OPPO เปิดตัว Apex Guard ตอกย้ำพันธกิจในการยกระดับคุณภาพไปอีกขั้น

18 พฤศจิกายน 2568 กรุงเทพฯ – OPPO ได้เปิดตัว Apex Guard ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยีครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องและรักษาคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ให้อยู่ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แนวคิดใหม่นี้ถือเป็นก้าวล่าสุดของ OPPO ในการนิยามความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ โดยเป็นการยกระดับการใช้งานที่เหนือกว่าแค่การใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ยังครอบคลุมไปถึงอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ยาวนานขึ้น และการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมให้สูงขึ้นไปอีกขั้น
ในการจัดงานสุดพิเศษที่ให้ผู้เข้าร่วมได้ชมเบื้องหลัง ณ สำนักงานใหญ่และศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ระดับโลกของ OPPO ที่ Binhai Bay Campus ทาง OPPO ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์สำหรับ “คุณภาพที่ก้าวไปอีกขั้น” ซึ่งเป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่จะฝังรากฐานความมุ่งมั่นด้านคุณภาพให้เป็นส่วนหนึ่งในทุกขั้นตอนของกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นับตั้งแต่การวิจัยในช่วงเริ่มต้น ไปจนถึงการตรวจสอบความถูกต้องของอุปกรณ์ทั้งหมด
Grus Shan, Director of Manufacturing at OPPO ได้กล่าวเน้นย้ำว่า “คุณภาพคือรากฐานของทุกสิ่ง” พร้อมทั้งระบุว่า “ด้วยการสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในด้านคุณภาพ OPPO มุ่งมั่นที่จะปกป้องอิสระภาพของผู้ใช้งานทุกคนในการเดินทางของชีวิต คุณภาพไม่ได้เป็นเพียงฟีเจอร์เท่านั้น แต่คืออิสระในการสร้างสรรค์ช่วงเวลาของคุณ หรือ Make Your Moment”
ยกระดับคุณภาพสู่มิติใหม่ด้วย Apex Guard
Apex Guard คือชุดเทคโนโลยีที่ถือกำเนิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของ OPPO ในการตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้ด้วยโซลูชันที่ครอบคลุม โดยเทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ทุกประเภทของ OPPO และได้รับการออกแบบมาเพื่อ ยกระดับคุณภาพให้สูงขึ้นในสามมิติหลัก ดังนี้
ก้าวไปอีกขั้นกับคุณภาพที่เหนือกว่าการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ด้วยการคิดค้นและพัฒนาพื้นฐานในการออกแบบ Apex Guard จึงไม่เพียงแต่ป้องกันอุปกรณ์จากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การโดนน้ำ หรือการทำตกโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและง่ายดายยิ่งขึ้นไปอีกขั้น OPPO ได้บุกเบิกงานวิจัยด้านวัสดุและการออกแบบผลิตภัณฑ์ จนสามารถพัฒนาวัสดุต่างๆ เช่น เหล็กกล้าความแข็งแรงสูงพิเศษ และ อะลูมิเนียมอัลลอยเกรดการบินและอวกาศ AM04 ที่ทนทานต่อการสึกหรอในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังได้นำเสนอโซลูชันด้านโครงสร้างอย่าง Armour Shield ที่ให้การปกป้องที่เหนือกว่าความคาดหวังในชีวิตประจำวันอย่างมาก
ก้าวไปอีกขั้นกับคุณภาพที่ยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์
Apex Guard สร้างความมั่นใจในคุณภาพระดับสูงเพื่อมอบประสบการณ์ที่ไร้ความกังวลและสามารถคงทนผ่านการทดสอบของเวลาได้อย่างแท้จริง เช่น นวัตกรรมแบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอนของ OPPO ที่ใช้วัสดุซิลิคอน-คาร์บอนทรงกลมแบบพิเศษ ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ความปลอดภัยที่ยาวนาน แต่ยังช่วย ยืดอายุการใช้งานของเซลล์แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอีก 400 รอบ ทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ของ OPPO จะยังคงทำงานได้เหมือนใหม่ไปอีกนาน
ก้าวไปอีกขั้นกับคุณภาพที่เหนือกว่ามาตรฐานที่มีอยู่
เพื่อรับประกันคุณภาพที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่เริ่มต้น OPPO ได้ร่วมมือกับองค์กรทดสอบระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียง เช่น TÜV Rheinland, TÜV SÜD และ SGS และกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ของตนเองเป็นไปตามมาตรฐานที่สูงกว่าอุตสาหกรรมโดยทั่วไป อุปกรณ์ของ OPPO ถูกผลิตผ่านกระบวนการที่มีความแม่นยำสูงในทุกรายละเอียด และต้องผ่านขั้นตอนการทดสอบที่เข้มงวดที่สุด ซึ่งรวมถึงการประเมินคุณภาพวัสดุใหม่หลายรอบ และการทดสอบอุปกรณ์มากกว่า 180 รายการ ตั้งแต่ขั้นตอนก่อนการวิจัยและพัฒนา (R&D) ไปจนถึงสิ้นสุดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น บริการหลังการขายของ OPPO ยังก้าวข้ามมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อมอบการรับประกันคุณภาพที่เพิ่มขึ้นตลอดการใช้งานอีกด้วย

