ยกระดับความสามารถไร้ขีดจำกัด
กล้องในตระกูล EOS 5D ของแคนนอนได้รับความนิยมอย่างสูงมาตลอด ตั้งแต่แคนนอนเปิดตัว EOS 5D รุ่นแรกเมื่อปี 2005 ปรับปรุงเป็น EOS 5D Mark II ในปี 2008 ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมากและเป็นที่ยอมรับของมืออาชีพและนักถ่ายภาพระดับจริงจังอย่างมากในช่วงนั้น แคนนอนปรับปรุงกล้องตระกูลนี้อีกครั้งในปี 2012 กับ EOS 5D Mark III ที่เน้นประสิทธิภาพของระบบออโตโฟกัสและคุณภาพของภาพมากยิ่งขึ้น ถัดมาอีก 4 ปีแคนนอนจึงได้พัฒนากล้อง DSLR ระดับมืออาชีพรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดด้วยรหัส EOS 5D Mark IV จะเห็นได้ว่าช่วงอายุการทำตลาดของกล้องตระกูลนี้ไม่ใช่สั้นๆ 2 ปีเหมือนกล้องทั่วไป มันมีอายุในสายการผลิตนานถึง 4 ปี ดังนั้นการปล่อยกล้องระดับนี้ออกสู่ตลาด แคนนอนจึงต้องนำเทคโนโลยีอันลํ้าหน้า และฟีเจอร์เด่นๆ มาใส่ไว้เต็มที่เพื่อให้ EOS 5D Mark IV ยืนหยัดในตลาดกล้อง DSLR ระดับนี้ได้อีกหลายปี แน่นอนครับว่ามันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบ Minor Change แต่เป็น Model Change อย่างแท้จริง
จุดเด่นของ Canon EOS 5D MK IV
- 30.4MP Dual Pixel CMOS SENSOR
- ISO 100-32000 (ขยายได้ถึง 50–102400)
- Dual Pixel CMOS AF
- ระบบออโตโฟกัส 61 จุด (41 CROSS TYPE)
- ความเร็ว 7 ภาพ/วินาที
- Dual Pixel RAW
- Digital Lens Optimizer (DLO)
- เซ็นเซอร์วัดแสง RGB IR
- บันทึกวิดีโอคุณภาพสูงระดับ 4K/30p
- Wi-Fi และ NFC ในตัว
- แข็งแกร่งแต่เบา
- ระบบที่ปรับปรุง
การออกแบบ
30.4MP Dual Pixel CMOS SENSOR ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นที่สุดของ EOS 5D Mark IV คือการใช้เซ็นเซอร์รับภาพความไวแสงสูงรุ่นใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี Dual Pixel ขนาดฟูลเฟรม 36.0 x 24.0 มม. ให้ความละเอียดสูงถึง 30.4 ล้านพิกเซล ถ่ายทอดภาพได้คมชัด รายละเอียดเยี่ยมยอด สัญญาณรบกวนตํ่าแม้ใช้ความไวแสงสูง ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว รองรับการบันทึกภาพนิ่งคุณภาพสูงได้รวดเร็ว และรองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K
EOS 5D Mark IV ใช้ชิปประมวลผลภาพ DIGIC 6+ ที่มีความเร็วในการทำงานสูงมาก รองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังใช้อัลกอริธึมใหม่ในการจัดการกับสัญญาณรบกวน ทำให้ภาพที่ได้จากกล้องรุ่นนี้ ใสเคลียร์ มีสัญญาณรบกวนตํ่าแม้ใช้ความไวแสงสูง โดยจะลด Color Noise ได้ดีขึ้น
เซ็นเซอร์รับภาพ Dual Pixel CMOS ออกแบบการทำงานแตกต่างจากเซ็นเซอร์รับภาพทั่วไป โดยแต่ละพิกเซลจะมีโฟโต้ไดโอด 2 ตัวแยกทำงานอิสระ ซึ่งก่อนการบันทึกภาพโฟโต้ไดโอดซ้ายและขวาจะมีมุมมองต่างกันเล็กน้อย (ภาพ 2) กล้องจะใช้ความแตกต่างนี้ในการทำงานของระบบโฟกัสแบบเฟส ดีเทคชัน เพื่อหาโฟกัสจากแสงที่ตกบนโฟโต้ไดโอดแต่ละข้าง (ภาพ 3) และเมื่อมีการบันทึกภาพ โฟโต้ไดโอดแต่ละตัวจะแยกการบันทึกแสง โดยจะมีข้อมูลภาพแยกจากกัน (ภาพ 4) และเมื่อเสร็จสิ้นการเปิดรับแสง กล้องจะรวมแสงของโฟโต้ไดโอดทั้งสองตัวให้เป็นชิ้นเดียวเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรับแสงเท่าเซ็นเซอร์รับภาพทั่วไป แต่หากเปิดใช้ระบบDual Pixel RAW ข้อมูลภาพในโฟโต้ไดโอดซ้ายและขวาของทุกพิกเซลจะแยกจากกันเป็น 2 ชุดในไฟล์ RAW โดยขนาดไฟล์ RAW จะใหญ่ขึ้น และต้องใช้ซอฟท์แวร์ DPP เวอร์ชัน 4.5 (หรือใหม่กว่า) ในการโพรเซส เพื่อปรับผลพิเศษของภาพจากมุมมองที่เหลื่อมกันของโฟโต้ไดโอดซ้ายและขวา
