OTHER REVIEWS

สเปคกล้องมือถือ อ่านให้ขาด ใช้ให้เป็น อย่าเน้นเฉพาะความละเอียด

กล้องสมาร์ทโฟน หรือมือถือ มีส่วนประกอบหลายอย่างที่มีส่วนช่วยให้คุณภาพไฟล์ออกมาดี  ได้รูปออกมาชัด สวย หลายคนยังคงเข้าใจผิดว่าการเน้นที่ความละเอียดสูงๆจะช่วยให้ภาพที่ออกมาดีที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วนั่นเป็นเพียงแค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น มาดูกันดีกว่าครับว่า กล้องมือถือมีองค์ประกอบอะไรบ้างที่ทำให้ได้ภาพดี ภาพสวย

1. ความละเอียดของเซ็นเซอร์
จะแสดงค่าเป็นตัวเลข เช่น 8 ล้านพิกเซล 12 ล้านพิกเซล 20 ล้านพิกเซล เป็นตัวเลขที่ผู้คนจำนวนมากเข้าใจว่ายิ่งตัวเลขมากยิ่งได้ภาพที่มีความคมชัดมากตามไปด้วย เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด  จริงๆ ประโยชน์ของตัวเลขความละเอียดนี้มีส่วนสำคัญหลักๆ 2 ประการคือ หนึ่ง ช่วยให้กล้องเก็บรายละเอียดของภาพได้มากกว่า เซ็นเซอร์ความละเอียดสูงก็จะมีความสามารถในการเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีกว่าเซ็นเซอร์ความละเอียดตํ่า  และสองหากนำรูปที่ได้จากกล้องเซ็นเซอร์ความละเอียดสูงไปขยายเป็นภาพขนาดใหญ่ จะสามารถขยายได้ขนาดใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ความละเอียดตํ่าโดยที่ภาพยังมีความคมชัดอยู่  หรือหากขยายในขนาดเท่ากัน จะสังเกตได้ว่าภาพจากกล้องเซ็นเซอร์ความละเอียดสูง จะมีรายละเอียด สีสันที่ดีกว่า  ตรงนี้หลายๆ คนเรียกเหมารวมว่าเซ็นเซอร์ความละเอียดสูงๆ จะได้ภาพชัดกว่า เวลาจะซื้อจึงมักจะเน้นไปที่ความละเอียดสูงๆ ไว้ก่อน

2. ขนาดของเซ็นเซอร์  
ย้อนหลังไปเมื่อประมาณ  3 –4 ปีก่อน   กล้องสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่นั้นจะใช้เซ็นเซอร์ขนาด  1/3.2”  บางรุ่นอาจจะขยับมาใช้เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น  1/2.8” ปัจจุบันกล้องสมาร์ทโฟนหันมาให้ความสำคัญกับขนาดเซ็นเซอร์มากขึ้น บางรุ่นใช้เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่เช่น  1/1.7” หรือ 1/ 1.5”   ซึ่งขนาดเซ็นเซอร์ของกล้องสมาร์ทโฟนนี้มีขนาดเล็กกว่ากล้องคอมแพค และยิ่งเล็กมากเมื่อนำไปเทียบกับกล้อง DSLR หรือ Mirrorless  เซ็นเซอร์จะเป็นตัวรับสัญญาณแสงเพื่อนำมาแปลงให้เป็นสัญญาณดิจิตอล และจะส่งข้อมูลไปยังซิปประมวลผลเพื่อประมวลผลออกมาเป็นไฟล์ภาพ  เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่จะมีพื้นที่ในการรับแสงมากกว่า เกิดความร้อนน้อยกว่า และสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่า และยังมีสัญญาณรบกวนหรือ noise น้อยกว่าด้วย  (noise จะมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ ในภาพ จะเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเมื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือถ่ายภาพเวลากลางคืน)  ปัจจุบันกล้องสมาร์ทโฟนหลายมีการรุ่นระบุขนาดของเซ็นเซอร์ให้ผู้ซื้อได้ทราบ แต่ยังมีอีกจำนวนมากที่ไม่ระบุสเปคนี้ให้ทราบ

