : สมศักดิ์ ทัศนเศรษฐ


อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^


หรือสนใจดูเรื่องราวเกี่ยวกับ Smart Phone ที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่
https://test2.fotoinfo.online/mirrorless-smart-phone/smart-phone-corner/