ISO 100-32000 (ขยายได้ถึง 50–102400) EOS 5D Mark IV ออกแบบให้รองรับการใช้งานของมืออาชีพที่มักจะต้องบันทึกในสภาพแสงน้อยด้วยความไวแสงสูงอยู่เสมอ เซ็นเซอร์รับภาพรุ่นนี้ปรับปรุงอัตราส่วนสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนให้ดีขึ้นกว่าเดิม และปรับปรุงระบบลดสัญญาณรบกวนให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ทำให้ภาพที่ได้มีรายละเอียดสูง มีสัญญาณรบกวนตํ่า รองรับการใช้งานของมืออาชีพ เช่น การถ่ายภาพเคลื่อนไหวในสภาพแสงน้อยที่จำเป็นต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง และช่วงความไวแสงที่ขยายได้กว้างมากตั้งแต่ ISO 50–102400 ทำให้รองรับได้ทุกสถานการณ์และทุกรูปแบบการถ่ายภาพ
Dual Pixel CMOS AF ด้วยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์รับภาพ Dual Pixel ของแคนนอนที่ใช้โฟโต้ไดโอด 2 ตัวในแต่ละพิกเซล และโฟโต้ไดโอดแต่ละตัวสามารถติดตั้งระบบเฟสดีเทคชั่นในการตรวจจับของระบบออโตโฟกัส ทำให้ระบบออโตโฟกัสมีความรวดเร็วและแม่นยำ และมีพื้นที่การทำงานกว้างถึง 80% ของพื้นที่ภาพ สามารถเลือกตำแหน่งจุดโฟกัสที่ต้องการได้สะดวกรวดเร็วด้วยระบบทัชสกรีนบนหน้าจอ LCD เมื่อใช้ LIVE VIEW (ภาพนิ่ง) การโฟกัสจะทำได้รวดเร็ว แม่นยำ โดยไม่มีการหน่วงจากการยกกระจกสะท้อนภาพขึ้น-ลง เหมือนการบันทึกภาพด้วย LIVE VIEW ในกล้องรุ่นก่อน และเมื่อใช้ LIVE VIEW จะมีฟังก์ชั่น FlexiZone AF ให้ใช้งานเป็นครั้งแรกในกล้องระดับฟูลเฟรม โดยสามารถเลือกการทำงานได้ 2 แบบคือ Multi และ Single และนอกจากระบบ Touch AF แล้วยังมีระบบ Touch Shutter กล้องจะสั่งบันทึกภาพทันทีที่กล้องโฟกัสได้ในตำแหน่งที่คุณแตะนิ้วบนหน้าจอ LCD จุดเด่นของระบบ Dual Pixel CMOS AF คือ สามารถใช้งานในสภาพแสงน้อยมากได้ถึง EV-4
ส่วนในโหมด MOVIE เทคโนโลยี Dual Pixel CMOS AF จะทำให้กล้องรุ่นนี้สามารถปรับโฟกัสต่อเนื่องติดตามซับเจกต์ได้ และด้วยระบบทัชสกรีนคุณสามารถชิพท์โฟกัสไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้เมื่อบันทึกวิดีโอ โดยกล้องจะแทรคเข้าซับเจกต์ใหม่อย่างราบเรียบต่อเนื่องและนุ่มนวล นอกจากนั้นยังสามารถลากนิ้วบนหน้าจอ LCD กล้องจะปรับโฟกัสตามตำแหน่งนิ้วได้
เซ็นเซอร์แบบ Cross Type ทำงานกับ f/4 ในแนวนอน f/5.6 และ f/8 ในแนวตั้ง(1) เซ็นเซอร์แถวริมวางแนวตั้งรองรับ f/5.6 และ f/8(2) เซ็นเซอร์แบบ Cross Type รองรับ f/5.6 และ f/8 ทั้งแนวตั้งและแนวนอน(3) เซ็นเซอร์แบบ Dual Cross Type ด้านขวาวางแนวทแยงรองรับ f/2.8 ด้านซ้ายวางแนวทแยงรองรับ f/2.8 แนวตั้งและแนวนอนรองรับ f/5.6 และ f/8(4)
ระบบออโตโฟกัส 61 จุด (41 CROSS TYPE) เมื่อใช้ช่องมองภาพออพติคัล ระบบออโตโฟกัสของ EOS 5D Mark IV จะเป็นแบบ 61 AF Points โดยเป็นเซ็นเซอร์แบบ Cross Type ถึง 41 จุด (รองรับ f/5.6) ทำให้มีประสิทธิภาพในการโฟกัสติดตามวัตถุสูงกว่าเดิม และด้วยการใช้ระบบ AI Servo AF III ทำให้ EOS 5D Mark IV สามารถถ่ายภาพแอคชั่นและภาพกีฬาได้อย่างยอดเยี่ยม
ระบบโฟกัสสามารถทำงานได้ในสภาพแสงน้อยถึง EV-3 (ที่จุดกลางภาพ) โดยจุดโฟกัสทั้ง 61 จุดรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ f/8 (เมื่อใช้เลนส์เทเลโฟโต้หรือเทเลซูมร่วมกับเทเลคอนเวอร์เตอร์) โดยเฉพาะช่างภาพกีฬาที่ต้องใช้เลนส์เทเลโฟโต้ร่วมกับเทเลคอนเวอร์เตอร์บ่อยๆ EOS 5D Mark IV จะมีจุดโฟกัสแบบ Cross Type ที่รองรับการทำงานกับ f/8 มากถึง 21 จุด ทำให้ประสิทธิภาพในการโฟกัสติดตามวัตถุทำได้ดีเยี่ยม