3. ขนาดของพิกเซล  Pixel  
คือส่วนรับแสงที่มีขนาดเล็กที่เป็นองค์ประกอบหลักและวางรวมตัวกันอยู่ในเซ็นเซอร์ จะทำหน้าที่รับแสงสะท้อนที่ส่งมาจากเลนส์ถ่ายภาพนำมารวมกันเพื่อสร้างภาพ ขนาดของพิกเซลนี้มีผลโดยตรงทั้งต่อความคมชัด รายละเอียด สีสันของภาพ ยิ่งขนาดของพิกเซลใหญ่มากเท่าใดก็สามารถรับแสงได้มากกว่า ทั้งในการถ่ายภาพเวลาปรกติ หรือถ่ายภาพในที่แสงน้อย ทำให้ภาพที่ได้สว่าง สดใสและคมชัดมากขึ้น  ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น โดยที่ยังเก็บรายละเอียดทั้งในส่วนสว่างและส่วนมืดเอาไว้ได้ดีกว่าเซ็นเซอร์ที่มีขนาดของพิกเซลเล็ก

ปัจจุบัน กล้องสมาร์ทโฟนหลายรุ่นโดยเฉพาะรุ่นระดับกลางขึ้นไป  ไม่ได้เน้นที่การใช้เซ็นเซอร์ความละเอียดสูงๆ แต่หันมาแข่งขันกันเรื่องขนาดของเซ็นเซอร์ และขนาดของพิกเซล ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของภาพ แต่ยังมีปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ช่วยให้ได้ภาพที่ดีนอกเหนือจากองค์ประกอบของเซ็นเซอร์ทั้งสามข้อที่กล่าวมาแล้ว

ซ้าย : Hasselblad True Zoom  เลนส์ซูมที่นำมาติดกับสมาร์โฟน Moto  ใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว f/3.5-6.5 ความละเอียด  12 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.55 ไมครอน
ขวา : Asus Zen Fone Zoom และเลนส์ Optical Zoom

4. เลนส์ถ่ายภาพและขนาดรูรับแสง  
สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะมาพร้อมเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสคงที่ และส่วนมากจะเป็นเลนส์มุมกว้างที่มีทางยาวโฟกัสประมาณช่วงระยะที่ 20-35 มม. โดยเฉพาะกล้องหน้าสำหรับถ่ายเซลฟี่จะใช้เลนส์มุมกว้างที่มีทางยาวโฟกัสน้อยกว่ากล้องหลัง  ข้อดีของเลนส์มุมกว้างคือสามารถถ่ายภาพต่างๆได้หลากหลาย ครอบคลุมการถ่ายภาพแทบทุกประเภท แต่สิ่งที่ตามมาคือความบิดเบี้ยวของภาพที่เกิดจากเลนส์มุมกว้าง โดยเฉพาะหากถ่ายภาพในระยะใกล้ความบิดเบือนของภาพจะยิ่งมากตาม  สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เลนส์  มีการใช้ชิ้นเลนส์คุณภาพสูงจากบริษัทผลิตกล้องและเลนส์ชั้นนำที่มีชื่อเสียง  เช่น  Leica, Carl Zeiss, Hasselblad, Sony G, Schneider-Kreuznach เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานว่าจะได้ภาพที่คมชัด มีรายละเอียดสูงและโทนสีที่เป็นธรรมชาติ  ไม่แพ้ภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพอย่าง DSLR หรือ Mirrorless  มีสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่มาพร้อมเลนส์ซูมแบบ Optical Zoom ที่สามารถซูมภาพได้ด้วยการใช้เลนส์ซูมโดยไม่สูญเสียรายละเอียดเหมือนกับการใช้ Digital Zoom เช่น Samsung Galaxy K-Zoom , Asus ZenFone Zoom

