ผมห่างหายจากงาน PHOTOKINA ไปถึง 12 ปี ได้แต่ติดตามข่าวคราวอุปกรณ์ใหม่ที่มักจะเปิดตัวกันในงาน PHOTOKINA จากอินเตอร์เน็ต แต่ปีนี้ผมมีโอกาสได้เดินทางไปงาน PHOTOKINA อีกครั้งตามคำเชิญชวนของโซนี่ไทย ว่าสนใจมั๊ย แน่นอนครับว่า สนใจ เพียงแต่ต้องเคลียร์งานทั้งส่วนของออฟฟิศและงานครอบครัวก่อน ไม่สามารถเดินทางไปพร้อมท่านอื่นๆ ได้ ต้องตามไปในอีกหนึ่งวันถัดมา
เมื่อไปถึงเยอรมัน ต่อเครื่องจากมิวนิคไปโคโลญจ์ แล้วก็ตรงดิ่งเข้าเช็คอินที่โรงแรม เก็บของในห้องพักเรียบร้อยก็ต้องรีบเผ่นแน่บไปงาน PHOTOKINA ในทันที เพราะทางโซนี่ไทย นัดเอาไว้เวลาบ่ายสามโมง ว่าจะมีงานแถลงข่าวเปิดตัว Product ใหม่ ซึ่ง ณ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นกล้องอะไรหรอกครับ ก็ได้แต่เดากันไปว่าจะเป็น A9 บ้าง A7III บ้าง A99II บ้าง หรือจะเป็น A7RIII แต่พอเข้าห้องสัมมนา จึงทราบว่ามันคือ A99II กล้องที่ชาวโซนี่ A Mount รอคอยกันมานาน นานจนหลายคนรอไม่ไหว หันไปหา E Mount กันเกือบหมดแล้ว งานเปิดตัวก็ทำกันแบบเรียบๆ ครับ เพราะห้องแถลงข่าวต้องใช้หลายแบรนด์ต่อคิวกัน จึงไม่มีการตกแต่งเวทีอะไร แต่ก็ทำได้ดี กระชับชัดเจนและจบการแถลงข่าวได้เร็ว โดยสร้างความงุนงงให้สื่อมวลชนทั้งไทยและเทศพอควรว่า ไม่มีอะไรต่อแล้วหรือ A99II ตัวเดียวหรือ ….ตัวเดียวครับ แต่นี่คือกล้องที่น่าสนใจมากรุ่นหนึ่ง หากจิตใจไม่โอนเอียงไปทาง E Mount มากเกิน เพราะมันมาพร้อมบอดี้ที่สวยงาม แข็งแกร่ง จับถนัดมือ ควบคุมการทำงานได้ยอดเยี่ยม จัดวางปุ่มดีมาก ระบบโฟกัสยอดเยี่ยม ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องยอดเยี่ยม ระบบวิดีโอคุณภาพสูง และ ฯลฯ
ทำไมโซนี่จึงผลิต A99II ออกมา ก็เพราะตลาดยุโรปยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่เหนียวแน่นกับ A Mount เพียงแต่บอดี้หยุดอยู่ที่ A99 , A77 II และ A 68 มานาน นานจนหลายคนกลัวว่าโซนี่จะทิ้งผู้ใช้เมาท์ A หรือไม่ การผลิตกล้องระดับโปรอย่าง A99 II จึงน่าจะตอบสนองกลุ่มผู้ใช้จำนวนไม่น้อยในยุโรปที่ชอบกล้อง A Mount ตรงขนาดที่เหมาะมือ และใช้งานคล่องตัว อีกทั้งยังมีเลนส์ A Mount อยู่แล้ว ส่วนตลาดในบ้านเรานั้นคาดเดายากครับ แม้จะมีกลุ่มผู้ใช้ A Mount อยู่ไม่น้อย แต่หลายคนรอกล้องใหม่มานาน นานจนถอดใจหันไปหา A7RII กัน ดังนั้นการมาถึงของ A99II นั้นผมเชื่อว่า มีหลายคนที่ชอบ แต่อีกหลายคนอาจจะเฉยๆ