ระบบวัดแสงทำงานได้แม่นยำดีมากแม้ในสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างสูง กล้อง Canon EOS 5D Mark IV เลนส์ Canon EF 300mm. f/4L USM ; 1/640 Sec f/4, WB : Auto, Mode : Av, ISO 200
ให้ภาพใสเคลียร์และสีสันสดใสดีมากกับไฟล์ JPEG ระบบโฟกัสแบบ ONE SHOT ทำงานได้แม่นยำ ไม่มีปัญหาเรื่อง Back Focus หรือ Front Focus กล้อง Canon EOS 5D Mark IV เลนส์ Canon EF 300mm. f/4L USM ; 1/500 Sec f/4, WB : Auto, Mode : M, ISO 200
ความเร็ว 7 ภาพ/วินาที EOS 5D Mark IV ออกแบบให้รองรับการถ่ายภาพแอคชั่นได้ดีทั้งการออกแบบชุดห้องกระจกสะท้อนภาพใหม่ Mirror Vibration Control System (MVCS) ที่มีระบบป้องกันการสั่นสะเทือนของกระจกสะท้อนภาพ มีความเร็วในการทำงานของกระจกสะท้อนภาพสูงขึ้นจากมอเตอร์ที่ทรงพลังขึ้น และยังเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโฟกัสทั้งจากโมดูลระบบโฟกัสและอัลกอริธึมของระบบโฟกัสติดตามวัตถุ ประมวลภาพเร็วขึ้น โดยมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 7 ภาพ / วินาทีที่ความละเอียดสูงสุด
Dual Pixel RAW ด้วยการใช้โฟโตไดโอด 2 ตัว ซึ่งจะเห็นภาพเหมือนตาซ้ายและตาขวา ดังนั้นแคนนอนจึงออกแบบฟังก์ชันใหม่ คือ Dual Pixel RAW ซึ่งภาพที่บันทึกโดยเปิดใช้ฟังก์ชัน Dual Pixel RAW นั้น กล้องจะบันทึกข้อมูลของไฟล์ RAW 2 ชุด ไฟล์แรกจะเป็นภาพจากมุมปกติ ส่วนอีกไฟล์จะเป็นข้อมูลภาพจากโฟโต้ไดโอดอีกด้านหนึ่งของแต่ละพิกเซลที่มีมุมมองเหลื่อมกันเล็กน้อย โดยจะบันทึกลงไปในไฟล์ RAW นามสกุล .CR2 เป็นไฟล์เดียวที่มีขนาดไฟล์ใหญ่ขึ้นเท่าตัว ผู้ใช้สามารถเข้าไปปรับเอฟเฟกต์การใช้ Dual Pixel RAW ได้จากฟังก์ชั่นนี้ในเมนู Dual pixel RAW (ของซอฟท์แวร์ DPP เวอร์ชั่น 4.5 หรือใหม่กว่า ) โดยจะปรับได้ 3 อย่าง คือ
เมื่อเปิดใช้ระบบ Dual Pixel RAW จะสามารถปรับเอฟเฟกต์ของภาพได้ 3 รูปแบบ คือ ปรับความคมชัดแบบ Micro Adjustment ปรับย้ายตำแหน่งโบเก้ของฉากหน้าและฉากหลัง และปรับลด Ghost Image ในภาพ ภาพชุดนี้เป็นตัวอย่างของผลที่ได้จากการใช้ Dual Pixel RAW และปรับเลือกค่าที่ต้องการในซอฟท์แวร์ DPP ( เวอร์ชัน 4.5) เป็นการใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์ Dual Pixel CMOS ได้อย่างน่าสนใจ (ภาพจาก Canon)
- ปรับความคมชัดแบบละเอียด เช่น ปรับให้ดวงตาของตัวแบบให้มีความคมชัดสูงสุด ซึ่งจะช่วยให้ได้รายละเอียดของภาพสมบูรณ์แบบขึ้น โดยปรับเลื่อนแถบสไลด์แล้วดูผลจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เห็นว่าได้ความคมชัดที่จุดนั้นสูงสุด
- BOKEH SHIFT เป็นฟังก์ชั่นที่คุณสามารถปรับเลือกตำแหน่งโบเก้ของฉากหน้าและฉากหลังให้เลื่อนไปซ้ายหรือขวาตามที่คุณต้องการได้ โดยตำแหน่งซับเจกต์จะไม่เปลี่ยน ซึ่งจะเห็นผลชัดกับการถ่ายภาพบุคคล ภาพสัตว์ป่าหรือภาพมาโครที่บันทึกด้วยรูรับแสงกว้างเช่น f/2.8 ฉากหลังหรือฉากหน้าห่างจากซับเจกต์มากพอควร หรือฉากหน้ามีโบเก้ปรากฏอยู่ในภาพ
- ลดภาพหลอน ( Ghosting Reduction ) ด้วยมุมมองที่แตกต่างกันเล็กน้อยของโฟโต้ไดโอดบนแต่ละพิกเซล ทำให้การเกิดภาพหลอนและแฟลร์ลดน้อยลงได้ในบางสภาพฉาก
การใช้ Dual Pixel RAW จะทำให้ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องลดลง ไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นถ่ายภาพซ้อน, HDR และ DLO ได้
