ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวถ่ายภาพกลางแจ้ง เนื่องจากมีแสงแดดที่สดใสและมีชีวิตชีวา อย่างไรก็ตาม การถ่ายภาพในสภาพอากาศร้อนก็มีความท้าทายบางประการที่คุณต้องคำนึงถึง ต่อไปนี้เป็นเทคนิคบางประการที่จะช่วยให้คุณถ่ายภาพท่องเที่ยวในฤดูร้อนได้ดียิ่งขึ้น

1. เลือกสถานที่ที่เหมาะสม
ในฤดูนี้เป็นฤดูที่แทบจะถ่ายภาพได้ทุกสถานที่ เพราะไม่มีฝนให้ต้องระวัง (เว้นภาคใต้) เพราะฉะนั้น การเลือกสถานที่จึงดูเหมือนจะง่าย แต่อันที่จริงก็แอบมีความยากอยู่เช่นกัน หากเป็นการถ่ายภาพบุคคล คุณควรเลือกสถานที่ที่มีฉากหลังที่ดี โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ (Landmark) เลือกสถานที่ที่มีแสงธรรมชาติ เพราะแสงธรรมชาติเพียงพอจะช่วยให้ภาพถ่ายของคุณดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น

สภาพแสงแข็งในช่วงเวลาเที่ยงวันในหน้าร้อน
แต่ไม่แนะนำสถานที่กลางแจ้งในช่วงเวลากลางวัน (พระอาทิตย์ตรงศีรษะหรือเยื้องนิดหน่อย) ควรรอให้ถึงเวลาที่แสงมีความนุ่ม เช่น ช่วงเช้า หรือตอนเย็น หรือหากต้องถ่ายช่วงกลางวันที่มีแสงจัดจริงๆ ก็ควรหลบมุมเพื่อเลี่ยงแสงแข็ง อย่างเช่นชายคา ใต้ร่มไม้ที่มีแสงส่องเพียงพอ หรือในตัวอาคารที่มีแสงเข้าเพียงพอ โดยเฉพาะแสงจากหน้าต่าง ก็จะเป็นการช่วยให้แสงซอฟต์ลงได้ครับ

หาชายคาหลบแสงแข็งและหลบความร้อน ทำให้แสงที่ตัวแบบดูซอฟต์ลง และนางแบบก็จะไม่ร้อนจนเกินไปด้วย
หากเป็นการถ่ายภาพอย่างอื่นที่ไม่ใช่ภาพบุคคล เช่น Landscape ภาพถ่ายสถาปัตย์ฯ คุณควรคำนึงถึงทิศทางแสง และสภาพแสงในการถ่ายภาพเป็นหลัก สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ ที่มักจะไม่เหมาะที่จะถ่ายภาพในสภาพแสงจ้าหรือแสงที่แข็งเกินไป เช่น ภาพวิวที่เป็นภูเขา เป็นต้น แต่บางสถานที่ก็สามารถใช้ความแข็งขอแสงมาช่วยให้ภาพดูโดดเด่นขึ้นมาได้ เช่น งานถ่ายภาพที่มีตัวอาคารที่ต้องการโชว์ความเปรียบต่างของแสงเป็นต้น

ภาพสถาปัตยกรรมที่มีรูปร่างโดดเด่น สวยงาม ก็ควรพิจารณาทิศทางแสงเพื่อให้ตัวอาคารดูเด่นขึ้น

รอแสงให้ตกด้านหลังหรือข้างตัวอาคารเพื่อให้มีบางส่วนโดนแสงและบางส่วนเกิดเป็นเงามืดเพื่อให้เห็นความเป็นธรรมชาติของตัวอาคาร

ใช้มุมของเลนส์เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับภาพ หากต้องถ่ายในสภาพที่แสงแข็งเกินไป
การถ่ายภาพ Street ดูจะเป็นการถ่ายภาพที่น่าจะตัดเรื่องของสภาพแสงได้มากที่สุด เพราะบางที แสงแข็งก็ทำให้ภาพแนวนี้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น เพราะฉะนั้น การเลือกสถานที่ในภาพแนวนี้จึงยืดหยุ่นมากที่สุดในการถ่ายภาพ Outdoor ในฤดูร้อนครับ

