Camera Reviews

Reviews : Canon EOS M50

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล
  • หน่วยประมวลผลใหม่ DIGIC 8
  • ระบบโฟกัสแบบ Dual Pixel CMOS AF
  • วิวไฟน์เดอร์ EVF ในตัว รองการ Touch & Drag AF
  • ถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 ภาพต่อวินาที
  • มี Wi-Fi และ NFC ในตัว
  • รองรับการควบคุมการถ่ายภาพผ่าน Bluetooth
  • จอมอนิเตอร์ 3 นิ้ว 1,040,000 พิกเซล ควบคุมระบบสัมผัส
  • จอมอนิเตอร์ปรับหมุนได้หลายทิศทาง



Canon EOS M50 ถูกวางตัวไว้ในโพสิชั่นของ Entry Level แต่สเปคที่ให้มานั้น จัดมาแบบเต็มๆ ทั้งฟีเจอร์ที่ออกแบบให้ใช้งานไม่ยุ่งยากสำหรับมือใหม่ ที่ให้ภาพที่สวยงามได้ง่ายๆ จากการทำงานที่ชาญฉลาดของตัวกล้อง และฟีเจอร์ที่ตอบสนองความต้องการของมืออาชีพ ที่ต้องการปรับควบคุมการทำงานของตัวกล้องด้วยตนเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งแค่ดูฟีเจอร์การทำงานต่างๆ กับราคาเปิดตัวนั้น ก็ถือได้ว่าคุ้มค่าน่าใช้แล้วล่ะครับ ตัวกล้องออกแบบได้สวยงามทีเดียว มีให้เลือกสองสีคือ บอดี้สีขาว และสีดำด้าน


ตัวกล้องมาพร้อมกับเซ็นเซอร์แบบ Dual Pixel CMOS AF ความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล และหน่วยประมวลผลใหม่ DIGIC 8 ซึ่ง Canon EOS M50 ถือเป็นกล้องตัวแรก ที่ใช้หน่วยประมวลผลใหม่นี้ ช่วยให้ตอบสนองการใช้งานได้เร็วขึ้น และยังให้ไฟล์ภาพที่ใสเคลียร์ ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและการบันทึกวิดีโอ รวมไปถึงการถ่ายภาพที่ต้องใช้ความไวแสงสูงๆ มี Noise ต่ำ นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบโฟกัสทำงานได้ดีขึ้น ตอบสนองการโฟกัสได้รวดเร็วฉับไว และแม่นยำ แตะชัตเตอร์ปุ๊บ โฟกัสร้องปี๊บๆ กันเลยทีเดียว ลืมความรู้สึกของกล้อง Entry Level เดิมๆ กันไปได้เลย และช่วยให้ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงถึง 10 ภาพต่อวินาที เมื่อล็อคโฟกัสไว้ที่เฟรมแรก และ 7.4 ภาพต่อวินาที เมื่อใช้การโฟกัสแบบต่อเนื่อง เพียงพอที่จะเก็บแอ๊คชั่นต่างๆ ได้ล่ะครับ

จุดเด่นอย่างหนึ่งคือ มีวิวไฟน์เดอร์แบบอิเลกทรอนิกส์ในตัว ถือเป็นจุดแรกที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน และแตกต่างจากกล้องระดับ Entry Level ตระกูล EOS M อื่นๆ วางตำแหน่งไว้ตรงกลางตัวกล้อง ดังนั้นจึงให้ความรู้สึกในการใช้งานไม่แตกต่างจากกล้อง DSLR มากนัก โดยวิวไฟน์เดอร์เป็นแบบ OLED มีความละเอียด 2,360,000 พิกเซล มองได้อย่างชัดเจน และไม่มีอาการหน่วงของเฟรมเรท ทำให้มองภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งข้อดีของการมองผ่านวิวไฟน์เดอร์คือ ช่วยให้มองภาพได้ชัดเจน โดยไม่มีแสงภายนอกรบกวน เหมือนกับการมองที่จอมอนิเตอร์ ที่จะต้องยื่นแขนยาวออกไปด้านหน้า ที่อาจจะมีแสงสะท้อนรบกวนได้ นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์ทางอ้อม นั่นคือ ช่วยให้ถือกล้องได้นิ่งขึ้น เพราะแขนทั้งสองจะแนบชิดกับลำตัว เปรียบเสมือนมีแกนมาช่วยพยุงกล้องไว้นั่นเอง

จอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ออกแบบให้ปรับหมุนได้หลายทิศทาง ถือเป็นอีกหนึ่งในจุดเด่นที่หลายๆ คนชื่นชอบ เพราะสามารถพลิกกลับมาถ่ายภาพ Selfie ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังปรับควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัสหน้าจอ ซึ่งใช้งานได้เต็มระบบทั้งในขณะที่ถ่ายภาพ และปรับตั้งเมนูการทำงาน รวมทั้งเลือกถ่ายภาพแบบ Touch Shutter โดยแตะหน้าจอในจุดที่ต้องการเพื่อให้กล้องปรับโฟกัสพร้อมลั่นชัตเตอร์ให้อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด่นที่ตอบสนองการใช้งานแบบจริงจังของมืออาชีพได้อย่างยอดเยี่ยม นั่นคือ ฟังก์ชั่นการทำงาน Touch and Drag ที่ผู้ใช้สามารถแตะลากเปลี่ยนจุด เพื่อเลือกโฟกัสตามที่ต้องการบนจอมอนิเตอร์ ในขณะที่ตายังแนบอยู่กับวิวไฟน์เดอร์ ซึ่งสามารถดูผลจากวิวไฟน์เดอร์ได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องละสายตามออกมามองที่จอมอนิเตอร์แต่อย่างใด ซึ่งจากการที่ได้ลองใช้งานมากว่าสองสัปดาห์ ฟีเจอร์นี้ให้ความสะดวกกับการใช้งานและปรับเปลี่ยนจุดโฟกัสได้อย่างรวดเร็วทีเดียว และจริงๆ แล้ว ในขณะที่ถ่ายภาพ ก็แทบจะไม่ได้ละสายตาออกมามองข้อมูลที่จอมอนิเตอร์แต่อย่างใด เพราะในวิวไฟน์เดอร์ ก็มีการแสดงผลข้อมูลสำคัญๆ ครบถ้วนเหมือนกับที่จอมอนิเตอร์ครับ

อีกหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ของตระกูล EOS M คือ Eye Detection AF ซึ่งใช้งานร่วมกับระบบ Face Detection และ Tracking Focus ซึ่งไม่เพียงกล้องจะจับโฟกัสที่ใบหน้าเพียงอย่างเดียว แต่จะมีกรอบโฟกัสย่อยขนาดเล็กจับโฟกัสไปที่ดวงตา และโฟกัสติดตามเมื่อซับเจคต์มีการเคลื่อนไหวอีกด้วย ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่า ในการถ่ายภาพบุคคลนั้น จะได้ภาพที่คมชัดตามที่ต้องการอย่างแน่นอนครับ


Canon EOS M50 รองรับการโอนถ่ายไฟล์ภาพด้วย WiFi และ NFC ไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ได้มากมาย อาทิ กล้องดิจิตอล ด้วยกัน, คอมพิวเตอร์, Connect Station, พริ้นเตอร์ หรือเปิดชมกับโทรทัศน์ เป็นต้น รวมทั้งจัดเก็บไปยัง Cloud หรือหน่วยความจำออนไลน์ หรือโอนถ่ายไปยังสมาร์ทโฟนและแท๊ปเล็ต เพื่อแบ่งปันไปยังโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คต่างๆ รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง Android และ iOS ผ่านแอพลิเคชั่น Canon Camera Connect ที่ได้รับการพัฒนาใหม่เวอร์ชั่นล่าสุด ให้รองรับการควบคุมการทำงาน อาทิ การลั่นชัตเตอร์ถ่ายภาพ, การปรับรูรับแสง, ปรับความเร็วชัตเตอร์ หรือปรับ ISO เป็นต้น นอกเหนือไปจากการโอนถ่ายไฟล์ภาพตามปกติ