Digital Lens Optimizer (DLO) EOS 5D Mark IV มีฟังก์ชั่นปรับแก้ความคลาดต่างๆ ของเลนส์ในตัวกล้องเมื่อบันทึกด้วยไฟล์ JPEG กล้องจะทำการปรับแก้ความคลาดต่างๆ ตามข้อมูลของเลนส์ที่ระบบนี้บันทึกไว้ โดยจะปรับแก้ได้หลายอย่าง ( เปิด / ปิด ได้ ) คือ ปรับลดอาการขอบภาพมืด ปรับแก้ดิสทอร์ชั่น ปรับแก้ความคลาดสีและปรับแก้ Diffraction ( ความคลาดจากการเลี้ยวเบนของแสงเมื่อใช้รูรับแสงแคบทำให้ความคมชัดลดลง ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยให้ได้ความคมชัดสูงเมื่อใช้รูรับแสงแคบ)เซ็นเซอร์วัดแสง RGB IR EOS 5D Mark IV ใช้เซ็นเซอร์วัดแสงแบบ RGB+IR จำนวน 150,000 พิกเซล ให้ผลการวัดแสงที่เที่ยงตรง นอกจากนั้นระบบนี้ยังทำงานร่วมกับระบบออโตโฟกัสของกล้องในการตรวจจับสีของวัตถุ และการตรวจจับใบหน้าเพื่อการโฟกัสติดตามวัตถุที่แม่นยำ
บันทึกวิดีโอคุณภาพสูงระดับ 4K/30p EOS 5D Mark IV ออกแบบให้รองรับการบันทึกวิดีโอในระดับมืออาชีพด้วยคุณภาพระดับ 4K/30p โดยรองรับฟอร์แมตการบันทึกแบบ DCI 4K ( 4096 x 2160 ) ซึ่งจะบันทึกในแบบ Motion JPEG 4 : 2 : 2 ที่ให้รายละเอียดเยี่ยมยอด นอกจากนั้นยังรองรับการบันทึกแบบ High Frame Rate 100p/120p เพื่อสร้างภาพสโลโมชั่นคุณภาพสูงความเร็ว 0.25 เท่าเมื่อดูภาพ
EOS 5D Mark IV มีฟังก์ชั่น “ 4K Frame Grab ” ออกแบบให้คุณสามารถดึงภาพนิ่งความละเอียด 8.8 ล้านพิกเซล ออกจากไฟล์วิดีโอ 4K ได้จากตัวกล้องโดยจะบันทึกเป็นไฟล์ JPEG ใหม่ลงในเมโมรี่การ์ด
EOS 5D Mark IV มีโหมด Full HD HDR Movie โดยกล้องจะสามารถดึงรายละเอียดของ Highlight ได้เมื่อบันทึกวิดีโอในสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างสูง ไดนามิกเรนจ์จะขยายกว้างขึ้นเพื่อให้ภาพที่ได้มีรายละเอียดดีทั้งส่วนมืดและส่วนสว่าง
EOS 5D Mark IV มีฟังก์ชั่น Time Lapse Movie โดยกล้องจะนำไฟล์ JPEG ที่ตั้งถ่ายแบบเว้นช่วงเวลามาบันทึกเป็นวิดีโอ Time Lapse ด้วยคุณภาพระดับ Full HD นอกจากนั้นยังสามารถบันทึกวิดีโอในฟอร์แมต MP4 โดยใช้ระบบการบีบอัดข้อมูลใหม่แบบ IPB ( Light )
EOS 5D Mark IV รองรับการทำงานวิดีโอระดับมืออาชีพเต็มรูปแบบโดยมีช่องต่อไมโครโฟนภายนอก ช่องต่อหูฟัง สามารถต่อสายจากช่อง HDMI เพื่อบันทึกวิดีโอกับอุปกรณ์ภายนอกแบบไร้การบีบอัดข้อมูล หรือต่อจอมอนิเตอร์เพื่อดูภาพระหว่างบันทึก
Wi-Fi และ NFC ในตัว EOS 5D Mark IV มีฟังก์ชั่น Wi-Fi ในตัว ( IEEE802.11 b/g/n ) เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้สะดวกรวดเร็วในการถ่ายโอนภาพนิ่งและวิดีโอ และเป็นกล้อง EOS รุ่นแรกที่รองรับการถ่ายโอนข้อมูลด้วยฟังก์ชั่น FTP โดยไม่ต้องใช้ Wireless File Transmitter นอกจากนั้นยังรองรับฟังก์ชั่น NFC ในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และรองรับการเชื่อมต่อกับ Connect Station CS 100 มีฟังก์ชั่น Remote Live View Shooting เพื่อใช้สมาร์ทโฟนสั่งบันทึกภาพนิ่งหรือบันทึกวิดีโอ โดยดูภาพและบันทึกภาพไว้ในสมาร์ทโฟนได้ นอกจากนั้น EOS 5D Mark IV ยังมี GPS ในตัวเพื่อแสดงพิกัดสถานที่ๆ บันทึกภาพ
แข็งแกร่งแต่เบา EOS 5D Mark IV ออกแบบให้มีความคล่องตัวในการใช้งานสูงด้วยการใช้โครงสร้างตัวกล้องที่มีขนาดค่อนข้างเล็กและมีนํ้าหนักเบา โดยลดนํ้าหนักลงจากรุ่นเดิม 7% บอดี้ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย รวมทั้งฝาครอบด้านบนเพื่อระบายความร้อนได้ดีและปกป้องได้ยอดเยี่ยมกว่า มีการซีลกันฝุ่นและละอองนํ้ารอบตัวเพื่อให้ใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศ ชัตเตอร์มีความทนทานใช้งานได้ 150,000 ครั้ง มีช่องใส่เมมโมรี่การ์ด 2 ช่อง คือ CF (รองรับ UDMA 7) และ SD (รองรับ USH-I)
