NEWS PR NEWS

เอไอเอ ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จแคมเปญ “AIA+ Go Green” เตรียมเพาะกล้าต้นโกงกาง 10,000 ต้น

เอไอเอ ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จแคมเปญ “AIA+ Go Green” เตรียมเพาะกล้าต้นโกงกาง 10,000 ต้น

สานต่อสโลแกน “ลดการพรินต์ เพิ่มการปลูก สู่หมื่นต้นกับ AIA+” หลังลูกค้าร่วมลดใช้กระดาษ 
หันมาใช้ e-Document และ e-Receipt บนแอปพลิเคชัน AIA+ ได้ตามเป้าหมาย

(กรุงเทพฯ 7 มกราคม 2568) — AIA+ (เอไอเอ พลัส) แอปพลิเคชันที่รวมทุกบริการจาก เอไอเอ เพื่อความสะดวกในการจัดการกรมธรรม์แบบครบวงจรตามสโลแกน “แอปเดียวจบ ครบทุกบริการ” ประกาศความสำเร็จแคมเปญ “AIA+ Go Green” ที่ได้เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ภายใต้สโลแกน “ลดการพรินต์ เพิ่มการปลูก สู่หมื่นต้นกับ AIA+”มุ่งเชิญชวนผู้ถือกรมธรรม์หันมาทำธุรกรรมไร้กระดาษบนแอปพลิเคชัน AIA+ กับบริการ e-Document และ e-Receipt โดยทุก ๆ 10 กรมธรรม์ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เอไอเอ จะช่วยปลูกต้นไม้ 1 ต้น

โดยตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา แคมเปญดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากผู้ถือกรมธรรม์ที่เปลี่ยนมาใช้บริการ e-Document และ e-Receipt บนแอปพลิเคชัน AIA+ ทำให้แคมเปญสามารถบรรลุเป้าหมายลดใช้กระดาษ 400,000 แผ่น พร้อมประกาศต่อยอดสู่การเพาะกล้าต้นโกงกางเพื่อเตรียมปลูก 10,000 ต้นในปี 2568 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ความสำเร็จของแคมเปญนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ เอไอเอ ประเทศไทย ในการขับเคลื่อนนโยบาย ESG และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน มีลูกค้าดาวน์โหลดแอป AIA+ และเลือกรับเอกสารและใบเสร็จรับเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนทั้งสิ้น 105,000 กรมธรรม์ นับเป็นก้าวสำคัญในสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมของ เอไอเอ ประเทศไทย

การชวนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่บริการครบวงจรบนแอป AIA+ ในครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ถือกรมธรรม์ ด้วยระบบการจัดการเอกสารที่ทันสมัยและปลอดภัย ผู้ถือกรมธรรม์สามารถเข้าถึงเอกสารสำคัญได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นกรมธรรม์ ใบแจ้งยอดชำระเงิน ใบเสร็จรับเงิน และเอกสารเกี่ยวกับสินไหม ผ่านแอป AIA+ ที่มีระบบความปลอดภัยระดับสูง

ล่าสุด เอไอเอ ประเทศไทย เตรียมสานต่อความสำเร็จด้วยการจับมือกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education Centre หรือ EEC) เพื่อร่วมจัดกิจกรรม ฟื้นฟู ป่าชายเลนครั้งใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและ อนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี โดยคุณอเล็กซ์ เรนเดลล์ ผู้ก่อตั้งศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา พร้อมด้วยผู้บริหาร เอไอเอ และพนักงานจิตอาสา จะมาร่วมกิจกรรมเพาะกล้าต้นโกงกางเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลน

ต้นโกงกางถือเป็นพืชสำคัญของระบบนิเวศป่าชายเลน โดยข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า ต้น โกงกางเพียง 1 ไร่ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึง 9.4 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี นอกจากนี้ป่าชายเลน ยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำที่สำคัญ ช่วยป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และสร้างความมั่นคงทางอาชีพให้ชุมชนในพื้นที่ โดยทางศูนย์ศึกษาธรรมชาติฯ จะดูแลต้นกล้าเป็นเวลา 1 ปี ก่อนนำไปปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าต้นไม้จะ เติบโตแข็งแรงและสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ระบบนิเวศอย่างยั่งยืน  

ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า “ขอขอบคุณลูกค้า ทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่สิ่งแวดล้อมผ่านแคมเปญ AIA+ Go Green และความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้กระดาษ แต่ยังนำไปสู่การเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ประเทศไทยและช่วยลด ปัญหาโลกเดือด ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ทั้งนี้ แคมเปญ AIA+ Go Green เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่สนับสนุน พันธกิจ AIA One Billion โดยต้องการให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้มีร่วมสร้างเสริมสุขภาพและ มีชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2573”

จากความสำเร็จในครั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายใหม่ในการขยายผลแคมเปญ AIA+ Go Green อย่าง ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารณรงค์การลดการใช้กระดาษเพื่อรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมผ่านการหันมาทำธุรกรรมผ่านการใช้บริการ e-Document และ e-Receipt บนแอปพลิเคชัน AIA+ ต่อไป

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ AIA+ Go Green เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ลดภาระให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน สู่ธุรกรรม อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความสะดวกและปลอดภัย ด้วยการดาวน์โหลดแอป AIA+ พร้อมสมัคร รับบริการ e-Document และ e-Receipt เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยรักษ์โลกไปกับ เอไอเอ ประเทศไทย

ลูกค้า เอไอเอ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AIA+ และลงทะเบียนรับ e-Document และ e-Receipt ได้แล้ววันนี้ ผ่านสมาร์ตดีไวซ์บนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือสแกนคิวอาร์โค้ดด้านล่าง

# # # #

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ 

กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่ว เอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง(1) ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า(2) และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุนร้อยละ 49 ในประเทศ อินเดีย นอกจากนี้ เอไอเอ ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทไชน่า โพสต์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ในอัตราส่วนร้อยละ 24.99

เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2462 โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 276 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566

กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินระยะยาวและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ นอกจากนี้กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการ ลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทนพันธมิตร และพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 41 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 17 ล้านคน

กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “1299” สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ AAGIY

หมายเหตุ:

(1)    เขตปกครองพิเศษฮ่องกง (Hong Kong SAR)

(2)    เขตปกครองพิเศษมาเก๊า (Macau SAR)

Leave feedback about this

  • Quality
  • Price
  • Service

PROS

+
Add Field

CONS

+
Add Field
Choose Image
Choose Video