สำหรับผม ..ผมชอบครับ และก็ดีใจที่โซนี่ยังไม่ลืมลูกค้าเก่าที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาบนถนนที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่มีทั้งอิฐ หิน ดิน ทราย และตะปู แม้ว่า A99II อาจจะทำยอดขายไม่ได้ถึงหนึ่งในห้าหรือหนึ่งในสิบของ A7RII แต่สิ่งนี้คือ ความน่าชื่นชมที่โซนี่ยังอยู่กับผู้ใช้ A Mount
A99II ออกแบบให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด ขนาดเล็กกว่า A99 เดิมอยู่ 8% รูปทรงก็แตกต่างจากเดิม ดูคล้าย A77 II มากกว่าทั้งรูปลักษณ์และขนาด แต่โครงสร้างขัดกันมากครับ A99II ใช้บอดี้ที่ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย ไม่มีแฟลชในตัว ส่วนของกะโหลกกล้องจึงดูแข้งแกร่งกว่าตัวกล้องซีลกันฝุ่นและละอองนํ้า ปุ่มปรับต่างๆผลิตอย่างแข็งแรงแน่นหนา ใช้งานสะดวก รูปแบบของกล้องยังคงเป็น SLT (Single lens Translucent) เหมือนกล้องตระกูล A ก่อนหน้า โดยใช้กระจกโปร่งแสงในการสะท้อนแสงบางส่วน ขึ้นไปด้านบนเพื่อใช้ในการทำงานระบบออโตโฟกัส แต่แสงส่วนใหญ่จะทะลุกระจกสะท้อนภาพไปที่เซ็นเซอร์รับภาพ ความแตกต่างจาก A99 อยู่ตรงที่ในกล้อง A99II จะมีเซ็นเซอร์ของระบบออโตโฟกัส 2 ส่วน
ส่วนแรกอยู่ด้านบนของกระจก Translucent ติดตั้งเซ็นเซอร์โฟกัส 79 จุด โดยเป็นเซ็นเซอร์แบบกากบาท 15 จุด ส่วนเซ็นเซอร์โฟกัสอีกชุดจะติดตั้งบนเซ็นเซอร์รับภาพ โดยมีเซ็นเซอร์ 399 จุด ทำงานแบบเฟสดีเทคชั่น วางเซ็นเซอร์แนวตั้ง ความพิเศษอยู่ตรงที่โซนี่นำเซ็นเซอร์ 2 ชุดนี้มา Hybrid ทำงานร่วมกันได้ แม้จะอยู่ห่างกันคนละทิศละทาง โดยเมื่อทำงานร่วมกัน ก็จะได้จุดโฟกัสที่เป็น Cross Type ถึง 79 จุด ทำให้ A99II มีประสิทธิภาพในการโฟกัสดีกว่า และแทรคกิ้งได้ดีกว่า เพราะเซ็นเซอร์แบบ Cross Type จะทำงานได้แม่นยำแม้ในสภาพแสงน้อยหรือแม้แต่ซับเจกต์มีคอนทราสต์ตํ่า เมื่อทำระบบโฟกัสได้ดี A99II จึงออกแบบให้การประมวลผลเร็วขึ้น ผลที่ได้คือมันมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงถึง 12 ภาพ / วินาที เร็วเทียบเท่ากล้อง DSLR ระดับโปรโดยความเร็ว 12 ภาพ/วินาทีนั้นมาพร้อมระบบโฟกัสต่อเนื่องที่ยังทำงานได้ ทำให้มันเป็นกล้องที่พร้อมสำหรับการถ่ายภาพกีฬา ภาพแอคชั่นต่างๆ โดยสามารถเลือกพื้นที่โฟกัสได้หลายรูปแบบ ปรับความเร็วในการแทรคกิ้ง ความไวในการตอบสนองได้ ระบบโฟกัสสามารถทำงานได้ในสภาพแสงน้อยถึง