“ล่าสุดนั้นมีข้อมูลภาพถ่ายที่ได้มาจากการทำงานขององค์กรอิสระFreeland ที่ทำให้ได้เห็นการปรากฏตัวในป่าธรรมชาติเป็นครั้งแรกหลังจากปล่อยคืนสู่ธรรมชาติไป “ ข้อความตอนหนึ่งจากเพจสถานีวิจัยสัตว์ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ทำให้ผมอยากเขียนถึงความสำคัญของ Technology โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Camera Trap อุปกรณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งครับ
Camera trap เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่องานวิจัยหลายๆ งาน ที่ผ่านมามีการใช้งานทั้งในด้านการวิจัย และการช่วยงานเจ้าหน้าที่อย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการสำรวจประชากรสัตว์ป่า หรือการติดตามสัตว์ป่า ดังเช่นหลายๆ กรณีที่มีการนำเทคโนโลยี Camera Trap มาใช้งาน ผลงานล่าสุดจากช่างภาพ Freeland คือการได้ภาพเสือโคร่งที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “บะลาโกล”
Go Go Balagol: ก้าวต่อไปบะลาโกล
บะลาโกล เป็นเสือโคร่งที่เกิดในป่าธรรมชาติ แต่ช่วงเวลาแห่งการเติบโตมีความพลิกผันของโชคชะตาเกิดขึ้น ทำให้กลายเป็นเสือเร่ร่อนก่อนเวลาอันควร เมื่อเดินทางเข้าใกล้ชุมชนจนจะกลายเป็นปัญหาของชาวบ้านที่อาศัยใกล้เคียงพื้นที่ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 จึงเข้าระงับปัญหาด้วยการจับเคลื่อนย้ายให้ออกห่างจากชุมชน
ด้วยความที่บะลาโกลเป็นเสือป่า การกลับสู่ป่าจึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงได้เห็นชอบให้ “ป่าทับลาน” ซึ่งคือส่วนหนึ่งของกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ เป็นจุดหมายปลายทางของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เนื่องจากมีความสมบูรณ์ของสัตว์ที่เป็นเหยื่อที่เชื่อได้ว่า เพียงพอ สำหรับการอาศัยอยู่ของบะลาโกล และที่สำคัญกว่านั้นคือ การมีอยู่ของกลุ่มประชากรเสือโคร่งที่แม้ว่าเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ถ้า บะลาโกล อยู่รอดได้มันจะสามารถช่วยเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมซึ่งถือเป็นการฟื้นฟูประชากรกลุ่มนี้อีกทางหนึ่ง
ในกระบวนการการฟื้นฟูประชากรสัตว์ป่าหายาก ขั้นตอนหลักๆ ที่จำเป็นต้องดำเนินการประกอบด้วย 1) การพิจารณาเลือกพื้นที่ที่ต้องการปล่อยสัตว์ป่าเพื่อการฟื้นฟูประชากรบนพื้นฐานการคิดประเมินอย่างรอบด้าน 2) สัตว์ที่ต้องการนำไปปล่อยมีทักษะที่สามารถดำรงชีพในสภาพธรรมชาติได้ 3) การติดตามสัตว์หลังจากการปล่อยคืนธรรมชาติที่ต้องใช้ทุกวิธีการเพื่อให้รู้ข้อมูลหลังจากปล่อยสัตว์คืนสู่ธรรมชาติ
การดำเนินการปล่อยบะลาโกลคืนสู่ธรรมชาติ ได้ดำเนินมาจนถึงขั้นตอนที่ 3 คือการติดตามหลังการปล่อยโดยสถานีวิจัยสัตว์ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่นั้นได้ใช้หลากหลายวิธีในขั้นตอนของการติดตาม เช่น การติดตั้งกล้องดักถ่ายในพื้นที่ การติดตั้งกล้องติดตามแบบ real time และการติดตามสัญญาณผ่านปลอกคอทั้งแบบใช้ข้อมูลดาวเทียม และการใช้คลื่นความถี่VHF ในการตามหาตัว รวมถึงการสำรวจร่องรอย
จากการติดตามบะลาโกลหลังปล่อยคืนธรรมชาติไป มีการพบเจอร่องรอย และเศษชิ้นส่วนของสัตว์ที่ตกเป็นอาหารของบะลาโกล ทำให้เชื่อได้ว่าบะลาโกลนั้นสามารถล่าหาอาหารในสภาพธรรมชาติได้ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จก้าวแรกของการดำรงชีวิตในป่า แต่สำหรับความสำเร็จในก้าวต่อๆ ไปนั้น คงต้องใช้และให้เวลากับบะลาโกลซึ่งยังอยู่ในช่วงของการสร้างการเจริญเติบโตทั้งขนาดของร่างกายและพัฒนาการทางระบบการสืบพันธุ์
The result of the reintroduction of large carnivorous mammals can be considered successful if the released animal hunts successfully in the wild, chooses some habitats as a its home range, avoids conflict situations with humans, and breeds.
