EOS R5 C STILL &​ MOVIE PROFESSIONAL​ WORKFLOW​

EOS R5C STILL &​ MOVIE PROFESSIONAL​ WORKFLOW

EOS R5 C เป็นกล้องไฮบริดซีเนม่าที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานทั้งโลกของภาพนิ่งและโลกของภาพยนตร์ หลายคนมักจะคิดว่ากล้องรุ่นนี้ เป็นเพียงกล้องมิเรอร์เลสรุ่นหนึ่งที่แตกต่างจาก EOS R5 ตรงที่มีพัดลมในตัวเพื่อระบายความร้อน แต่จริงๆ แล้วมันมีความแตกต่างจากกล้องมิเรอร์เลสทั่วไปอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อสวิทช์ระบบการบันทึกภาพเคลื่อนไหว หรือ Movie มันจึงได้ถูกนำไปใช้งานโดยช่างภาพมืออาชีพที่มองเห็นจุดเด่นของกล้องรุ่นนี้

คุณป๊อป – วีระยุทธ สำนัก ช่างภาพนิ่งและช่างภาพวิดีโอ ก็คือหนึ่งในนั้นที่ใช้กล้อง EOS R5 C ในการทำงานทั้งส่วนของภาพนิ่งและวิดีโอ

คุณป๊อปเล่าให้ฟังว่า ทำงานอาชีพถ่ายภาพมานานแล้ว เริ่มจากการถ่ายภาพนิ่งทั้งถ่ายแฟชั่น ถ่ายสินค้า ใช้กล้อง DSLR ซีรี่ส์ EOS 5D จนเปลี่ยนมาเป็นกล้องมิเรอร์เลส ในช่วงหลังเริ่มหันมาถ่ายวิดีโอในงานโฆษณาสินค้า จึงเริ่มจริงจังกับงานวิดีโอโดยงานถ่ายภาพนิ่งในปัจจุบันจะเป็นงานภาพโฆษณา ส่วนงานวิดีโอจะถ่ายเป็น TVC และคอนเทนต์ออนไลน์

ในการทำงานต้องใช้กล้องหลากหลาย งานวิดีโอระดับอาชีพ และเลือกใช้กล้องซีเนม่าเป็นส่วนใหญ่เพราะต้องการคุณภาพสูงจากกล้องและเลนส์ รวมทั้งฟังก์ชันหลายๆ อย่าง แต่กล้องซีเนม่ามีขนาดใหญ่ หนัก อุปกรณ์ประกอบเยอะ ต้องใช้ผู้ช่วยในการทำงานหลายคน

คุณป๊อปเลยมองหากล้องที่รองรับงานได้ดีทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ที่ใช้งานได้สะดวก คล่องตัว ก็มาพบกับ EOS R5 C ซึ่งเมื่อได้ดูสเปคและลองเล่นดูก็พบว่า เป็นกล้องที่ตอบโจทย์การทำงานของเขาทั้งคุณภาพไฟล์ที่มีความยืดหยุ่นสูงแบบกล้องมิเรอร์เลสในงานภาพนิ่ง และฟังก์ชันและการรองรับที่หลากหลายแบบกล้องซีเนม่าในงานวีดีโอ

ในส่วนของภาพนิ่ง คุณป๊อปมีการทำงานเหมือนกับการใช้กล้อง EOS R5 แทบทุกอย่าง เช่น ไฟล์ความละเอียด 45 ล้านพิกเซล ที่เพียงพอสำหรับการทำงานงานโฆษณา สามารถทำงานแล้วจบงานได้เลย

และเมื่อสวิทช์จากภาพนิ่งมาเป็นวิดีโอ ก็เหมือนได้กล้องซีเนม่ามาใช้งานเลย มันจะแตกต่างจากกล้องมิเรอร์เลสตรงที่เมนูของกล้องจะเป็นรูปแบบเดียวกับกล้องซีเนม่าของแคนนอนซีรีส์ Cinema EOS อย่าง EOS C70 หรือ EOS C400 สามารถปรับค่าชัตเตอร์องศา หรือที่เรียกว่า Shutter Angle ได้ ปรับรูปแบบไฟล์ได้หลากหลาย มีฟังก์ชัน Waveform, False Color, Zebra และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ขนาดเล็กกว่า เบากว่า คล่องตัวกว่า
มาพร้อมระบบออโตโฟกัสในการติดตามวัถตุและสามารถทำงานคนเดียวได้

EOS R5 C สามารถบันทึกวีดีโอความละเอียดสูงถึง 8K/60p RAW 4:2:2-12 bit และ 4K/120p มีความยืดหยุ่นทั้งการเกรดสี การดึงรายละเอียด สามารถเอาไปทำงานต่อได้เหลือเฟือ และคุณป๊อปยังบอกว่า เขาสามารถเลือกใช้เลนส์ซีเนม่าเมาท์ RF รวมถึงเมาท์ EF และ PL ทั้งของแคนนอน และเลนส์นอกค่ายผ่านอแดปเตอร์แปลงเมาท์

สำหรับตัวกล้องมีพัดลมเสริมในตัว ซึ่งจะแตกต่างจาก EOS R5 ที่ไม่มีพัดลม ทำให้กล้องระบายความร้อนได้ดี ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวมากขึ้น ซึ่งคุณป๊อปบอกว่า ตั้งแต่ใช้มาไม่เคยมีอาการฮีทเลย ทำให้การทำงานไม่สะดุด นอกจากนั้น EOS R5 C เป็นกล้องที่สามารถคัสตอมปุ่มได้มากถึง 13 ปุ่ม ใช้ค่าหรือฟังก์ชันไหนบ่อย ๆ ก็ตั้งค่าไว้ที่ปุ่มได้ตามต้องการ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าเมนู เซ็ทครั้งเดียวแล้วใช้ยาวๆ

ส่วนความประทับใจที่คุณป๊อปมีต่อ EOS R5 C หลังจากใช้ในการทำงานอาชีพมาสองปี ถือว่าเป็นกล้องที่ใช้ได้คุ้มมาก ทำงานได้ดีทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เหมือนได้กล้อง 2 ตัวที่มารวมอยู่ในตัวเดียว

หากสนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EOS R5 C ดูได้ที่ https://bit.ly/CMTEOSR5C