ฟีเจอร์ใหม่ของแอพลิเคชั่น Canon Camera Connect คือ Auto Transfer โอนถ่ายไฟล์ภาพไปยังมือถือโดยอัตโนมัติ หลังจากที่กดชัตเตอร์ ซึ่งสะดวกสำหรับการแชร์ไปยังโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค โดยไม่จำเป็นต้องมารอโหลดในภายหลัง และสามารถตั้งค่าได้ว่าจะโหลดเป็นไฟล์เต็มๆ 24 ล้านพิกเซล หรือลดขนาดไฟล์ลง เพื่อส่งไลน์ไปให้เพื่อน หรือโพสลงเฟซบุ๊คส์เท่านั้น รวมทั้งสามารถสั่งบันทึกหรือไม่บันทึกตำแหน่ง GPS ของภาพถ่ายไปใน Exif file ของภาพได้เช่นกันครับ

ส่วน Bluetooth นั้น เป็นการเชื่อมต่อสำหรับการใช้งานสมาร์ทโฟนให้เป็นเสมือนหนึ่งรีโมทคอนโทรลนั่นเอง แต่ไม่สามารถปรับ ตั้งค่าใดๆ ได้ รวมทั้งไม่แสดงผล Live View ที่สมาร์ทโฟนด้วย และสามารถเลือกถ่ายภาพนิ่ง หรือบันทึกวิดีโอเท่านั้น แต่ข้อดีของการเชื่อม ต่อด้วย Bluetooth คือ ใช้พลังงานน้อย ดังนั้นเมื่อต้องการใช้งานเพียงแค่เป็นรีโมทกดชัตเตอร์ถ่ายภาพเท่านั้น ใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth จะช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่งครับ

Canon EOS M50 บันทึกวิดีโอได้สูงถึงคุณภาพ 4K เฟรมเรท 25 เฟรมต่อวินาที สามารถปรับลดขนาดไฟล์เป็น Full HD 25p, Full HD 50p และ HD 50p สำหรับการใช้งานที่แตกต่างกันอีกด้วย โดยในโหมดบันทึกวิดีโอนี้ ยังสามารถเลือกรูปแบบบันทึกเป็น Auto ให้กล้องบันทึกแบบอัตโนมัติ หรือ Manual ที่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนความเร็วชัตเตอร์ และรูรับแสงและความไวแสงได้เช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น 4K Frame Grab เลือกบันทึกภาพนิ่งได้จากไฟล์วิดีโอ ช่วยให้ได้ภาพแอ๊คชั่นสำคัญๆ ได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับมือโปร รวมทั้งสามารถบันทึกด้วย High Frame Rate 100 เฟรมต่อวินาที สำหรับระบบของทีวีบ้านเรา เมื่อเปิดชม ก็จะได้วิดีโอแบบ Slow Motion นั่นเอง


อีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ด ที่ผมชอบมากกก..นั่นคือ Time-lapse Movie ซึ่งก็มีมาให้ใช้งานใน M50 นี้ด้วย ซึ่งเป็นการบันทึกวิดีโอแบบ Time-lapse ที่แสนจะง่ายดาย แค่เลือกเมนู Time-lapse Movie จากนั้นก็เลือก Scene ตามที่ต้องการ โดยมี Scene มาตรฐานให้เลือก 3 รูปแบบ นั่นคือ Scene 1 สำหรับบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างจะรวดเร็ว เช่น คนเดิน เป็นต้น, Scene 2 สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างช้า เช่น การเคลื่อนของก้อนเมฆ เป็นต้น และ Scene 3 สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างช้ามากๆ เช่น การเปลี่ยนจากช่วงกลางวันไปช่วงเย็น ไปจนถึงมืดค่ำ เป็นต้น

ความสะดวกยังไม่หมดแค่นั้นครับ เมนูถัดจากการเลือก Scene ลงมา เป็นการปรับตั้ง interval shooting หรือช่วงเวลาในการถ่ายภาพแต่ละภาพ ว่าจะให้ห่างกันแค่ไหน และจำนวนภาพที่บันทึกทั้งหมดกี่ภาพ มาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะบอกว่า โอยยยย..ไม่เคยถ่าย Time-lapse มาก่อนเลย แล้วจะเป็นไหมเนี่ยยยย.. ไม่ยากอย่างที่คิดครับ

