NEWS PR NEWS

โซนี่เปิดตัว FX2 กล้อง  Cinema Line รุ่นล่าสุด ตอบโจทย์ครีเอเตอร์มืออาชีพ

โซนี่เปิดตัว FX2 กล้อง Cinema Line รุ่นล่าสุด ตอบโจทย์ครีเอเตอร์มืออาชีพ พร้อมเปิดโอกาสสู่เวทีระดับโลกใน Sony Future Filmmaker Awards 2026

(กรุงเทพฯ / 13 ส.ค. 2568) – บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดตัว FX2 กล้องรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Cinema Line อย่างเป็นทางการ ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ผู้สร้างสรรค์ยุคใหม่ที่ต้องการกล้องถ่ายภาพยนตร์คุณภาพสูง ซึ่งสามารถถ่ายภาพนิ่งความละเอียดสูงได้ในตัวเดียว ยกระดับจากกล้องดิจิทัลซีเนมาทั่วไปที่มักไม่รองรับงานภาพนิ่งความละเอียดสูง ทั้งในด้านรายละเอียดและการควบคุมสี โดย FX2 เหมาะสำหรับกองถ่าย ทีมโปรดักชันขนาดเล็ก และครีเอเตอร์ที่ต้องการกล้องถ่ายได้ทั้งภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้โทนสีสอดคล้องกันในทุกเฟรม เหมาะกับงานภาพยนตร์ วิดีโอคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย และการใช้ภาพนิ่งต่อยอดในสื่อโฆษณา โปสเตอร์ โปรโมชัน หรือบิลบอร์ด

ด้วยขนาดกะทัดรัด การควบคุมที่เรียบง่ายแต่ยืดหยุ่น และฟังก์ชันครบครัน FX2 จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหากล้อง Cinema Line รุ่นเริ่มต้น โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่เคยใช้กล้องยอดนิยมอย่าง Alpha 7 IV และต้องการยกระดับการทำงานสู่กล้องที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพยนตร์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และดิจิทัลมีเดีย ครีเอเตอร์สายวิดีโอที่ต้องการพัฒนาคอนเทนต์ของตัวเองให้ก้าวสู่ระดับซีนีม่า หรือทีมโปรดักชันขนาดเล็กที่ต้องการงานวิดีโอคุณภาพสูงในงบประมาณที่เข้าถึงได้

ยิ่งไปกว่านั้น โซนี่ยังเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์จากทั่วโลกได้แสดงศักยภาพบนเวทีระดับนานาชาติ ผ่านโครงการประกวด  Sony Future Filmmaker Awards 2026 ที่กำลังเปิดรับผลงานภาพยนตร์สั้นเข้าร่วมแข่งขัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมมอบโอกาสอันล้ำค่าในการพัฒนาฝีมือ เรียนรู้จากมืออาชีพ และก้าวเข้าสู่เครือข่ายวงการภาพยนตร์ระดับสากลอย่างแท้จริง ทั้งนี้ หมดเขตรับผลงานในวันที่ 16 ธันวาคม 2025

ความสามารถในการถ่ายวิดีโอแบบฟูลเฟรมและถ่ายภาพนิ่งในเครื่องเดียว

FX2 มาพร้อมเซนเซอร์ฟูลเฟรมที่ให้ภาพสวยคมชัด พร้อมเอฟเฟกต์โบเก้ที่โดดเด่น เช่นเดียวกับกล้องรุ่นอื่น ๆ ในตระกูล  Cinema Line โดยติดตั้งเซนเซอร์ Exmor R™ แบบ backside-illuminated ความละเอียด 33.0 ล้านพิกเซล1 รองรับค่าไดนามิกเรนจ์กว้างถึง 15+ สต็อป เมื่อใช้งานร่วมกับ S-Log3 ช่วยเก็บรายละเอียดได้อย่างน่าประทับใจทั้งในส่วนสว่างและเงามืด พร้อม Dual Base ISO ที่ระดับ 800 และ 4000 สำหรับ S-Log3  เพื่อรองรับการถ่ายในสภาวะแสงที่หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถปรับค่า ISO สำหรับวิดีโอได้สูงสุดถึง 102,400 ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายในที่แสงน้อย

