เวลาที่เราจะถ่ายภาพ แล้วมีคนทักว่า “อย่าถ่ายย้อนแสงนะ หน้าจะดำ” ไหมครับ ซึ่งจากประสบการณ์การเป็นช่างภาพจำเป็นในหลายครั้ง เราก็มักจะได้ยินคำนี้บ่อยๆ ซึ่ง มันก็จริงที่ว่า ถ่ายภาพย้อนแสงมันจะทำให้หน้า หรือ วัตถุที่เราจะถ่ายนั้นมืด แล้ว มันจะถ่ายไม่ได้เลยหรือ บทความนี้ผมจะมาแนะนำ อย่าหาว่าสอนเลยครับ ใช้คำว่าแนะนำดีกว่า เอาเป็นว่า อ่านจบก็นำไปปรับใช้ตามสมควรได้เลยครับ
อย่างแรกที่ต้องเข้าใจเลยคือ การถ่ายภาพย้อนแสง หรือ silhouette คือ การถ่ายภาพที่วัตถุหลักที่มีตำแหน่งอยู่ด้านหน้าแหล่งกำเนิดแสง (ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแสงจากดวงอาทิตย์ครับ แต่ยังหมายถึง แสงที่อาจเกิดได้จากแหล่งกำเนิดแสงจากหลายๆ อย่าง เช่น แสงจากเงาสะท้อน แสงจากหลอดไฟ แสงจากจอ LED เป็นต้น) ทำให้วัตถุนั้นดูมืดเป็นเงาดำ เห็นรายละเอียดในส่วนที่มืดน้อยมากๆ แต่จะเห็นรูปทรงที่โดดเด่น ซึ่ง การถ่ายภาพในสถานการณ์นี้ ผมอยากจะบอกว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาครับ และที่ผมจะแนะนำสำหรับสถานการณ์นี้มีอยู่สองแนวทางคือ แก้ไขมัน หรือไม่ก็นำความเป็นเอกลักษณ์ของมันมาสร้างสรรค์ให้ภาพถ่ายเราไปเลย
มาเริ่มกันที่ข้อดีข้อเสียของภาพถ่ายย้อนแสง (Silhouette) กันครับ
ข้อเสียที่คนจำฝังใจเลยคือ
1. แสงระหว่างวัตถุกับพื้นหลังที่ต่างกันมาก ด้านเทคนิคของอุปกรณ์ กล้องอาจวัดแสงผิดพลาด โดยเฉพาะเมื่อเราวัดแสงด้วยระบบอัตโนมัติ เพราะกล้องจะโฟกัสไปที่แหล่งกำเนิดแสง ทำให้ส่วนที่เป็นเงาดำมืดเกินไป เพราะแสงด้านหลังที่มีปริมาณมากนั้นจะบังคับให้กล้องต้องเปิดรับแสงน้อยลง และแน่นอนว่าอะไรก็ตามที่อยู่ด้านหน้าแหล่งแสงนั้นก็จะเกิดอาการ มืด เพราะแสงน้อยทันที
การเลือกวัดแสงพอดีที่บริเวณวัตถุหลักทำให้แสงพื้นหลังสว่างมากเกินไป
และในทางกลับกัน หากเราควบคุมให้กล้องวัดแสงที่วัตถุให้พอดี แน่นอนว่า แสงฉากหลังก็จะสว่างเกินจนไม่เห็นรายละเอียดเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น การวัดแสงจึงทำได้ค่อนข้างยากครับ ให้เข้าใจง่ายๆ การถ่ายภาพในสมาร์ทโฟน หากเราจิ้มให้กล้องโฟกัสบริเวณส่วนมืด กล้องจะปรับบริเวณนั้นให้แสงพอดี และส่วนอื่นๆ ก็จะปรับให้สว่างขึ้นไปด้วย จากสว่างอยู่แล้วก็สว่างจ้าเวอร์วังจนไม่เห็นรายละเอียดนั่นแหละครับ วิธีแก้ไข เช่น
ชดเชยแสง (Exposure Compensation) ใช้การชดเชยแสง (+EV) เพื่อเพิ่มความสว่างให้กับภาพ ทำให้วัตถุหลักไม่มืดจนเกินไป
ใช้ฟังก์ชันพิเศษช่วย ซึ่งในกล้องหลายๆ ค่าย หลายๆ รุ่นมักจะให้มา เช่น DRO/HDR ในกล้อง SONY หรือ HDR ในฝั่งของ Canon และ Active D-Lighting สำหรับ Nikon ฟังก์ชั่นเหล่านี้ก็จะพอช่วยได้บ้างสำหรับช่างภาพทั่วไปอย่างเราๆ ครับ
ภาพการใช้ฟังก์ชั่นพิเศษในกล้อง (DRO) เพื่อเปิดความสว่างในส่วนที่มืดจากการย้อนแสง