ถ้าลองถ่ายครั้งแรก หรือเพิ่งเริ่มใช้งาน ก็ถ่ายไปตามค่า default ที่กล้องตั้งมานั่นแหละครับ เมนูต่างๆ ก็จะเรียงกันเป็นแถวลงไป เช่น กล้องจะบันทึกเป็นคุณภาพ Full HD, บันทึกโดยอ้างอิงค่าวัดแสงจากเฟรมแรกเป็นหลัก, เลือกได้ว่าจะปิดหน้าจอในขณะบันทึกมั๊ย เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน หรือจะเลือกตั้งเสียงปี๊บๆ เวลาที่กล้องบันทึกไปแต่ละภาพ โดยในแต่ละเมนูที่พูดผ่านมาแล้วนั้น สามารถปรับเปลี่ยนค่าเองได้ทั้งหมดครับ อยากใช้ Scene 1 แต่อยากเพิ่มจำนวนภาพให้มากขึ้นอีก ก็ทำได้ อยากลดระยะเวลาของแต่ละเฟรมให้เร็วขึ้น ก็ทำได้

และเด็ดสุด คือแถวล่าง จะเป็นการบอกให้เรารู้ว่า ทั้งหมดทั้งมวลที่ปรับตั้งไปนั้น จะต้องใช้เวลาบันทึกภาพนานเท่าไหร่ และจะได้วิดีโอ Time-Lapse นานกี่วินาที เราสามารถรู้ก่อน และประเมินเวลาที่จะตั้งค่าบันทึกได้ง่ายๆ ถ่ายเสร็จปุ๊บ กล้องรวมภาพให้เป็นไฟล์วิดีโอ Time-lapse ให้อัตโนมัติ เปิดชมได้เลย ไม่ต้องยุ่งยากไปรวมเองตอนหลัง เห็นมั๊ยครับ ไม่ต้องเป็นมือโปร ก็ถ่ายภาพ Time-lapse แบบโปรๆ ได้ง่ายๆ

สำหรับท่านที่อาจจะบอกว่า ปกติใช้แต่สมาร์ทโฟน ไม่เคยใช้กล้องถ่ายภาพเลย อยากได้แบบถ่ายง่ายๆ มีมั๊ย!! มีครับ นี่เลยโหมด Creative Assist บนแป้นโหมดถ่ายภาพเป็นรูป A+ กรอบเขียวๆ นั่นแหละครับ พอหมุนแป้นมาที่โหมดนี้แล้ว หน้าจอจะโชว์ สัญลักษณ์คล้ายๆ จานสีที่มุมล่างขวา แตะเข้าไปเลยครับ กล้องจะโชว์แถบเมนูที่ด้านล่าง เริ่มจากการปรับแบบ Preset หรือค่ามาตรฐานที่กล้องมีมาให้แล้ว แตะเข้าไปแล้วเลื่อนดูว่ามีรูปแบบที่ชอบมั๊ย แตะเมนูไหน กล้องจะแสดงภาพแบบนั้นบนจอมอนิเตอร์ รู้ได้เลยว่าภาพจะออกมาแบบไหนครับ

แต่ถ้าอยากจะปรับเอง ก็กลับไปที่เมนูหลัก ซึ่งสามารถเลือกเมนูอื่นๆ ได้อีก เช่น Background Blur เลือกชัดลึก ชัดตื้นเองโดยการลากแถบบาร์ไปซ้ายหรือขวาครับ เมนู Brightness เลือกปรับเพิ่มหรือลดความสว่างเองได้ , เมนู Contrast ปรับเพิ่มหรือลดความเปรียบต่างของโทนขาวหรือดำได้, เมนู Saturation ปรับเพิ่มหรือลดสีสันของภาพได้, เมนู Color tone สำหรับปรับย้อมโทนสีของภาพ และเมนู Monotone เลือกถ่ายภาพแบบขาว-ดำ หรือซีเปีย เป็นต้น

