ในช่วงปลายๆ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น ค่ายฟูจิฟิล์ม ได้มีการเปิดตัวกล้องสองรุ่น สองระดับ หนึ่งในนั้นคือ Fujifilm X-A3 ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มเติมขึ้นจากรุ่นเดิมคือ Fujifilm X-A2 ถ้าหากจะจำกันได้ในรอบปีที่ผ่านมา ถือเป็นกล้องที่สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการกล้องของบ้านเรา ที่มียอดขายถล่มทลาย ประเภทว่าสั่งไว้ก่อน จ่ายเงินไว้ก่อน แล้วค่อยมารับกล้องทีหลัง หนึ่งอาทิตย์ สองอาทิตย์ หรือหนึ่งเดือนก็ว่ากันไป
สำหรับรุ่นใหม่นั้น แน่นอนว่ายังคงตอบรับกับกระแส Selfies กันอยู่เช่นเดิม แต่เพิ่มเติมฟังก์ชั่นที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกมากขึ้น อย่างระบบทัชสกรีน และจอที่สามารถพลิกกลับมาได้เต็ม 180 องศา ต่างจากรุ่นเดิมที่ได้เพียง 175 องศา เท่านั้น ซึ่งถึงจะต่างกันเพียงแค่ 5 องศา แต่ความเต็มตาสำหรับการใช้งาน และมุมมองในการถือกล้องดีกว่ากันมากมายเลยล่ะครับ
สำหรับคู่แข่งในกลุ่มกล้องประเภทเดียวกันนี้ ซึ่งก็มีราคาที่ใกล้เคียงกันด้วยนั้นก็มี Sony A5100 ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ เท่าๆ กัน ซึ่งแน่นอนว่า ณ ช่วงเวลาปัจจุบันจะเสียเปรียบในด้านความสดใหม่ ส่วน Panasonic Lumix GF8 ที่มีขนาด เซ็นเซอร์ที่เล็กว่า แต่ก็มาพร้อมกับฟังก์ชั่นโดดเด่นหลายๆ อย่าง อาทิ Beauty Retouch ที่ให้คุณสาวๆ ได้แต่งเสริม เติมสวย กันเพิ่มเติม หลังจากที่ถ่ายภาพไปแล้ว ส่วนค่ายอื่นๆ ก็ทำนองเรื่อยๆ มาเรียงๆ ล่ะครับ ยังไม่มีรุ่นที่จะมาประมือกันตรงๆ ได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้อยู่ดีนั่นแหละครับ ว่าจะชอบแบบไหน หรือรุ่นไหนที่จะ “โดน” กันมากกว่ากัน
สำหรับค่ายแคนนอน ก็มีข่าวแว่วๆ ว่าจะมี Mirrorless ใหม่ออกมาด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่มี “ภาพหลุด” กันมาให้เห็น ซึ่งก่อนหน้านี้ คงจะจำกันได้กับภาพหลุดที่ทำภาพตัวอย่างกันออกมา ซึ่งหลายๆ คนร้องกรี๊ดกันเป็นทิวแถว ถึงรูปร่างหน้าตาที่ “โดน” กันเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้นสังกัดก็ออกมาสกัดดาวรุ่ง ว่าภาพต้นแบบที่เห็นนั้นไม่ได้เป็น Official แต่อย่างใด ทำเอาใจสลาย กันเป็นทิวแถว แต่ว่ากันตามจริง ผมก็ยังอยากจะเห็น Canon 7 “Reborn” อยู่นะครับ
ผมเคยเขียนไปครั้งหนึ่งว่า สำหรับกล้อง D-SLR เอง ก็ยังจะคงอยู่ เพราะมีกลุ่มผู้ใช้งานอยู่แน่ๆ แต่รุ่นเล็กๆ อาจจะโดนกล้อง Mirrorless แย่งตลาดไป เนื่องจากมีราคาที่ใกล้เคียงกัน และมี “ความง่าย” ของการใช้งานกล้องด้วย ทั้งการถ่ายภาพเอง และการฝากให้คนอื่นถ่ายภาพให้ ในยามที่เดินทางท่องเที่ยว
กลุ่มที่ “เหนื่อยถึงเหนื่อยมาก” ยังคงเป็นกล้องคอมแพ็คปกติธรรมดา ที่ไม่ใช่ Hi-end เพราะโดนกล้องสมาร์ทโฟน แย่งไปเกือบจะหมดแล้ว ยกตัวอย่างช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผมประสบอุบัติเหตุรถโดนชนท้ายประกันทั้งของผม ทั้งของคู่กรณี ใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพประกอบการเคลมกันหมดแล้ว รวมทั้งอู่ที่ซ่อมรถด้วยเช่นกันครับ จากประสิทธิภาพของกล้องสมาร์ทโฟนที่พัฒนาให้สูงขึ้น และให้คุณภาพในระดับที่ดีเยี่ยมทีเดียว ต่างจากเมื่อก่อนนี้ ที่ยังคงใช้ กล้องดิจิตอลคอมแพคกันอยู่ ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจที่ผมได้อ่านจากเวบไซต์ positioningmag.com ของ นิตยสาร Positioning ที่อ้างอิงมาจาก GFK และ บริษัทฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กับมูลค่ารวมของตลาดกล้องในครึ่งปีแรก 2559 ซึ่งระบุว่า มีมูลค่ารวม 3,700 ล้านบาท เติบโตขึ้น 49% โดยตลาดกล้อง Mirrorless เติบโตสูงสุด 127.4% มีมูลค่ารวม 2,150 ล้านบาท, กล้อง D-SLR เติบโต 20% มีมูลค่ารวม 1,113 ล้านบาท ส่วนกล้องคอมแพคนั้น ลดลงถึง 26.8% มีมูลค่ารวม 437 ล้านบาท
ถ้าหากดูจากตัวเลขมูลค่ารวมจะเห็นว่า กล้อง D-SLR ที่เติบโตเพียง 20% แต่มีมูลค่ารวมสูงถึง 1,113 ล้านบาท นั่นแสดงให้เห็นว่าน่าจะเป็นการเติบโตในส่วนของกล้องระดับ Professional และระดับ Semi-Professional เป็นหลัก ก็คงต้องรอดูกันต่อไปล่ะครับ ว่าแต่ละค่ายจะแก้เกม พลิกเกมกันอย่างไร ส่วนผู้ใช้อย่างเราๆ ท่านๆ มีหน้าที่เตรียมเงินไว้ช้อปของที่ถูกใจ และเหมาะสมกับการใช้งานล่ะครับ ใครทำออกมาแล้ว “โดน” ก็รับทรัพย์กันไปล่ะครับ
“โดน” ในความหมายของผมก็คือ คุณภาพดี และมีราคาที่สมนํ้าสมเนื้อครับ ซึ่งผลที่จะตามมาก็คือยอดขายนั่นแหละ ครับไม่ใช่ สเปคระดับนางฟ้า แต่ราคาระดับเทพ แบบนั้นก็คงจะต้องจัดเข้าไปอยู่ในกลุ่มสินค้าเฉพาะตามความต้องการของผู้ใช้บางกลุ่มแล้วล่ะครับ ใครเลยจะคิดว่าเสียงของผู้ใช้ตัวเล็กๆ อย่างประเทศไทย จะมีนํ้าหนักมากพอที่จะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศบนโลก ที่ทำให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ นำเอาข้อเสนอ ข้อติชม และความต้องการต่างๆ กลับไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เพื่อให้ถูกใจผู้ใช้ให้มากที่สุด หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว “โดน” ใจผู้ใช้มากที่สุด และเหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นแล้วครับ..