ปัจจุบันยังมีการนำเทคโนโลยีกล้องคู่ Dual Camera เพื่อใช้ถ่ายภาพ 3 มิติ และดูภาพได้โดยตรงที่จอสมาร์ทโฟน  (ที่ใช้ใน LG Optimus 3D) หรือเลนส์ชุดแรกเป็นเลนส์มุมกว้างและชุดที่สองเป็นเลนส์เทเลโฟโต้เพื่อเก็บภาพให้มีระยะความชัดลึกที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นใน  iPhone 7   หรือ Huawei P9, P10 ที่ใช้เลนส์ชุดที่สองเก็บภาพแบบ Monochrome หรือภาพขาวดำ หรือถ่ายภาพจากทั้งสองเลนส์แล้วนำภาพที่ได้ไปรวมกันจะทำให้โทนสีของภาพมีการไล่โทนที่สวยงาม เป็นธรรมชาติมากขึ้น

ขนาดรูรับแสงของเลนส์ จะแสดงเป็นค่า f เช่น  f1.7 f2.0 f2.2  ตัวเลขนี้จะเป็นตัวกำหนดปริมาณแสงที่สามารถผ่านเข้าไปในเลนส์ได้ ตัวเลขน้อยหมายถึงเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง แสงจะสามารถผ่านเข้าไปได้มากกว่าตัวเลขมาก จะได้เปรียบทั้งการถ่ายภาพในสภาพแสงทั่วไปและสภาพแสงน้อย ดังนั้นควรเลือกเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างเอาไว้ก่อน  ตัวเลขค่ารูรับแสงนี้จะมีระบุไว้ที่สเปคกล้องทุกตัวครับ

ซ้าย : กล้องคู่ของ Huawei P9
ขวา : ระบบกันสั่นแบบ 5 แกน ที่ใช้ใน Sony Xperia XZ

5. ระบบโฟกัส  

กล้องหลังของสมาร์ทโฟนตั้งแต่ยุคหลังปี 2005 เป็นต้นมา ระบบโฟกัสที่ใช้จะเป็นแบบออโต้โฟกัสทั้งหมด  ปัจจุบันระบบออโต้โฟกัสในกล้องสมาร์ทโฟนได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูง มีระบบการทำงานเช่นเดียวกับที่ใช้ในกล้อง DSLR หรือ Mirrorless  สามารถโฟกัสได้รวดเร็วและแม่นยำ  และยังโฟกัสตามวัตถุเคลื่อนที่ได้ด้วย ทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัดสูง  มีทั้งระบบโฟกัสด้วยเลเซอร์ ระบบ Phase Detection ระบบ Contrast Detection หรือเป็นแบบไฮบริดจ์ที่รวมเอาการทำงานของระบบโฟกัสหลายชนิดให้กล้องเลือกใช้งานให้เหมาะกับสถานการณ์การถ่ายภาพที่ใช้งานอยู่  ปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนหลายรุ่นเริ่มมีการนำเอาระบบออโต้โฟกัสมาใช้กับกล้องหน้ามากขึ้น

6. ฟีเจอร์อื่นๆ
เช่น ระบบกันสั่น ช่วยให้การถ่ายภาพโดยการถือถ่ายด้วยมือ หรือถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย กล้องยังคงรักษาคมคมชัดไว้ได้มากที่สุด ระบบกันสั่นที่ทำงานแบบหวังผลได้คือระบบกันสั่นที่เลนส์ หรือ OIS – Optical Image Stabilizer ที่จะใช้การขยับชิ้นเลนส์เพื่อไปชดเชยการสั่นของมือที่จับกล้อง เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดมากที่สุด  ระบบกันสั่นในสมาร์ทโฟนอาจจะเห็นผลไม่ชัดเจนมากกับการถ่ายภาพนิ่ง  แต่ทำงานได้ดีมากกับการถ่ายวีดีโอ การเลือกเปิดหรือปิดระบบนี้กับการถ่ายวีดีโอให้ผลภาพที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดครับ

อุปกรณ์เสริมแฟลชขนาดเล็ก และเลนส์

7. Application
หรือ โปรแกรมสำหรับแต่งภาพ ที่มีให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแต่งหน้าเนียน ปรับรูปใบหน้า แต่งหน้าให้ขาว ใส่ตัวอักษรหรือสติ๊กเกอร์ลงในรูป และอื่นๆอีกมาก  App. ส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมจะเป็นการดาวน์โหลดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้งานง่าย ได้รูปสวยตรงตามที่ต้องการ  ปัจจุบันสมาร์ทโฟนจำนวนไม่น้อยที่ได้นำเอาคุณสมบัติการแต่งภาพหลากหลายแบบมาไว้ในตัวกล้อง เมื่อถ่ายภาพเสร็จสามารถเรียกดูภาพและแต่งภาพได้ทันทีโดยไม่ต้องอาศัย App. ใดๆ นอกจากนี้แล้วยังมีอุปกรณ์เสริมต่างๆอีกมากมายที่นำมาใช้งานกับกล้องสมาร์ทโฟน เช่น ไฟแฟลช LED ขนาดเล็ก เลนส์ขนาดต่างๆ ทั้งเลนส์ซูม เลนส์มุมกว้าง เลนส์ตาปลา และเลนส์ถ่ายใกล้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชิ้นเลนส์พลาสติค ที่ให้ภาพแปลกตาแต่จะลดคุณภาพของภาพลงพอสมควร  หากซีเรียสในเรื่องคุณภาพ ควรคำนึงถึงข้อนี้ก่อนการซื้อมาใช้งาน

8. แฟลช
มีทั้งแฟลชแบบ 1 ดวง / 2 ดวง และแบบสีเดียว สองสี  ใช้หลอดไฟหลายชนิดเพื่อให้ความสว่าง เช่น LED, Xenon มีข้อควรระวังคือ ไฟแฟลชจะให้แสงที่แรงและแสงจะแข็งทำให้ภาพดูไม่เป็นธรรมชาติ  และแฟลชของสมาร์ทโฟนมีระยะการทำงานที่น้อยมาก ที่สำคัญคือการใช้แฟลชจะใช้พลังงานมาก ทำให้แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหมดเร็วขึ้น

ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้สมาร์ทโฟนที่ใช้กล้องคุณสมบัติดีๆ  ใช้เซ็นเซอร์ และเลนส์คุณภาพสูง มีโหมดการทำงานให้เลือกใช้หลากหลาย  มีราคาถูกลง แม้แต่สมาร์ทโฟนที่มีราคาหลักพันก็ยังมีกล้องที่ดีๆ ให้เลือกใช้มากมายหลายรุ่น  อย่างไรก็ตามมีข้อพึงระลึกไว้เสมอว่าการจะได้ภาพถ่ายที่ดี ไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์เป็นหลัก ภาพที่ดี เกิดจากมุมมอง การคิดและรู้จักใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เต็มประสิทธิภาพ การถ่ายภาพด้วยกล้องสมาร์ทโฟนก็เช่นเดียวกัน  หากเราคิดและพัฒนามุมมองใหม่ๆ  เรียนรู้ถึงความสามารถ และข้อจำกัดของอุปกรณ์ที่มีอยู่เป็นอย่างดี และออกไปถ่ายภาพบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยให้เราได้ภาพถ่ายที่ดีเช่นกันครับ

เรื่อง / ภาพ : สมศักดิ์ ทัศนเศรษฐ

อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^


หรือสนใจดูเรื่องราวเกี่ยวกับ Smart Phone ที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่
https://test2.fotoinfo.online/mirrorless-smart-phone/smart-phone-corner/