ในขณะเดียวกัน FX2 ยังรองรับการบันทึกวิดีโอได้หลากหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน รองรับการบันทึกแบบ 4:2:2 10-bit All-Intra และฟอร์แมต XAVC S-I DCI 4K ที่ความเร็ว 24.00p พร้อมระบบระบายความร้อนภายในตัวเครื่องและโครงสร้างที่ช่วยจัดการความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถถ่ายทำต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 13 ชั่วโมงที่ความละเอียด 4K 60p2 อีกทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชันปรับอัตราเฟรมเรตตามต้องการ รองรับการถ่าย 4K สูงสุดที่ 60 เฟรมต่อวินาที (สร้างเอฟเฟกต์สโลว์โมชั่นได้สูงสุด 2.5 เท่า) และสูงสุด  120 เฟรมต่อวินาทีในความละเอียด Full HD (สำหรับสโลว์โมชั่นสูงสุด 5 เท่า)

FX2 ยังมอบทางเลือกการทำงานที่ยืดหยุ่น รองรับการถ่ายแบบ Log ผ่านโหมด Cine EI, Cine EI Quick และ Flexible ISO พร้อมรองรับ LUTs ของผู้ใช้งานได้สูงสุดถึง 16 แบบ เพื่อการพรีวิววิดีโอบนกล้องอย่างแม่นยำระหว่างการถ่ายทำ ผู้ใช้งานยังสามารถสร้างสรรค์ลุคภาพยนตร์ได้อย่างง่ายดายภายในกล้อง ด้วยการตั้งค่า S-Cinetone™ เป็นค่าเริ่มต้น ร่วมกับ  Picture Profile และ Creative Look หลากหลายให้เลือกใช้ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันแสดงผลแบบ desqueeze สำหรับเลนส์อนามอร์ฟิกทั้งแบบ 1.3x และ 2.0x ช่วยให้จัดเฟรมภาพได้อย่างแม่นยำและสะดวกยิ่งขึ้น

การใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายทำคนเดียว (Solo Creator)

FX2 ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงกะทัดรัดและด้านบนแบนราบ เช่นเดียวกับ FX3 และ FX30 ในตระกูล Cinema Line เพื่อรองรับการใช้งานอย่างคล่องตัว ทั้งในกองถ่ายมืออาชีพและทีมขนาดเล็ก ตัวกล้องมาพร้อมจุดยึด UNC 1/4-20 จำนวน 3 จุดในตัว ทำให้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องใส่เคจ และติดตั้งบนขาตั้งได้อย่างยืดหยุ่น เพิ่มอิสระในการจัดอุปกรณ์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมด้ามจับรุ่น XLR-H1 ที่ช่วยให้ควบคุมการถ่ายทำได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อถ่ายแบบ handheld หรือถ่ายในลักษณะไดนามิก โครงสร้างน้ำหนักเบา พกพาง่าย ขนาดตัวเครื่อง 129.7 x 77.8 x 103.7 มม. และน้ำหนักประมาณ 679 กรัม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับช่างภาพที่ถ่ายทำคนเดียวหรือทีมขนาดเล็ก

กล้องยังมาพร้อมระบบโฟกัส Real-time Recognition AF รุ่นพัฒนาขึ้นใหม่ ที่ให้การตรวจจับใบหน้าและวัตถุได้แม่นยำยิ่งขึ้น รองรับการติดตามทั้งคน สัตว์ นก ยานพาหนะ และแมลงได้อย่างชาญฉลาด พร้อมโหมด Auto ที่ช่วยให้ระบบเลือกประเภทวัตถุได้อัตโนมัติ เสริมด้วยฟีเจอร์ Focus Breathing Compensation, AF Assist และการตั้งค่าความเร็วและความไวในการเปลี่ยนโฟกัส เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์ควบคุมโฟกัสได้อย่างละเอียด และสร้างสรรค์ผลงานในสไตล์ภาพยนตร์ได้อย่างมืออาชีพ