EV-4 เซ็นเซอร์รับภาพใช้รุ่นเดียวกับ A7RII คือ Exmor R CMOS Back illuminated ซึ่งประสิทธิภาพของเซ็นเซอร์รับภาพรุ่นนี้ก็คงทราบกันดี ให้รายละเอียดยอดเยี่ยมและมีสัญญาณรบกวนตํ่า ไม่เพียงเท่านั้น A99II ยังใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้องแบบ 5 แกน ที่สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4.5 สตอป ออกแบบมาสำหรับการสั่นไหวในทุกรูปแบบ ทั้งการบันทึกภาพนิ่ง
และภาพยนตร์
ระบบวิดีโอจัดมาเต็มๆ ด้วยคุณภาพระดับ 4K ที่บันทึกในฟอร์แมต Super 35 บนเซ็นเซอร์ความละเอียดสูง ข้อมูลที่บันทึกจึงสูงถึง 15 ล้านพิกเซลต่อเฟรม มากกว่าความละเอียดของไฟล์ 4K ถึง 1.8 เท่า เมื่อเอาท์พุทออกมาเป็นวิดีโอ 4K มันจึงให้คุณภาพสูงมากทั้งรายละเอียด มิติ ความลึกของภาพ และลดปัญหาเรื่อง moire ได้มาก
นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่น S-Gamut และ S-Log ที่ช่วยให้เก็บไดนามิคเรนจ์ได้กว้าง และยังรองรับฟอร์แมต XAVC-S ในโหมด 4K ที่มีบิตเรตสูงถึง 100 Mbps ภาพที่ได้จึงมีรายละเอียดสูงมาก และ A99II ยังสามารถบันทึกวิดีโอแบบ Slow Motion และ Quick Motion ได้หลายระดับความเร็ว และแน่นอนครับว่ามาพร้อม Wi-Fi และ NFC สำหรับการแชร์ภาพสะดวกรวดเร็ว สรุปโดยรวมของสเปค A99II แล้วก็คงต้องบอกว่า ดีจริง โปรจริง แรงจริง เพียงแต่จะทำตลาดได้ดีเพียงใด จะเป็นลมหายใจให้ A Mount ต่อได้มากน้อยเพียงใดนั้น ยากที่จะเดาครับ หากเป็นชาวโซนี่ที่ยังมีเลนส์ A Mount ระดับเทพๆ อยู่ นี่คือกล้องที่คู่ควรครับ โดยเฉพาะกับเลนส์โปรเวอร์ชั่น II ทั้ง 4 รุ่น (Ziess 16-35mm. f/2.8 II, Ziess 24-70mm./f2.8 II, Sony G 70-200mm. f/2.8 II และ Sony G 70-400mm. f4.5-5.6 II) กล้องรุ่นนี้จะเผยศักยภาพของเลนส์ให้ผุดออกมาเต็มพิกัด
สำหรับผม ผมมีเลนส์ A Mount อยู่ 5-6 ตัว แต่ไปตกลงปลงใจกับ A7 RII และใช้เลนส์ A Mount ผ่านอแดปเตอร์ LA-EA 4 ไปแล้ว เห็น A99II แล้วก็อยากได้ล่ะครับ แต่คงต้องตรึกตรองมากหน่อย แต่สำหรับแฟนๆ A Mount ที่มีงบพอ แนะนำเลยครับ มันน่าใช้มาก ในงานผมได้ลองจับลองเล่นอยู่บ้าง แต่ไม่สามารถใส่การ์ดได้ จึงต้องดูผลจากการซูมขยายบนหน้าจอ LCD อย่างเดียว คงจะทดสอบคุณภาพไม่ได้ครับ เอาไว้กล้องมาเมื่อไหร่คงต้องยืมมาลองกันอีกที เราอยู่ในงานโฟโตคิน่า 2 วัน เดินวันละไม่น้อยกว่า 7-8 กม. เมื่อยมากครับ เพราะต้องแบกกล้องติดตัวไปเก็บภาพตลอด บูธของโซนี่คึกคักดีมาก ด้วยกระแสของฟูลเฟรมที่แรงทั่วโลก ผมไล่เดินบูธหลักๆ ให้ครบ แต่ก็พลาดไปหลายแบรนด์ครับ มีเวลา 2 วัน มันยังไม่พอ ต้องขออีกวัน แต่อีก 2 วันที่เหลือ โซนี่จะพาไปเที่ยวครับ ซึ่งแน่นอนครับว่า เที่ยวสนุกกว่าเดินขาลากในงานเป็นวันที่ 3 แน่