ใช้อุปกรณ์เสริม (ถ้ามี) เช่น การใช้แฟลชเสริมเพื่อช่วยเปิดความสวางในเงามืด และข้อดีของการใช้แฟลช โดยเฉพาะแฟลชแยก คือ เราสามารถคุมทิศทางของแสงได้ และยังคุมพื้นหลังให้ความสว่างดรอปลงได้ครับ นอกจากแฟลชแล้วก็ยังมี Reflec ที่สามารถสะท้อนแสงให้แสงตกกระทบที่วัตถุเพื่อให้ความสว่างที่เงาได้ครับ
ภาพถ่ายที่ใช้แฟลชในการเติมแสงในส่วนที่มืดจากการย้อนแสง และคุมแสงให้แสงพื้นหลังดรอปลง
ถ่ายเป็น Raw file แล้วไปปรับแต่งด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพในภายหลัง วิธีนี้มักจะเป็นที่นิยมทั้งคนที่มีและไม่มีอุปกรณ์เสริมครับ
ภาพที่ตกแต่งโดยการดึงส่วนที่มืดบริเวณหน้าของนกให้สว่างขึ้นโดยใช้ Raw file
2. วัตถุหลักที่เราถ่ายอาจดูไม่น่าสนใจ หากวัตถุที่ถ่ายมีรูปทรงที่ไม่โดดเด่นหรือดูธรรมดา ภาพอาจจะดูไม่น่าสนใจ วิธีแก้ง่ายๆ เลย คือ หาวัตถุ หรือจัดวัตถุให้เห็นส่วนที่เป็นรูปทรงที่ดูเด่นที่สุด เพื่อบอกเล่าว่าสิ่งที่เราถ่ายคืออะไรนั่นเอง หรือหากเป็นการถ่ายภาพบุคคล ก็ควรจัดท่าทางให้ดูเป็นรูปร่างที่น่าสนใจก็จะช่วยได้ครับ
ภาพที่เน้นรูปทรงที่ดูเด่นแม้รายละเอียดในเงามืดไม่ชัดเจน
3. แฟลร์ของเลนส์ แสงที่เข้าสู่หน้าเลนส์โดยตรง อาจทำให้เกิดแสงสะท้อนหรือวงกลมบนภาพ ซึ่งบางครั้งอาจไม่สวยงามและรบกวนสายตา ยิ่งโดยเฉพาะกับเลนส์ที่มีโค้สเลนส์ไม่ค่อยดีอาจทำให้ได้แฟลร์ที่ทำให้ภาพเสียมากกว่าแฟลร์ที่ทำให้เกิดความสวยงามได้
ภาพแฟลร์ที่เกิดจากการย้อนแสงที่รบกวนภาพถ่ายมากเกินไป
แก้ปัญหานี้ได้โดยการจัดองค์ประกอบภาพเพื่อหลีกเลี่ยงแฟลร์ จัดตำแหน่งวัตถุให้บังแหล่งกำเนิดแสงบางส่วน หรือใช้ฮูดบังแสง (Lens Hood) เพื่อลดแสงที่เข้าสู่เลนส์โดยตรง
4. รายละเอียดหายไป ข้อเสียที่ชัดเจนที่สุดคือการสูญเสียรายละเอียดในส่วนของเงา ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมไม่เข้าใจว่าวัตถุนั้นคืออะไร วิธีแก้ไขง่ายๆ และคลาสสิกเลยคือ หากต้องการให้วัตถุหลักสว่างขึ้นโดยไม่ให้ฉากหลังสว่างเกินไป ให้ใช้แผ่นสะท้อนแสงเพื่อสะท้อนแสงไปที่ตัวแบบ หรือใช้แฟลชแบบเติม (Fill Flash) เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับวัตถุเพื่อให้เห็นรายละเอียดในส่วนมืดนั่นเอง
ภาพเติมแสงแฟลชเพื่อสู้กับแสงที่ย้อนมาจากด้านหลัง
ภาพเติมแสงแฟลชเพื่อให้พื้นหลังไม่สว่างจนมองไม่ออกว่าคือความเขียวของใบไม้ด้านหลัง
มีข้อเสียมันก็ต้องมีข้อดีอยู่บ้างหละครับ ข้อดีของมันเลยคือมันมีเอกลักษณ์ในรูปแบบของมันเอง เช่น การชูรูปร่างของวัตถุให้เด่นขึ้น (หากวัตถุที่เราเลือกนั้นมีรูปร่างสวยงามน่าสนใจ) หรือที่เราๆ รู้จักกันในนามของคำว่า Silhouette นั่นแหละครับ และนอกจากนี้เองมันยังมีอีกหลายคุณสมบัติด้วยกันที่เราสามารถนำมันมาครีเอทภาพถ่ายของเราได้ และต่อไปนี้คือแนวทางการสร้างสรรค์ภาพย้อนแสงครับ