ภาพบุคคลกับสภาพแสงยามเย็น
Trick :
1. หากการถ่ายภาพ Outdoor ประสบปัญหาแสงแข็ง ก็ลองย้ายไปเป็น Indoor ดูก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีครับ เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหารสวยๆ กำหนดทิศทางแสงให้เข้าด้านข้าง อย่างแสงจากหน้าต่าง ก็อาจจะสามารถทำให้คุณได้ถ่ายภาพ และมีภาพสวยๆ จากการท่องเที่ยวก็ได้ครับ
2. หากต้องถ่ายภาพกับทะเลที่มีสีฟ้าสดใส เครื่องแต่งกายที่มีสีคู่ตรงข้ามก็สามารถทำให้ตัวแบบดูโดดเด่นมากขึ้น เช่น สีแดง แสด เหลืองเข้ม เป็นต้น

2. เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม
ช่วงเช้าตรู่และช่วงเย็น หรือ Golden Hour ในช่วงเช้า (1 ชั่วโมงหลังพระอาทิตย์ขึ้น และ 1 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก) และ Twilight Hour (20-30 นาที ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าและหลังพระอาทิตย์ตก) แสงในช่วงเวลาเหล่านี้จะเป็นแสงที่นุ่มนวลและอบอุ่น ซึ่งจะช่วยให้ภาพถ่ายของคุณดูสวยงามและมีมิติมากขึ้น นอกจากนี้ อุณหภูมิในช่วงเวลานี้จะไม่ร้อนจัดจนเกินไป ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพได้อย่างสบาย

แสงช่วง Golden Hour หรือแสงสีทองหลังพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า

แสงช่วง Golden Hour หรือแสงสีทองก่อนพระอาทิตย์ตกในยามเย็น

แสงช่วง Twilight Hour หรือแสงออกโทนเย็นหลังพระอาทิตย์ตก
ช่วงกลางวัน การถ่ายภาพในช่วงเวลานี้ต้องระวังเรื่องแสงที่แข็งและเงาที่เข้ม ซึ่งอาจทำให้ภาพถ่ายของคุณดูไม่สวยงามเท่าที่ควร คุณควรหาวิธีแก้ เช่น การกระจายแสงไม่ให้เงาแข็งเกินไป อาจจะด้วยการใช้ Reflector ช่วย หรือหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีแสงจัด หลบมุมหาพื้นที่ที่แสงเคลียส์ก็ช่วยได้เช่นกัน

สภาพฟ้าหลัว หรือหมอกแดดในตอนกลางวันของอ่างเก็บน้ำบางพระในช่วงฤดูร้อน

สภาพฟ้าหลัวในฤดูร้อนทำให้สีสันดูหม่นกว่าในฤดูอื่นๆ
หากเป็นการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ สิ่งที่จะเจอได้บ่อยเลยสำหรับฤดูร้อนของประเทศไทยคือ ฟ้าหลัว หรือหมอกแดด คือ ลักษณะของอากาศขุ่นมัว ครึ้มๆ ท้องฟ้าไม่โปร่งใสคล้ายๆ มีหมอกกลางแสงแดดในตอนกลางวัน อาจมีสีฟ้าขุ่นหรือสีน้ำตาล ซึ่งทำให้ถ่ายภาพออกมาไม่ใสเคลียส์ และอีกปัญหาหนึ่งคือเปลวแดดที่บิดอากาศให้วัตถุดูเปลี่ยนรูปร่าง ทำให้ถ่ายภาพออกมาดูเป็นวุ้น ไม่สวยอย่างที่ต้องการ ซึ่งเป็นปัญหาในการถ่ายภาพ Outdoor ในหน้าร้อนมากๆ

แก้ปัญหาฟ้าหลัวและเปลวแดดด้วยการปรับแต่งภาพให้เป็นขาวดำให้ดูไปในทิศทางที่ตั้งใจจะให้เป็นศิลปะการตกแต่งภาพแทน
Trick and Trick :
วิธีแก้ปัญหาฟ้าหลัวและเปลวแดดอาจแก้ได้หลายวิธี แต่แทบจะไม่มีวิธีไหนที่สามารถแก้ปัญหาให้สมบูรณ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พอที่จะทำให้คุณได้ภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้ เช่น การปรับแก้ไวท์บาลานซ์ การปรับ Picture style การตั้งค่าชัตเตอร์สปีด ค่า F stop ค่า ISO ที่สัมพันธ์กัน หรือจะเป็นการถ่ายด้วย Raw ไฟล์แล้วไปปรับแก้ทีหลัง วิธีแก้ที่กล่าวมาจะช่วยให้คุณได้ภาพที่ดีกว่าเดิมมากขึ้นครับ แต่ก็สู้การถ่ายในฤดูอื่นไม่ได้อยู่ดี หรือถ้าแก้ไม้ได้ ก็ให้ลองนำภาพมารีทัชใส่จินตนาการเพิ่มเติมเพื่อให้ภาพนั้นเป็นภาพที่ดีขึ้นมาได้ครับ