ด้านการถ่ายวิดีโอด้วยมือ กล้องรุ่นนี้มาพร้อมโหมด Active Mode และ Dynamic Active Mode ซึ่งเป็นครั้งแรกในซีรีส์  Cinema Line เพื่อเพิ่มความนิ่งของภาพโดยไม่ต้องใช้กิมบอล พร้อมฟีเจอร์ Auto Framing ที่สามารถจัดเฟรมและติดตามตัวแบบอัตโนมัติ แม้กล้องจะถูกติดตั้งอยู่บนขาตั้ง ระบบจะรักษาบุคคลให้อยู่ในจุดเด่นของภาพอย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่ฟังก์ชัน Framing Stabiliser จะช่วยรักษาตำแหน่งของตัวแบบให้อยู่ในจุดเดิมภายในเฟรม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายเคลื่อนไหว ในส่วนของการถ่ายภาพนิ่ง FX2 มาพร้อมเมนู ‘Log shooting’ ใหม่ รองรับการเก็บภาพความละเอียดสูงถึง  33 ล้านพิกเซล เหมาะสำหรับการนำไปเกรดสีในขั้นตอนโพสต์โปรดักชัน3แบบเดียวกับวิดีโอ ทำให้ภาพนิ่งที่ได้สามารถนำไปใช้สร้างสรรค์สื่อประชาสัมพันธ์หรือคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ โดยคง mood & tone ให้สอดคล้องกับงานวิดีโออย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีสวิตช์ MOVIE/STILL ที่สลับโหมดได้อย่างรวดเร็ว และปุ่ม Fn ที่กดค้างเพื่อเลือกโหมดการถ่ายได้ทันที

ฮาร์ดแวร์ปรับปรุงใหม่ แต่ยังคงให้ความคุ้นเคยแบบเดียวกันกับกล้องภาพยนตร์รุ่นอื่น ๆ ของโซนี่

เพื่อเพิ่มความสมจริงและความคล่องตัวในการถ่ายทำ FX2 มาพร้อมช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF)4 ความละเอียดสูง 3.68 ล้านจุด ปรับเอียงได้ และออกแบบมุมมองให้เหมาะกับงานวิดีโอโดยเฉพาะ พร้อมช่องมองภาพลึกเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ขณะเดียวกัน หน้าจอ LCD แบบสัมผัสขนาด 3.0 นิ้วหมุนปรับมุมได้ (Vari-angle) ช่วยให้จัดเฟรมภาพได้จากทุกมุม กล้องยังมีการจัดวางปุ่มควบคุมอย่างเป็นระบบ ทั้งบนตัวเครื่องและรอบด้ามจับ เสริมด้วยไฟ Tally สำหรับแสดงสถานะการบันทึก และหน้าจอ “BIG6” ที่สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ เช่น เฟรมเรต (FPS), ค่า ISO, ความเร็วชัตเตอร์ (มุม/ความเร็ว),  รูรับแสง, พรีเซ็ต Look, สมดุลแสงสีขาว และสถานะฟิลเตอร์ ND

FX2 รองรับการถ่ายวิดีโอแนวตั้ง (Vertical Video) พร้อมการแสดงผลข้อมูลในแนวดิ่งระหว่างถ่ายทำอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับรุ่นที่มาพร้อมด้ามจับ (ILME-FX2) ยังติดตั้งพอร์ต  XLR/TRS จำนวน 2 ช่อง และแจ็คไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. รองรับการบันทึกเสียงดิจิทัลคุณภาพสูงระดับมืออาชีพได้ถึง 4 แชนเนล 24-bit

ด้านการเชื่อมต่อ FX2 รองรับพอร์ต HDMI Type-A สำหรับส่งออกวิดีโอคุณภาพสูงระดับ 4K 60p 4:2:2 10-bit และ 16-bit RAW5 เหมาะสำหรับการบันทึกและมอนิเตอร์ระดับมืออาชีพ พร้อมการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Wi-Fi แบบดูอัลแบนด์ (2.4 GHz  และ 5 GHz)6 และการเชื่อมต่อ LAN ผ่านอะแดปเตอร์ที่รองรับ7 เพื่อความสะดวกในการส่งข้อมูลหรือควบคุมกล้องจากระยะไกล นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB Type-C® รองรับ  SuperSpeed USB 10Gbps และระบบจ่ายไฟ USB Power Delivery (PD) รวมถึงฟังก์ชัน USB streaming และการสตรีมผ่านเครือข่ายในตัว เพื่อตอบโจทย์การทำงานแบบรีโมตโปรดักชันได้อย่างราบรื่น8

นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการเข้าถึงการใช้งานอย่างเท่าเทียม

FX2 ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับแนวคิด “Road to Zero”  ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวของโซนี่ในการมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยกระบวนการผลิตของกล้องรุ่นนี้ดำเนินการในโรงงานที่ใช้พลังงานหมุนเวียน9  100%  สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความยั่งยืนในทุกขั้นตอนการผลิต