ระบบที่ปรับปรุง EOS 5D Mark IV เพิ่ม Picture Style ใหม่แบบ Fine Detail สำหรับช่างภาพที่ต้องการภาพที่มีรายละเอียดชัดเจน นอกจากนั้นในการปรับ Sharpness ยังปรับเมนูย่อยได้ถึง 3 อย่าง คือ Strength , Fineness และ Threshold เพื่อให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดอย่างที่ต้องการ และระบบ Auto White Balance ยังออกแบบใหม่ สามารถเลือกการทำงานแบบ Auto (White Priority) หรือ Auto (Ambience Priority) ได้ มีระบบ Anti Flicker เพื่อป้องกันภาพอันเดอร์จากการบันทึกในช่วงที่หลอดฟลูออเรสเซนต์กระพริบ
ช่องมองภาพของ EOS 5D Mark IV เห็นภาพ 100% อัตราขยายช่องมอง 0.71X ใช้ช่องมองแบบ Intelligent Viewfinder II แสดงข้อมูลได้สมบูรณ์แบบบนจอรับภาพ
ผลการใช้งาน
ระบบ AF Tracking ทำงานได้น่าพอใจ ภาพนี้บันทึกด้วยระบบโฟกัสแบบ AI Servo (case 1) กล้อง Canon EOS 5D Mark IV เลนส์ Canon EF 300mm. f/4L USM ; 1/2500 Sec f/4, Zone AF, WB : Auto, Mode : M, ISO 200 , Picture Style : Vivid
EOS 5D Mark IV เป็นกล้องระดับมืออาชีพที่ผสานเรื่องความเร็วและความละเอียดของภาพได้ลงตัว ความละเอียด 30.4 ล้านพิกเซลของกล้องรุ่นนี้รองรับช่างภาพแฟชั่น ช่างภาพเวดดิ้ง ช่างภาพแลนด์สเคปและอื่นๆ ได้อย่างพอเพียง ภาพที่ได้สามารถนำไปใช้กับงานพิมพ์ภาพขนาดใหญ่ หรือกับงานสิ่งพิมพ์ต่างๆ ได้ โดยยังคงจุดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพด้านความเร็วในการทำงาน ความเร็วในการโฟกัสและคุณภาพเมื่อใช้งานในสภาพแสงน้อยด้วยความไวแสงสูง
EOS 5D Mark IV เป็นกล้องที่ออกแบบและจัดวางปุ่มปรับต่างๆ ได้ลงตัว ปุ่มปรับออกแบบให้นูน กดใช้งานสะดวก จอยสติ๊กอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ใช้งานคล่องตัว ทำให้การใช้งานทำได้ดีมาก ควบคุมง่ายและไม่สับสน
ช่องมองภาพของ EOS 5D Mark IV เยี่ยมยอดมากครับ ขนาดภาพในช่องมองใหญ่มากและมีความสว่างสูงทำให้มองภาพได้สบายตา ความคมชัดใสเคลียร์ เห็นข้อมูลชัดเจน การแสดงข้อมูลบนจอรับภาพของกล้องรุ่นนี้ทำได้น่าประทับใจ โดยสามารถแสดงข้อมูลสำคัญอย่างเช่น ระบบ White Balance ระบบวัดแสง ระบบโฟกัส ระบบเลื่อนภาพ โดยแสดงบนจอรับภาพ(ส่วนล่าง) ทำให้ช่างภาพไม่ต้องละสายตาออกจากช่องมองภาพ ไม่เสียจังหวะ ไม่เสียโอกาสในการบันทึกภาพสำคัญๆ และยังสามารถแสดงมาตรวัดระดับแบบอิเล็กทรอนิกส์ในช่องมองภาพได้
EOS 5D Mark IV สามารถแสดงจุดโฟกัสได้อย่างชัดเจนในทุกสภาพแสง หากแสงน้อยก็เปลี่ยนมาฉายแสงสีแดงบนจุดโฟกัส ทำให้เห็นได้ชัดเจน นอกจากนั้นยังสามารถแสดงจุดโฟกัสที่ใช้งานในโหมด AF-C ได้
จอ LCD ของ EOS 5D Mark IV มีขนาดใหญ่ถึง 3.2 นิ้ว ความละเอียด 1.62 ล้านจุด ใช้งานได้เยี่ยมยอด ให้ภาพคมชัดรายละเอียดดีมาก แสดงสีสันได้สวยงาม ความสว่างสูงและเป็นจอระบบทัชสกรีนแล้ว ซึ่งระบบทัชสกรีนแบบ Capacitive ของแคนนอนนั้น มีการตอบสนองที่ฉับไวมาก ทำให้สามารถเข้าระบบต่างๆ ได้เร็วขึ้น มีระบบ Touch AF และ Touch Shutter ที่ใช้งานได้คล่องตัว การดูภาพก็ทำได้รวดเร็วคล่องตัวขึ้น จอสามารถปรับโทนสีได้ 4 แบบ คือ โทนสีอุ่น มาตรฐาน โทนสีเย็น1 และโทนสีเย็น 2 เพื่อให้เหมาะกับสภาพแสงในแต่ละที่
ระบบออโตโฟกัสคือจุดเด่นของ EOS 5D Mark IV ด้วยการใช้เซ็นเซอร์แบบ Cross Type ถึง 41 จุด ครอบคลุมพื้นที่กว้าง ทำให้ประสิทธิภาพในการโฟกัสทำได้ดีเยี่ยม ทั้งในโหมด One Shot และ Ai Servo ในโหมด One Shot ความแม่นยำของระบบโฟกัสดีมาก จากการทดลองกับเลนส์ EF 24-105mm. f/4L IS และ EF 70-200mm. f/2.8L IS II USM พบว่าการโฟกัสทำได้แม่นยำ เที่ยงตรงและเร็วมาก ที่โดดเด่นจริงๆ คือ ในสภาพแสงน้อยมากการโฟกัสยังทำได้แม่นยำ น่าประทับใจ เพียงแต่ความเร็วจะลดลงบ้าง