การถ่ายภาพที่ให้เห็นความเปรียบต่างไปเลย เพื่อให้บางสิ่งดูโดดเด่นขึ้น
3. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
การเตรียมอุปกรณ์ในฤดูร้อนอาจจะไม่มีอะไรมาก การเตรียมกล้องเลนส์ก็เหมือนปรกติทั่วไป แต่อยากจะแนะนำในเรื่องของอุปกรณ์เสริมที่ควรมีติดไปด้วยมากกว่าครับ เช่น แปรงปัดฝุ่น ผ้าเช็ดเลนส์ แต่เชื่อว่าหลายๆ คนมีติดกระเป๋ากันอยู่แล้ว และอีกอย่างที่อยากจะแนะนำ โดยเฉพาะสำหรับกล้องรุ่นใหม่ๆ ที่สามารถถ่ายวิดีโอ หรือสายคอนเทนท์วิดีโอคือ อาการฮีตของอุปกรณ์ครับ เพราะอากาศร้อนอาจทำให้กล้องร้อนได้ง่ายขึ้น การถ่ายทำจึงควรมีการวางแผนที่ดีครับ และอุปกรณ์เสริมอีกชิ้นที่อยากแนะนำคือ ฟิลเตอร์โฟลาไรซ์ครับ ซึ่งฟิลเตอร์ชนิดนี้จะช่วยให้คุณตัดแสงสะท้อนบนใบไม้ที่เกิดจากแสงที่รุนแรงมากในการถ่ายภาพ Outdoor ครับ มันจะช่วยให้คุณได้ภาพที่มีสีสันที่อื่มมากขึ้นนั่นเอง
Trick and Trick :
1. การ Preview ดูภาพ การมองที่จอ Lcd อาจทำได้ไม่ถนัดนัก เพราะมีแสงสะท้อนที่หลังจอ ทำให้เรามองสภาพแสงได้ไม่ตรงนัก การ Preview ดูภาพจึงควรเปิดภาพแล้วมองดูในช่องมองแทน มันจะช่วยลดการสะท้อนของแสงภายนอกที่รบกวนจอภาพ ทำให้เราได้เห็นสภาพแสง สี จริงที่ถ่ายมา แต่การ Preview ภาพบ่อยๆ อาจทำให้ใช้พลังงานมากขึ้น เราจึงควรมีแบตฯ สำรองครับ

2. ในฤดูนี้เหงื่อที่มือ หรือแขนจะออกมากและบ่อย การมีผ้าเช็ดทำความสะอาดก็เป็นสิ่งจำเป็นครับ และจะดีมากถ้ามีผ้าที่สามารถห่อกล้องและเช็ดทำความสะอาดได้ในผืนเดียวกัน อย่างผ้าห่อกล้องที่ทางโฟโต้อินโฟมีวางจำหน่ายก็สะดวกดีครับ
*สามารถสั่งซื้อได้ที่ https://shope.ee/3KtCV6758q

ภาพที่ใช้ความเร็วชัตเตอร์สปีดมากเกินความจำเป็น ทำให้แสงเข้าไปบันทึกผ่านเข้าไปได้น้อย ทำให้ภาพไม่สว่าง ใสเคลียส์อย่างที่ควรจะเป็น

การใช้ชัตเตอร์สปีดที่สูงกับภาพที่ไม่มีแอคชั่นในภาพ ทำให้ภาพดูแข็งและไม่สดใสอย่างที่ควรจะเป็น
4. ตั้งค่ากล้องให้เหมาะสม
สภาพแสง Outdoor ในฤดูนี้ ถือว่าเพียงพอแทบจะทุกสถานที่ท่องเที่ยว เพราะฉะนั้น การพิจารณาในการตั้งค่า ISO จึงไม่จำเป็นต้องสูงมากนัก และเนื่องด้วยแสงที่มีเพียงพอ หลายคนมักจะเพิ่มค่า Shutter speed ให้สูงขึ้น (ทั้งที่ไม่ได้ถ่ายภาพแอคชั่นหรือภาพหยุดการเคลื่อนไหว) เพื่อให้ค่าแสงนั้นกลับมาพอดี แต่ การใช้ค่า Shutter speed ที่สูงมากเกินไปก็สามารถทำให้ภาพถ่ายไม่ใสเคลียส์เกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น การตั้งค่าให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจให้มากครับ
ขอให้มีความสุขกับการท่องเที่ยวถ่ายภาพในฤดูร้อนนี้นะครับ
แอดมินโย
Leave feedback about this