นอกจากนี้ FX2 ยังได้รับการออกแบบเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น จึงติดตั้งฟังก์ชันช่วยเหลือ เช่น ระบบอ่านหน้าจอ (Screen Reader)10 และฟีเจอร์ขยายหน้าจอ (Display Magnification) ที่รองรับเมนูหลากหลายรูปแบบ รวมถึงระบบควบคุมที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ทุกระดับ อาทิ

• ระบบโฟกัส Real-time Recognition ที่ช่วยลดความจำเป็นในการปรับค่าด้วยตนเอง

• หน้าจอสัมผัสที่สามารถเข้าถึงเมนูได้โดยตรง

• ปุ่มควบคุมแบบสัมผัสที่มีลักษณะเฉพาะ แยกแยะได้ง่าย

การออกแบบที่ครอบคลุมเหล่านี้ ช่วยให้ FX2 เป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ ที่พร้อมเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ทุกคนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อจำกัดทางกายภาพหรือข้อจำกัดด้านเทคนิคใด ๆ

โซนี่เปิดเวทีระดับโลก! Future Filmmaker Awards 2026  เฟ้นหาครีเอเตอร์รุ่นใหม่

โซนี่ยกระดับวงการครีเอเตอร์ระดับโลกอีกครั้งกับการประกวด  Sony Future Filmmaker Awards ประจำปี 2026 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 โดยความร่วมมือระหว่าง Sony และ Creo เพื่อเฟ้นหาผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนวงการในอนาคต โครงการนี้เปิดกว้างให้ผู้ที่มีใจรักการทำภาพยนตร์จากทั่วโลก ส่งผลงานภาพยนตร์สั้นเข้าประกวดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมมอบโอกาสก้าวสู่เส้นทางอาชีพจริง และเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายผู้สร้างสรรค์ระดับนานาชาติ

ผู้เข้ารอบสุดท้ายจะได้รับเชิญเข้าร่วมโปรแกรมเวิร์กชอปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ Sony Pictures Studios เมืองคัลเวอร์ซิตี้ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 8–11 มิถุนายน 2026 และปิดท้ายด้วยงานประกาศรางวัลสุดยิ่งใหญ่ในวันที่ 11 มิถุนายน 2026 ตลอด 4 วันเต็ม ผู้เข้ารอบจะได้สัมผัสประสบการณ์เบื้องหลังการผลิตภาพยนตร์ผ่านกิจกรรมที่ออกแบบอย่างละเอียดลึกซึ้ง ทั้งเวิร์กชอป การเสวนา และการอบรมจากผู้บริหารระดับสูงของ Sony Pictures ในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ กระบวนการโปรดักชัน การบริหารศิลปิน การเจรจาดีล การจัดซื้อภาพยนตร์ การทำงานกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ เทคโนโลยีการถ่ายทำล่าสุด เทคนิคแอนิเมชัน ไปจนถึงศิลปะการทำดนตรีประกอบภาพยนตร์

เปิดรับผลงาน 5 หมวดหมู่หลัก ได้แก่

• Fiction – ภาพยนตร์แนวเรื่องแต่ง (ความยาว 5–20 นาที) คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย 10 คน ผู้ชนะจะได้รับอุปกรณ์การถ่ายภาพจาก Sony และเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ

• Non-Fiction – ภาพยนตร์สารคดีหรือเนื้อหาข้อเท็จจริง (ความยาว 5–20 นาที) คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย 10 คน ผู้ชนะได้รับรางวัลเช่นเดียวกับหมวด Fiction

• Animation – ภาพยนตร์แอนิเมชันทุกรูปแบบ (ความยาว 2–20 นาที) เช่น สต็อปโมชั่น กราฟิกคอมพิวเตอร์ หรือแอนิเมชันแนวทดลอง คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 คน

• Student – สำหรับนักศึกษาที่กำลังศึกษาในหลักสูตรด้านภาพยนตร์ (ความยาว 5–20 นาที) คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 คน ผู้ชนะและสถาบันจะได้รับอุปกรณ์การถ่ายภาพจาก Sony

• Future Format – หมวดหมู่พิเศษสำหรับวิดีโอแนวตั้งอัตราส่วน 9:16 (ความยาว 2–5 นาที) ไม่จำกัดแนวหรืออุปกรณ์ ผู้ชนะจะได้เข้าร่วมโปรแกรมที่ลอสแอนเจลิส พร้อมรับเงินรางวัล 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ และอุปกรณ์จาก Sony