การสร้างสรรค์ภาพถ่ายย้อนแสงให้ดูดีขึ้น (ไม่กล้าใช้คำว่าสวยงามครับ เพราะสวยแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฮ่าๆ)
1. ใช้แสงเพื่อสร้างซิลูเอทโชว์วัตถุที่รูปทรงโดดเด่น เน้นถ่ายวัตถุที่โครงร่างสวยงามและมีเอกลักษณ์ เช่น คน, สัตว์, ต้นไม้, ภูเขา, หรือสิ่งปลูกสร้างที่มีเส้นสายที่น่าสนใจ
ภาพเงาที่มีรูปร่างที่เกิดจากการย้อนแสง
ภาพเงาที่มีรูปร่างที่เกิดจากการย้อนแสง
2. ใช้แสงหลังจากการย้อนแสงให้เป็นประโยชน์ เช่น การเกิดริมไลท์ที่ขอบวัตถุ หรือ เลือกวัตถุที่มีความโปร่งเพื่อให้แสงทะลุผ่านได้ก็ดูสวยงามไปอีกแบบ และยังทำให้เห็นรูปร่างได้เด่นขึ้นด้วย
ภาพแสงริมไลท์ที่ขอบของวัตถุ
การเลือกวัตถุที่โปร่งแสงซึ่งแสงหลังสามารถทะลุผ่านได้และทำให้เห็นรายละเอียดของโครงสร้างของวัตถุ
2. ใช้ช่วงเวลาที่เหมาะสม ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดคือช่วง Golden Hour (พระอาทิตย์ขึ้นหรือตก) เพราะแสงจะนุ่มนวลและมีสีสันสวยงาม
3. หาฉากหลังที่เรียบง่าย ฉากหลังที่เรียบง่ายจะช่วยให้วัตถุหลักดูโดดเด่นขึ้น หลีกเลี่ยงฉากหลังที่รกหรือมีสิ่งรบกวน
การย้อนแสงในช่วงเวลาทไวไลท์เป็นที่นิยมในการถ่ายย้อนแสงเพราะแสงมีความนุ่มเป็นพิเศษ
4. จัดองค์ประกอบภาพให้สมดุล ใช้กฎ Rule of Thirds หรือ Golden Ratio เพื่อจัดวางวัตถุให้อยู่ในตำแหน่งที่น่าสนใจ
วางตำแหน่งวัตถุให้อยู่ในจุดตัดเก้าช่องเพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น
5. สร้างความแตกต่างด้วยการเคลื่อนไหว ลองให้ตัวแบบมีการเคลื่อนไหว เช่น กำลังกระโดด กำลังวิ่ง หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับภาพ
ลองถ่ายภาพในมุมต่ำแต่ให้เห็นแหล่งกำเนิดแสงหลักที่ย้อนจากด้านหลังก็สามารถทำได้เช่นกัน
6. ทดลองกับมุมกล้อง อย่ากลัวที่จะลองถ่ายภาพจากมุมที่แตกต่างไปจากเดิม ทั้งจากมุมต่ำ มุมสูง หรือมุมตรง เพื่อค้นหามุมมองที่ดีที่สุดสำหรับภาพของคุณ
7. ใช้แสงย้อนสร้างโบเก้ ลองฉีดสเปรย์น้ำเบา ๆ ที่ด้านหลังตัวแบบ หรือใช้ไฟประดับเล็ก ๆ เพื่อสร้างโบเก้ หรือ หาพื้นหลังที่มีแสงทะลุเป็นจุดๆ แล้วทำให้เกิดการ Out focus ก็จะทำให้ได้โบเก้ครับ (ส่วนโบเก้จะสวยหรือมีขนาดเล็ก/ใหญ่อาจขึ้นอยู่กับเลนส์ที่ใช้และระยะห่างระหว่างตัวแบบ พื้นหลัง และตำแหน่งของกล้องด้วย)
เลือกพื้นหลังที่ทำให้เกิดโบเก้ได้ ซึ่งมักจะมาพร้อมๆ กับการย้อนแสง
ที่กล่าวมาทั้งหมด การถ่ายภาพย้อนแสงเป็นเทคนิคที่สามารถสร้างผลงานภาพถ่ายให้ดูน่าสนใจขึ้นได้ หากคุณเข้าใจหลักการและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอครับ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับการถ่ายภาพของคุณดูนะครับ มันอาจจะทำให้คุณไม่เบื่อกับการถ่ายภาพย้อนแสงก็เป็นได้ครับ และขอให้มีความสุขตามอัตภาพในการถ่ายภาพครับผม ไว้เจอกันใหม่ครับ
Leave feedback about this