การยกระดับคุณภาพด้วยความลื่นไหลของซอฟต์แวร์ที่เหนือกว่า
OPPO ตระหนักดีว่า ความลื่นไหลของประสบการณ์ผู้ใช้ เป็นหนึ่งในวิธีการที่ผู้ใช้รับรู้ถึงคุณภาพของสมาร์ตโฟนได้โดยตรงที่สุด ดังนั้น บริษัทจึงได้รวมเอานวัตกรรมซอฟต์แวร์เข้าเป็นส่วนสำคัญของชุดเทคโนโลยี Apex Guard เพื่อปรับปรุงและขยายขีดจำกัดของประสบการณ์ดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

เพื่อรับประกันการใช้งานที่ลื่นไหลในทุกวัน ColorOS 16 ได้เปิดตัว All-New Luminous Rendering Engine ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมแอนิเมชันแบบรวม ครั้งแรกสำหรับ Android ซึ่งทำให้การเปิดแอปพลิเคชันและการเปลี่ยนหน้าจอต่างๆ ทั้งระบบเป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่องสำหรับสถานการณ์ที่ต้องรับมือกับงานหนักขึ้น Chip-Level Dynamic Frame Sync Technology ที่อยู่ใน All-New Trinity Engine จะช่วยให้ระบบสามารถตอบสนองต่อการเรนเดอร์เฟรมได้แบบเรียลไทม์ในขณะที่ผู้ใช้กำลังทำงานหลายอย่างพร้อมกัน นอกจากนี้เทคโนโลยี Sensor-Offload ยังใช้ประโยชน์จากชิปเซ็ต (SoC) ที่ทรงพลังเพื่อจัดการงานเซ็นเซอร์ที่สำคัญ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานโดยรวมลงได้อย่างมากเมื่อมีการบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 60fps
เพื่อรับประกันประสิทธิภาพในระยะยาวที่ดียิ่งขึ้น OPPO ได้นำ Instant Refresh มาใช้ใน ColorOS 16 สำหรับอุปกรณ์ระดับเริ่มต้น ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลดการกระจายตัวของข้อมูล และจัดการสิทธิ์การอนุญาตของแอปพลิเคชันได้ง่ายๆ ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ OPPO ยังดำเนินการทดสอบความเสื่อมสภาพอย่างเข้มงวดกับอุปกรณ์ต่างๆ โดยจำลองการใช้งานโทรศัพท์ในระยะยาวเป็นเวลา 48, 60, หรือ 72 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์แต่ละเครื่องจะยังคงทำงานได้อย่างราบรื่นและตอบสนองได้ดีแม้จะผ่านการใช้งานมาหลายปีแล้วก็ตาม
หนึ่งในสิ่งที่ OPPO ให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือความลื่นไหลของการใช้งาน ดังนั้น ทางบริษัทจึงได้พัฒนาระบบการประเมินผลที่สามารถวัดความลื่นไหลออกมาเป็นข้อมูลเชิงปริมาณและมีตัวเลขที่ชัดเจน ระบบแรกคือ OPPO Smoothness Baseline Test ซึ่งทำการวัดประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ในสถานการณ์จริงที่หลากหลายหลายร้อยกรณี ส่วนอีกระบบคือมาตรฐานใหม่ที่ริเริ่มเป็นรายแรกของอุตสาหกรรมในชื่อ Parallel Animation Standard 6 Zero (0 Lag (ดีเลย์เป็นศูนย์), 0 Latency (ความหน่วงเป็นศูนย์), 0 Flicker (ภาพกะพริบเป็นศูนย์), 0 Crash (แอปขัดข้องเป็นศูนย์), 0 Mislaunch (การเปิดผิดพลาดเป็นศูนย์), และ 0 Freeze (ค้างเป็นศูนย์) โดยมาตรฐานนี้จะเน้นไปที่การเปิดใช้งานแอปพลิเคชันบนหน้าจอหลัก และการเปลี่ยนฉากที่ราบรื่นไร้รอยต่อ ซึ่งเป็นการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานใหม่สำหรับคุณภาพของซอฟต์แวร์ที่จะนำไปใช้กับอุปกรณ์ทุกรุ่นของ OPPO ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง OPPO A Series ไปจนถึงรุ่นเรือธงอย่าง OPPO Find Series

Binhai Bay Campus: ศูนย์รวมคุณภาพของ OPPO
OPPO ได้เพิ่มส่วนอำนวยความสะดวกใหม่ๆ เข้าไปใน Binhai Bay Campus ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับประโยชน์จากขนาดและพลังประสานที่ดียิ่งขึ้น ในขณะที่การเข้าถึงอุปกรณ์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้นและทรัพยากรส่วนกลางจะช่วยให้ OPPO สามารถยกระดับความมุ่งมั่นด้านคุณภาพให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ซึ่งสถานที่นี้ประกอบด้วยห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงห้องปฏิบัติการวัสดุ(Materials Lab), ห้องปฏิบัติการทดสอบอุปกรณ์อัจฉริยะ(Intelligent Terminal Testing Lab), ห้องปฏิบัติการอัจฉริยะด้านการใช้พลังงาน(Power Consumption Intelligent Lab), และห้องปฏิบัติการสื่อสาร(Communication Lab) โดยแต่ละห้องจะทำหน้าที่ประเมินคุณภาพในมุมมองที่แตกต่างกัน เพื่อรับประกันว่าฮาร์ดแวร์มีความน่าเชื่อถือและผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ซอฟต์แวร์ที่ราบรื่น

Leave feedback about this