เราเก็บสัมภาระจากโรงแรม แล้วขึ้นเครื่องจากโคโลญจ์ไปยังเมืองนูเรมเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่จะไปท่องเที่ยวถ่ายภาพกัน ในทริปนี้ผมมีกล้องมา 2 ตัวคือ A7RII กับ RX10II ส่วนเลนส์มี 16-35mm. F4 , 50mm. F1.4 , 70-200mm. F2.8 แค่นี้ครับ และก็มีขาตั้งเล็กๆ ติดมาด้วยอีกตัว ในเมืองนูเรมเบิร์กจะเต็มไปด้วยโบส์เก่าแก่สวยๆ มากมาย มีประสาทและโบราณสถานหลายแห่ง ในอากาศในวันนี้ค่อนข้างดีครับ ฟ้าใส อุณหภูมิในช่วงกลางวันประมาณ 15-20 องศา ช่วงเช้า 7-8 องศา จัดว่ากำลังสบาย เหมาะสำหรับเดินถ่ายภาพในเมืองมาก หลังจากจบโปรแกรมที่ไกด์พาชมเมือง แวะตามจุดหลักๆ แล้ว ช่วงเย็นเราจึงชวนกันไปถ่ายภาพในเมือง โดยไม่ได้ร่วมทานอาหารเย็นกับกรุ๊ปอื่น
นูเรมเบิร์กเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ และมีอะไรให้ถ่ายเยอะแยะ เราเดินถ่ายกันจนหมดแสงสุดท้าย จึงแวะหาอาหารรองท้อง พอดีมีงานเฟสติวัลในเมือง จึงมีของให้เลือกทานค่อนข้างมาก วันรุ่งขึ้นเราเดินทางด้วยรถบัสไปเมืองเล็กๆ อีกแห่ง ชื่อ โรเธนเบิร์ก เป็นเมืองที่สวย บ้านเรือนทาสีสดใส ฟ้าใส อากาศเย็นสบาย แต่ละคนในทริปจึงถ่ายพภาพกันสนุก เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง แต่ชาวเอเชียก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก เดินเล่นจึงยังเพลิน และหามุมถ่ายภาพได้ตลอดเส้นทาง กล้องทั้ง 2 ตัว ยังทำหน้าที่อย่างไว้ใจได้ ผมหมดแบตเตอรีกับเมืองนี้ไป 3 ก้อน อิ่มเอมใจมาก จากนั้นก็กลับมาพักที่เมืองนูเรมเบิร์กเช่นเดิม
วันสุดท้าย ผมตื่นแต่เช้ามืดแล้วออกไปถ่ายภาพที่ตลาดเช้า และเดินดูบรรยากาศเมืองไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้ถ่ายภาพมากนัก แต่การได้มาซึมซับความสวย อากาศที่เย็นสบาย และแสงสวยๆ ตอนเช้าก็ทำให้สบายใจ และพร้อมกลับมาลุยงานที่กรุงเทพฯ ต่อ
ขอบคุณ : บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด สำหรับความอนุเคราะห์ทริปการเดินทางที่น่าประทับใจ และขอบคุณการต้อนรับและดูแลอย่างอบอุ่นจากทีมโซนี่ทุกท่าน