ภาพชุดนี้ผมลองระบบ Tracking AF ของกล้องว่าทำงานได้ดีเพียงใด โดยถ่ายต่อเนื่องเป็นชุด 15 ภาพด้วยความเร็วสูงสุดคือ 7 ภาพต่อวินาที ตั้งระบบโฟกัสที่ AI Servo เลือกรูปแบบการทำงานที่ case 3 เลือกพื้นที่โฟกัสแบบ Zone AF 9 จุด ผลที่ได้น่าพอใจครับ กล้องโฟกัสติดตามซับเจกต์ได้ตลอด ภาพคมชัดทุกภาพ กล้อง Canon EOS 5D Mark IV เลนส์ Canon EF 70-200mm. f/2.8L II USM ; 1/2500 Sec f/5.6, Zone AF, WB : Auto, Mode : M, ISO 400
ในโหมด AI Servo การโฟกัสติดตามวัตถุทำได้ดีมาก แคนนอนออกแบบให้ช่างภาพสามารถเลือกรูปแบบการทำงานของโหมดนี้ได้ 6 รูปแบบ ตามรูปแบบการเคลื่อนไหว ซึ่งผู้ใช้จำเป็นต้องเลือกฟังก์ชั่นนี้ เพื่อให้กล้องรู้ว่าจะแทรคกิ้งอย่างไร ทิศทางการเคลื่อนที่ของซับเจกต์เป็นอย่างไร ในการทดสอบผมลองใช้ที่ตำแหน่ง Case 1 (Versatile multi purpose) ในการถ่ายภาพแอคชั่นทั้งหลายและได้ลองใช้ตำแหน่ง Case 3 ในการบันทึกภาพเจ็ตสกี โดยเลือกพื้นที่โฟกัสแบบโซน 9 จุด ประสิทธิภาพในการแทรคกิ้งหายห่วงครับ ในการถ่ายภาพเจ็ตสกีที่แล่นอย่างรวดเร็ว ตีโค้งวนเป็นวงกลมและเปลี่ยนทิศทางหักออกในแนวทแยง กล้องสามารถจับโฟกัสติดตามได้ตลอด ภาพที่ได้อยู่ในโฟกัสทั้งหมด การตั้ง Tracking Sensitivity ที่ช้ามากหน่อยทำให้กล้องยังโฟกัสติดตามเจ็ตสกีได้ตลอดไม่เปลี่ยนไปโฟกัสที่นํ้าซึ่งกระเซ็นออกด้านข้าง ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 7 ภาพต่อวินาที ทำให้จับจังหวะแอคชั่นต่างๆ ได้ดี
สิ่งที่ยังเป็นจุดเด่นของกล้องนี้คือ การเคลื่อนกล้องติดตามซับเจกต์เมื่อถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็ว 7 ภาพต่อวินาทียังทำได้ง่าย ช่วงเวลาการหายไปของภาพ (Blackout Time) น้อย ทำให้การเคลื่อนกล้องติดตามภาพทำได้ง่าย และด้วยความสว่างของช่องมองที่ดีมากทำให้การถ่ายภาพแอคชั่นเป็นเรื่องง่ายสำหรับกล้องรุ่นนี้ และด้วยการใช้ระบบโฟกัส Dual Pixel CMOS AF ทำให้การใช้ Live View ก็ยังสามารถใช้ระบบออโตโฟกัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 4.3 ภาพต่อวินาที
โดยเมื่อใช้ Live View ผู้ใช้จะสามารถเลือกโหมดโฟกัสแบบ One Shot และ AI Servo ได้ และเลือกโหมดโฟกัสได้ 3 แบบ คือ โฟกัสติดตามใบหน้า , Flexizone multi และ Flexizone single ซึ่งในการใช้งานผมจะใช้ระบบ Flexizone single ประสิทธิภาพในการแทรคกิ้งยังทำได้น่าพอใจมาก สามารถใช้ Live View ในการถ่ายภาพแอคชั่นได้เลย จุดเด่นคือ สามารถใช้นิ้วแตะบนหน้าจอ (Touch AF) เพื่อเลือกตำแหน่งโฟกัสได้เลย ทำให้การย้ายจุดโฟกัสทำได้ง่ายและเร็วมาก
ในส่วนของระบบออโตโฟกัสเมื่อถ่ายภาพนิ่ง ผมพอใจกับประสิทธิภาพของ EOS 5D Mark IV มาก มันเป็นกล้องความละเอียดสูงที่สามารถใช้ถ่ายภาพกีฬา และภาพแอคชั่นได้ทุกรูปแบบ
กับสถานการณ์ที่ต้องยกกล้องถ่ายอย่างรวดเร็ว กล้องรุ่นนี้ก็ยังไว้ใจได้ เช่นภาพนี้เหตุการณ์เกิดเร็วมาก แต่ก็ได้ภาพคมชัด โฟกัสถูกต้อง กล้อง Canon EOS 5D Mark IV เลนส์ Canon EF 70-200mm. f/2.8L II USM ; 1/1600 Sec f/4.5, Zone AF, WB : Auto, Mode : AV, ISO 400