โหมด Creative Assist. ทั้งหลายนั้น กล้องจะปรับรูปแบบการบันทึกให้อัตโนมัติ เช่น ถ่ายภาพวิว กล้องก็จะตั้งค่าสำหรับการถ่ายภาพวิว เช่น ปรับสีสันให้สดอิ่มมากขึ้น, ถ่ายภาพคน กล้องก็จะตั้งค่าที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพคน เช่น ปรับภาพให้สว่างหน่อยนึง เพื่อให้ผิวขาวใสขึ้น เป็นต้น สุดแสนจะสะดวกง่ายดายครับ

ง่ายๆ กันไปแล้ว มาถึงการตอบสนองของโปรดูบ้าง โหมดถ่ายภาพก็มีมาครบๆ เช่นเดิมล่ะครับ แต่มีพิเศษขึ้นกับคุณภาพไฟล์ ที่มี cRAW เพิ่มมาให้เลือกใช้ สำหรับมืออาชีพที่ต้องการไฟล์ภาพดิบๆ เพื่อนำไปตกแต่งเองในภายหลัง แต่ไม่ต้องการไฟล์ใหญ่ๆ แบบ RAW ปกติ และเป็นฟอร์แมท CR3 ที่ลดขนาดให้เล็กลง แต่ไม่ได้ลดคุณภาพของ cRAW แต่อย่างใดครับ

Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 18-150mm F3.5-6.3 IS STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/320 วินาที, f/8, ISO200, WB:Daylight

 

Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 18-150mm F3.5-6.3 IS STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/320 วินาที, f/8, ISO200, WB:Daylight

Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 15-45mm F3.5-6.3 IS STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/6 วินาที, f/4.5, ISO200, WB:Daylight

Canon EOS M50 เลนส์ MF 200mm F4, โหมด M ชัตเตอร์ 1/400 วินาที, f/5.6, ISO400, WB:Daylight

Canon EOS M50 เลนส์ MF 200mm F4, โหมด M ชัตเตอร์ 1/125 วินาที, f/5.6, ISO100, WB:Daylight

Canon EOS M50 เลนส์ MF 200mm F4, โหมด M ชัตเตอร์ 1/500 วินาที, f/4, ISO100, WB:Auto

Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 15-45mm F3.5-6.3 IS STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/30 วินาที, f/8, ISO200, WB:Auto

Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 18-150mm F3.5-6.3 IS STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/30 วินาที, f/8, ISO200, WB:Auto

Canon EOS M50 เลนส์ EF 50mm F1.8 STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/50 วินาที, f/2.8, ISO800, WB:Auto

Canon EOS M50 เลนส์ EF 50mm F1.8 STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/400 วินาที, f/2.8, ISO100, WB:Auto

Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 11-22mm F4-5.6 IS STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/125 วินาที, f/11, ISO100, WB:Auto

Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 11-22mm F4-5.6 IS STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/10 วินาที, f/5.6, ISO1600, WB:Auto

Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 11-22mm F4-5.6 IS STM, โหมด M ชัตเตอร์ 1/60 วินาที, f/5.6, ISO1600, WB:Auto

Creative Filter แบบ Water Painting Effect
Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 18-150mm F3.5-6.3 IS STM, โหมด Creative Filter ชัตเตอร์ 1/250 วินาที, f/6.3, ISO1000, WB:Auto

Creative Assist แบบ Monochrome BW
Canon EOS M50 เลนส์ EF-M 18-150mm F3.5-6.3 IS STM, โหมด Creative Assist ชัตเตอร์ 1/40 วินาที, f/6.3, ISO400, WB:Auto


สรุป

ถึงแม้ว่ากล้อง Canon EOS M50 ตัวนี้ จะถูกวางตัวไว้เป็นกล้องสำหรับมือใหม่ ระดับ Entry Level แต่ฟีเจอร์การทำงานต่างๆ มีมาให้ครบถ้วนเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มใช้กล้องถ่ายภาพแบบจริงจัง หรือเป็นช่างภาพมืออาชีพที่มีความชำนาญอยู่แล้ว แต่อยากได้กล้องตัวเล็กๆ พกพาง่ายๆ และยังตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วนเช่นเดิม ก็ยังสามารถหยิบกล้อง และถ่ายภาพที่ต้องการได้เป็นอย่างดี