ภาษาอังกฤษข้างบนกล่าวไว้ว่า ผลสำเร็จของการปล่อยคืนสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่นั้นจะพิจารณาได้จาก การล่าหากินได้เองตามธรรมชาติ การตั้งถิ่นฐานเพื่ออาศัยและหากิน การสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับมนุษย์ และท้ายสุดสัตว์ป่าที่ปล่อยคืนนั้นสามารถสืบต่อพันธุ์ได้
สำหรับบะลาโกลในตอนนี้ถือว่ายังอยู่ห่างคำว่า “สำเร็จ” อีกหลายช่วงตัว แต่อย่างไรก็ดีล่าสุดนั้นมีข้อมูลภาพถ่ายที่ได้มาจากการทำงานขององค์กรอิสระFreeland ที่ทำให้ได้เห็นการปรากฏตัวในป่าธรรมชาติเป็นครั้งแรกหลังจากปล่อยคืนสู่ธรรมชาติไป หากต่อไปในอนาคตบะลาโกลดำเนินชีวิตได้จนแตะความสำเร็จที่ว่าไว้ มันก็คือความสำเร็จของการดำเนินการเคลื่อนย้ายเสือโคร่งครั้งแรกของไทย แต่ถ้าไม่บรรลุจุดหมายปลายทาง ก็ยังนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของมนุษย์ในการพยายามกอบกู้สถานการณ์ประชากรเสือโคร่งไทย
ขอบคุณภาพถ่ายจาก Freeland (บทความจากเพจ สถานีวิจัยสัตว์ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่)
หนึ่งในวิธีการที่น่าสนใจในข่าวคราวการติดตามบะลาโกลคือการใช้ Camera Trap ในการบันที่ภาพเสือบะลาโกล ซึ่งการติดตั้งจะติดตั้งบนเส้นทางที่มีข้อมูลว่าเสือบะลาโกลจะใช้เป็นเส้นทางเดินหากินเป็นประจำ ตามนิสัยของเสือโคร่ง ที่มีวงรอบการหากินเป็นของตัวเอง
ซึ่ง Camera Trap จะมีทั้งแบบสำเร็จรูปที่สามารถบันทึกได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ซึ่งคุณภาพก็จะมีหลายแบบ มีทั้งคุณภาพพอใช้ได้ ไปจนถึงคุณภาพค่อนข้างดี และอีกแบบหนึ่งคือการนำกล้องเก่ามาทำเป็นคาเมร่าแทรป โดยเฉพาะกล้อง Dslr ที่เหมาะแก่การนำมาทำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวที่กล้อง Dslr มักจะมีความอึด ถึก ทน กว่ากล้องแบบอื่นๆ นั่นเอง ซึ่งกล้อง Dslr จะต้องเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ที่จับภาพเคลื่อนไหว หรือเซนเซอร์อินฟาเลส เพื่อตรวจจับสัตว์เลือดอุ่น หรือการเคลื่อนไหวของสัตว์ป่า หลังจากจับสัญญาณได้ เซ็นเซอร์ก็จะสั่งการให้กล้องลั่นชัตเตอร์พร้อมกับเปิดแฟลชพร้อมๆ กันนั่นเอง
การใช้งานของ Camera Trap ทั้งสองแบบมักจะนำมาใช้งานด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน เช่น กล้องสำเร็จรูป มักจะนำมาใช้เพื่อเก็บข้อมูล เก็บหลักฐาน แต่ในส่วนของกล้อง Dslr ที่ใช้ถ่ายภาพนิ่ง มักจะถูกนำมาใช้เพื่อถ่ายภาพที่ต้องการความละเอียดสูง สีสันตรง เป็นต้น
ขอบคุณภาพถ่ายจาก Freeland
ขอบคุณข้อมูลและอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : เพจ สถานีวิจัยสัตว์ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่
Leave feedback about this