ในส่วนของคุณภาพไฟล์นั้นน่าประทับใจมากครับ มันให้ผลแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน กับไฟล์ JPEG ภาพที่ได้คมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกับเลนส์ EF 24-105mm.f/4L IS ของผม ที่เคยดูซอฟท์ๆ เมื่อใช้กับรุ่นก่อนหน้า แต่กับ EOS 5D Mark IV ภาพดูใสขึ้น คมชัดขึ้น แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของเซ็นเซอร์รับภาพใหม่ และชิปประมวลผลภาพใหม่ DIGIC 6+ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น กับเลนส์ EF 16-35mm. f/2.8L IS III USM ใหม่ ความคมชัดทำได้น่าประทับใจมาก ภาพคม รายละเอียดสูง แม้กับไฟล์ JPEG
กับไฟล์ RAW รายละเอียดทำได้ดีเยี่ยม ที่อัตราขยาย 100% ภาพยังมีรายละเอียดดี ความแตกต่างจากรุ่นเดิมที่ชัดเจน อีกเรื่องคือการถ่ายทอดรายละเอียดในส่วนสว่างและส่วนมืดที่ดีขึ้น ไดนามิคเรนจ์กว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ภาพที่บันทึกมาอันเดอร์ 3–5 สตอป ยังขุดรายละเอียดขึ้นมาได้ โดยยังมีคุณภาพดี ทำให้กล้องรุ่นนี้รองรับการใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพแฟชั่น พอร์เทรต เวดดิ้ง Stil life รวมทั้งภาพแลนด์สเคป รายละเอียดที่ดีกับความละเอียด 30.4 ล้านพิกเซล ทำให้มันเป็นกล้องที่รองรับการใช้งานของมืออาชีพได้ทุกรูปแบบ
กล้อง Canon EOS 5D Mark IV เลนส์ Canon EF 85mm. f/1.2L II USM ; 1/200 Sec f/2, WB : Auto, Mode : M, ISO 400 ภาพ : พิษณุ พวงแก้ว Cr.Summarypix
กล้อง Canon EOS 5D Mark IV เลนส์ Canon EF 35mm f/2 IS USM ; 1/125 Sec f/5.6, WB : Auto, Mode : M, ISO 250 ภาพ : พิษณุ พวงแก้ว Cr.Summarypix
ในส่วนของสัญญาณรบกวนนั้น แม้ความละเอียดสูงขึ้นเป็น 30.4 ล้านพิกเซล แต่สัญญาณรบกวนไม่ได้สูงขึ้นเลยครับ หากดูที่อัตราขยาย 100% สัญญาณรบกวนทำได้พอๆ กัน แต่ถ้า Resize ภาพจาก EOS 5D Mark IV ให้ขนาดภาพเท่ากับรุ่นเดิม จะพบว่า EOS 5D Mark IV ให้สัญญาณรบกวนตํ่ากว่า ที่ ISO 400, ISO 800 และ ISO 1600 ภาพที่ได้มีรายละเอียดดีมาก สัญญาณรบกวนตํ่า สามารถใช้งานแบบหวังผลได้กับภาพทุกประเภท ที่ ISO 3200 จะเริ่มปรากฏสัญญาณรบกวนชัดเจนขึ้น แต่ภาพยังมีรายละเอียดดีมาก ที่ ISO 6400 กับไฟล์ JPEG ความคมชัดลดลงจากการทำงานของระบบลดสัญญาณรบกวน แต่คุณภาพยังอยู่ในระดับดี หากต้องการความคมชัดที่ดีขึ้น ต้องบันทึกด้วยไฟล์ RAW ภาพจะมีรายละเอียดดี แม้จะมีสัญญาณรบกวนมากกว่าก็ตาม คุณภาพของภาพยังอยู่ในระดับค่อนข้างดี แม้ใช้งานที่ ISO 12800 โดยถ้าเป็นภาพทั่วไป ไฟล์ JPEG จะให้ผลที่น่าพอใจ แต่ถ้าเป็นภาพที่ต้องการรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ควรใช้ไฟล์ RAW ซึ่งจะทำให้ผลที่ดีกว่าชัดเจน ด้วยการจัดการกับสัญญาณรบกวนที่ดีมาก ทำให้ EOS 5D Mark IV เป็นกล้องที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการบันทึกภาพในสภาพแสงน้อย ด้วยความไวแสงสูง โดยเฉพาะช่างภาพอีเว้นท์ ช่างภาพเวดดิ้ง เป็นต้น การถ่ายทอดสีทำได้น่าพอใจ ไฟล์ JPEG ให้ภาพที่ใสเคลียร์ คอนทราสต์ค่อนข้างสูง และมีความอิ่มสีสูง ความสว่างของภาพใกล้เคียงกับที่เห็นจากหน้าจอ LCD
สำหรับการบันทึกวิดีโอ EOS 5D Mark IV ทำได้น่าประทับใจ อย่างแรกคือ สามารถปรับโฟกัสต่อเนื่องได้เมื่อบันทึกวิดีโอ จึงไม่จำเป็นต้องใช้การปรับโฟกัสแบบแมนนวลเมื่อถ่ายวิดีโอ สามารถใช้ระบบออโตโฟกัสได้เลย และการโฟกัสในระบบวิดีโอก็ทำได้ราบเรียบ นุ่มนวล สามารถชิพท์จุดโฟกัสได้สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องเป็นมืออาชีพก็สามารถทำได้ และที่ผมชอบมากคือในการบันทึกวิดีโอ สามารถลากนิ้วบนหน้าจอ กล้องจะปรับโฟกัสตามตำแหน่งวัตถุที่นิ้วสัมผัสได้ต่อเนื่องเลยครับ ซึ่งในจุดนี้ทำได้เหนือกว่ากล้องมิเรอร์เลสด้วยซํ้า เพราะสามารถปรับโฟกัสตามการเคลื่อนที่ของซับเจกต์ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น คนเดินเข้าหากล้อง ไม่ว่าจะเป็นแนวตรง แนวทแยง หรือเปลี่ยนทิศทางก็ยังปรับโฟกัสตามได้ ทำให้การโฟกัสเมื่อถ่ายวิดีโอเป็นเรื่องง่าย แม้จะเป็นมือสมัครเล่นที่มีประสบการณ์น้อย ระบบออโตโฟกัสจะช่วยให้การบันทึกวิดีโอทำได้ง่าย โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริม
คุณภาพวิดีโอ 4K ในกล้องรุ่นนี้ดีมาก ภาพมีรายละเอียดสูง สีสดใส ด้วยบิทเรตที่สูงมากทำให้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ปรากฎอย่างชัดเจน ส่วนคุณภาพวิดีโอ FULL HD ก็ทำได้น่าพอใจด้วยความคมชัดที่ดีมาก เมื่อใช้ในโหมด ALL-I และอยู่ในระดับดีเมื่อใช้ในโหมด IPB ส่วนการบันทึกด้วยฟอร์เเมต MP4 จะเป็นโหมด IPB ที่ให้คุณภาพดี ขนาดไฟล์ค่อนข้างเล็ก
ผมลองบันทึกด้วยไฟล์วิดีโอ 4K แล้วตรวจสอบคุณภาพด้วยการใช้ฟังก์ชัน Frame Grab ดึงภาพความละเอียด 8.8 ล้านพิกเซล จากไฟล์วิดีโอออกมาเป็นภาพนิ่งคุณภาพไฟล์ภาพนิ่งที่ดึงออกมาพบว่าภาพมีความคมชัดดี รายละเอียดดี สามารถพิมพ์เป็นภาพขนาด A3 ได้ ทำให้สามารถเก็บจังหวะดีๆ จากภาพแอคชั่นได้ง่ายมาก เพราะเป็นภาพจากไฟล์วิดีโอ 4K ที่มีความเร็ว 30 เฟรม/วินาที จึงไม่พลาดทุกจังหวะการเคลื่อนไหว และนั่นก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกด้วยว่าไฟล์วิดีโอ 4K ของกล้องรุ่นนี้ให้คุณภาพดีมาก เพราะมันเกิดจากภาพนิ่ง (Motion JPEG) ที่มีคุณภาพสูงในทุกเฟรม เมื่อเป็นภาพเคลื่อนไหวจึงได้คุณภาพดีเยี่ยม สำหรับการบันทึกวิดีโอในงาน
ระดับมืออาชีพแล้ว EOS 5D Mark IV จะตอบสนองได้น่าพอใจ ทั้งคุณภาพของภาพ ระบบโฟกัสและการใช้กับอุปกรณ์ต่อเสริมได้ ทั้งช่องต่อไมโครโฟนภายนอก ช่องต่อหูฟัง และต่อกับเครื่องบันทึกภายนอกได้
สำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับช่างภาพเวดดิ้งก็คือ โหมด Hight Frame Rate ที่สามารถบันทึกวิดีโอ Slow Motion ระดับ HD (เฟรมเรท 100 fps/ PAL)ได้ โดยได้คุณภาพระดับ HD ไฟล์ Slow Motion ที่ช้ากว่าการเล่นปกติ 4 เท่าจะทำให้ช่างภาพวิดีโอสามารถสร้างสรรค์งานได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
ในส่วนของการใช้งานนั้น EOS 5D Mark IV ทำได้น่าประทับใจครับ เป็นกล้องที่ใช้สนุก ควบคุมง่าย จับถือถนัด ใช้งานคล่องตัว แชร์ภาพได้สะดวกด้วยฟังก์ชั่น Wi-Fi และ NFC และยังมีฟังก์ชั่น GPS ในตัว การปรับโฟกัสในสภาพแสงน้อยได้ถึง -4EV เมื่อใช้ Live View ทำให้สามารถบันทึกภาพในสภาพแสงน้อยมากๆ ได้อย่างแม่นยำ และสำหรับผู้ที่ชอบใช้ช่องมองภาพ ก็ยังสามารถโฟกัสได้ถึง -3EV
ความเห็น
EOS 5D Mark IV เป็นกล้องระดับมืออาชีพสำหรับผู้ที่ต้องการความละเอียดสูงโดยยังมีความเร็วในการทำงานสูงด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับช่างภาพเวดดิ้ง ช่างภาพอีเว้นท์ ช่างภาพข่าวและสารคดี รวมทั้งนักถ่ายภาพทั่วไปที่ต้องการกล้องดิจิตอลคุณภาพสูง สำหรับการใช้บันทึกภาพในทุกรูปแบบ นอกจากนั้นยังเหมาะสำหรับช่างภาพวิดีโอกับการทำงานในระดับอาชีพทุกรูปแบบ โดดเด่นทั้งคุณภาพของภาพนิ่งและวิดีโอ เป็นกล้องที่ใช้แล้วจะประทับใจครับ แนะนำเป็นพิเศษครับ
เรื่อง / ภาพ : อิสระ เสมือนโพธิ์
ขอบคุณ : บริษัทแคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด สำหรับความอนุเคราะห์กล้องที่ใช้ในการทดสอบ
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.canon.co.th