Canon EOS M50 มาพร้อมความสดใหม่หลายๆ อย่าง เช่น หน่วยประมวลผลใหม่ DIGIC 8 หรือเซ็นเซอร์ Dual Pixel CMOS AF ก็ทำให้ความน่าใช้มีมากขึ้น ลืมเรื่องระบบโฟกัสอืดๆ ไปได้เลย คุณภาพไฟล์ที่คมชัด ถ่ายทอดรายละเอียดดีเยี่ยม ให้สีสันที่สดใส อิ่มตัว และ Noise ต่ำ นั่นคือไฟล์ภาพที่ได้จากโหมดอัตโนมัติที่ใครๆ ก็สามารถถ่ายภาพได้ แต่สำหรับมือโปรที่ซีเรียสในเรื่องคุณภาพไฟล์ ตัวกล้องก็ยังตอบสนองความต้องการได้เป็นอย่างดี โดยเพิ่ม cRAW ซึ่งก็คือ RAW ที่มีขนาดเล็กลง และเป็นฟอร์แมทใหม่ CR3 ที่ลดเฉพาะขนาด แต่ไม่ได้ลดคุณภาพลงแต่อย่างใด

การทดลองใช้งานจริงกว่าสองสัปดาห์นั้น ตัวกล้องตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมครับ ถึงแม้จะเป็นกล้อง Sample ซึ่งอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบ 100% เหมือนตัวที่วางจำหน่ายจริง แต่ก็ไม่เจอกับปัญหาใดๆ นอกจากแบตเตอรี่ ซึ่งปกติคนใช้กล้อง Mirrorless ก็จะต้องมีสำรองอยู่แล้ว เพราะกล้องใช้พลังงานทั้งการมองจากจอมอนิเตอร์ และมองจากวิวไฟน์เดอร์ ยังไม่รวมไปถึงการเปิดชมภาพในแต่ละครับด้วย และบ่อยครั้ง ที่ผมจะตั้งโหมดถ่ายภาพไว้ที่รูปแบบอัตโนมัติ อย่าง A+ ซึ่งกล้องก็สามารถสร้างสรรค์ภาพที่สวยงามให้ผมได้ตามที่ต้องการ โดยกล้องจะวิเคราะห์ให้เองว่า เรากำลังถ่ายภาพอะไรอยู่ เช่น เมื่อกล้องจับหน้าคนได้ กล้องจะปรับเป็นโหมด Portrait ให้ พร้อมตั้งค่าการถ่ายภาพที่เหมาะสมให้อัตโนมัติ หรือเมื่อถ่ายภาพวิว มุมกว้างๆ กล้องจะปรับเป็นโหมด Landscape พร้อมตั้งค่ากล้องที่เหมาะสมให้อัตโนมัติด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ถือเป็นความชาญลาดของกล้องนั่นเอง และเมื่อผมต้องการรูปแบบภาพที่พิเศษมากขึ้นไปอีก ก็สามารถปรับแต่งรูปแบบ หรือโทนภาพจากฟีเจอร์ Creative Assist ได้อีกมากมายครับ

ในความคิดเห็นส่วนตัวนั้น ถึงกล้องตัวนี้จะเป็นกล้อง Entry Level แต่ก็ใช้กับงานที่ซีเรียสๆ แบบมืออาชีพได้อย่างไม่ติดขัด เป็นกล้องที่สามารถพกพาติดกระเป๋าไปในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายๆ ด้วยขนาดตัวที่เล็ก และน้ำหนักเบา เจออะไรสวยๆ เจออะไรที่ถูกใจ ก็สามารถดึงออกจากกระเป๋ามาใช้งานได้ทันที เป็นกล้องที่ต้องบอกว่า Highly Recommened ครับ

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) สำหรับความอนุเคราะห์กล้องและเลนส์ที่ใช้ในการทดสอบ
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.canon.co.th

เรื่อง / ภาพ : พีร วงษ์ปัญญา

อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^

(SCAN QR CODE ด้านล่างเพื่อเพิ่มเพื่อนใน Line อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ)

 


หรือสนใจดูรีวิวรุ่นอื่นๆ ได้ที่นี่
https://test2.fotoinfo.online/reviews-previews/reviews-reviews