ประกาศผลรางวัล

ผู้ชนะในหมวด Fiction, Non-Fiction, Animation และ  Student  จะได้รับการประกาศในพิธีมอบรางวัลวันที่ 11  มิถุนายน 2026 ส่วนหมวด Future Format จะประกาศผลผู้ชนะและผู้ได้รับการคัดเลือกในเดือนเมษายน 2026 นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษ “Sustainability Prize” ซึ่งจัดโดย Sony และ  Creo เพื่อยกย่องภาพยนตร์สั้นที่ถ่ายทอดประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการเข้าถึงได้อย่างสร้างสรรค์ โดยผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมอุปกรณ์โซนี่ และการโปรโมตผ่านช่องทางต่าง ๆ ของโครงการ ทั้งนี้ หมดเขตรับผลงานวันที่ 16 ธันวาคม  2025  และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือส่งผลงานได้ที่เว็บไซต์  sonyfuturefilmmakerawards.com

กำหนดการวางจำหน่าย

FX2 พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• กล้อง FX2 เฉพาะบอดี้ (ILME-FX2B) ราคา 95,990 บาท

• กล้อง FX2 พร้อมชุดด้ามจับ XLR (ILME-FX2) ราคา 109,990 บาท

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์  www.sony.co.th เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมสัมผัสประสบการณ์การถ่ายภาพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยจากโซนี่ ได้ที่โซนี่ สโตร์ ทุกสาขา, ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านผู้แทนจำหน่ายกล้องชั้นนำที่ได้รับการคัดสรรทั่วประเทศ

# # #

1สำหรับภาพนิ่ง ความละเอียดสูงสุด 27.6 เมกะพิกเซลสำหรับวิดีโอ

2ผ่านการทดสอบภายในของ Sony โดยใช้แหล่งจ่ายไฟผ่าน USB, รูปแบบบันทึก XAVC S-I (All-I), ความละเอียด 4K 60p 10-bit 4:2:2, อุณหภูมิแวดล้อม 25 องศาเซลเซียส (ทั้งภายนอกและตัวกล้องขณะเริ่มบันทึก), ตั้งค่า “ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อร้อน” ไว้ที่ High, และพัดลมระบายความร้อนตั้งค่าเป็น Auto ระยะเวลาการบันทึกจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการถ่ายทำ โดยเวลาการถ่ายทำต่อเนื่องสูงสุดต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 13 ชั่วโมง (เป็นขีดจำกัดตามสเปกของผลิตภัณฑ์)

3โปรแกรม DaVinci Resolve ของ Blackmagic Design จะรองรับไฟล์ภาพนิ่ง RAW (ฟอร์แมต Sony ARW) ของรุ่นนี้ภายในปีนี้

4ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) สามารถปรับมุมได้ตั้งแต่ 0° ถึง +90° เพื่อการถ่ายภาพในมุมที่ยืดหยุ่น โดยอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งผ่านช่อง Multi Interface (MI) อาจรบกวนการปรับมุม EVF กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ฝ่ายสนับสนุนของ Sony เพื่อดูข้อมูลความเข้ากันได้

5ภาพที่ส่งออกจะมีมุมมองเทียบเท่าเซนเซอร์ขนาด APS-C หรือ Super 35 มม.

6ย่านความถี่ 5 GHz อาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางประเทศหรือภูมิภาค

7จำเป็นต้องใช้อะแดปเตอร์ USB-LAN ที่มีจำหน่ายทั่วไป

8จำเป็นต้องใช้แหล่งจ่ายไฟภายนอกที่รองรับ USB Power Delivery (PD) โดยต้องมีเอาต์พุต 9V/3A หรือสูงกว่า และสาย USB Type-C ที่รองรับกระแส 3A ขึ้นไป

9เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์นี้ใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ และลดการใช้พลาสติกโดยไม่ลดทอนคุณภาพในการปกป้องสินค้า ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราต่อการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยยังคงรักษามาตรฐานคุณภาพในระดับสูงสุด

10อาจจำเป็นต้องดาวน์โหลดไฟล์ภาษาที่รองรับเพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดได้จากคู่มือการใช้งาน (Help Guide)

Leave feedback about this

  • Quality
  • Price
  • Service

PROS

+
Add Field

CONS

+
Add Field
Choose Image
Choose Video