จะเชื่อจอ หรือถ่าย RAW file ดี?
คำถามหนึ่งที่มีมากับยุคกล้องดิจิตอล นั่นคือ จบหลังกล้อง หรือจบหลังคอม ซึ่งเป็นคำถามที่อาจจะถกเถียงกันไม่จบว่าแบบไหนดีกว่า ช่างภาพบางคนอาจจะบอกว่า จบหลังกล้องสิ มันแสดงถึงความเป็นมืออาชีพในการปรับตั้งค่ากล้อง บางคนบอก ยังไงๆ การใช้งานไฟล์ภาพ ก็ต้องเอาไปปรับแต่งอีกอยู่ดี ..นั่นล่ะครับ
ซึ่งจะว่าไปแล้ว ความสะดวกของการถ่ายภาพในยุคกล้องดิจิตอล คือ สามารถเปิดภาพที่ถ่ายไปแล้ว มาเช็กความถูกต้องได้เลย ว่าตรงตามที่ต้องการหรือไม่ ถ้าเป็นภาพที่ต้องการแล้ว ก็เก็บในเมมโมรี่การ์ดเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ตรง ก็แค่ลบทิ้งไป แล้วถ่ายใหม่อีกครั้ง โดยปรับแก้ไขให้ตรงตามความต้องการมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ กล้อง Mirrorless ที่สามารถมองเห็นการปรับตั้งกล้องได้แบบ Live View ซึ่งเห็นภาพจริงตั้งแต่การปรับตั้ง ยิ่งช่วยให้ได้ภาพที่ตรงตามความต้องการได้มากขึ้นด้วย
สำหรับ file format ของกล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป จะเลือกได้อย่างน้อยสองรูปแบบ คือ JPEG file เป็นภาพที่กล้อง process แล้วบันทึกเป็นภาพจริง ที่สามารถนำไปใช้งาน อาทิ โพสลงในโซเชียลมิเดียต่างๆ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ค หรือนำไฟพิมพ์ลงบนกระดาษพิมพ์ภาพ หรือนำไปสร้างสรรค์งานโฆษณาต่างๆ ได้เลย ข้อดีคือ เป็นไฟล์ที่ถูกบีบอัดให้มีขนาดเล็กลง ไม่เปลืองพื้นที่เก็บ และนำไฟใช้งานได้ทันที ข้อเสียคือ ถ้าหากปรับตั้งค่ากล้องผิดพลาด เช่น สีเพี้ยน จะปรับแก้ไขได้ยาก และเมื่อปรับแก้ไขแล้ว คุณภาพของภาพก็จะลดจากไฟล์ต้นฉบับลงไปอีกแน่นอน
JPEG file สะดวกที่สามารถอัพโหลดมายังมือถือ แล้วส่งต่อให้ผู้อื่น หรืออัพโหลดไปยังโซเชี่ยลต่างๆ ได้เลย
อีกรูปแบบหนึ่งคือ RAW file ซึ่งเป็นไฟล์ภาพที่ยังไม่มีการ process ใดๆ แค่บันทึกข้อมูลดิบเก็บไว้ในเมมโมรี่การ์ดเฉยๆ ถ้าจะนำไปใช้งานจะต้อง process ด้วยตัวเองก่อน จากโปรแกรมตกแต่งภาพของกล้อง หรือโปรแกรมอื่นที่รองรับ เช่น photoshop หรือ lightroom แล้วบันทึกเป็นไฟล์ JPEG หรือ TIFF ก่อนนำไฟใช้งานนั่นเอง ข้อดีคือ มีความยืดหยุ่น สามารถปรับแก้ไขการตั้งค่าของกล้อง เช่น ความคมชัด โทนสี หรือได้อีกไวท์บาลานซ์ได้ใหม่อีก ข้อดีคือ ได้ไฟล์ภาพที่มีคุณภาพเต็มตามความละเอียดของกล้อง โดยต้นฉบับยังคงคุณภาพเช่นเดิม สามารถปรับแต่งจากค่าเดิมได้เหมือนกับการถ่ายภาพใหม่อีกครั้ง ส่วนข้อเสียคือ เป็นไฟล์ภาพขนาดใหญ่ เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ และไม่สามารถเอาไปใช้งานได้ทันที
แน่นอนว่า เมื่อเป็นกล้องดิจิตอล ก็สามารถดูภาพที่ถ่ายไปแล้วจากจอมอนิเตอร์ หรือวิวไฟน์เดอร์อิเลกทรอนิกส์ ได้ทันที ซึ่งเป็นความสะดวกของช่างภาพในยุคนี้นั่นเอง และจอมอนิเตอร์ ของแต่ละค่ายกล้อง แต่ละรุ่นกล้อง ก็อาจจะมีความละเอียด และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน จนมีคำถามว่า จอกล้องรุ่นนั้นรุ่นนี้สีตรงมั๊ย ทำไมจอกล้องรุ่นนี้ติดเหลือง ติดแดง ซึ่งก็เป็นปัญหาที่ช่างภาพรุ่นใหม่ๆ อาจจะหงุดหงิดกับจอมอนิเตอร์บ้าง จนบางคนที่ต้องการคุณภาพและความเที่ยงตรงของไฟล์จริงๆ บันทึกภาพเป็น RAW file อย่างเดียว
ซึ่งจริงๆ แล้ว ไฟล์ภาพตอนท้ายสุดก็คือคำตอบ ถ้าหากเอาไฟล์ RAW file ไป process เองอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องซีเรียสกับสีสันของจอ แค่ดูว่าการวางเฟรม หรือองค์ประกอบรวมๆ ของภาพดีแล้วก็พอ ส่วนใครที่รู้ว่าจอกล้องสีตรงหรือไม่ตรงยังไง และถ่ายแค่ไฟล์ JPEG file ก็แค่ปรับตั้งกล้องให้ออกมาตามที่ต้องการ อาจจะปรับแก้สีตามความเพี้ยนของจอสักหน่อยก็ได้ เท่านั้นก็ตอบโจทย์การใช้งานได้เพียงพอแล้ว..ก็จบครับ
การถ่ายภาพท่องเที่ยวทั่วๆ ไป ดูภาพผ่าานจอ ถ่ายเป็นไฟล์ JPEG ถ่ายเสร็จก็อัพโหลดส่งให้เพื่อนๆ ดูได้เลย สะดวกและง่ายกว่ามาก
ภาพถ่ายที่มีความซีเรียสในเรื่องสีสัน หรือภาพถ่ายเพื่อการโฆษณา ที่ต้องการทั้งคุณภาพ การเก็บรายละเอียดต่างๆ และสีสันของภาพ การถ่ายเป็นไฟล์ RAW หรือ RAW + JPEG จะตอบโจทย์กาารทำงานมากกว่า
การเชื่อจอ ถ่าย JPEG อย่างเดียว
ข้อดี
ให้ความสะดวกและรวดเร็ว เห็นผลลัพธ์ของภาพทันที ไม่ต้องเสียเวลาแก้ไข เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเร่งด่วน ไม่ต้องการเสียเวลาปรับแต่งรูปในภายหลัง รวมทั้งไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บด้วย
ข้อเสีย
การมองภาพจากจอ อาจจะมีความผิดเพี้ยนจากการสะท้อนของแสงบ้าง หรือคุณภาพของไฟล์อาจไม่ดีอย่างที่คาดหวัง โดยเฉพาะเมื่อถ่ายภาพในสภาพแสงที่ยุ่งยาก นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดในการปรับแต่งภาพ ถ้าตั้งค่ากล้องผิดพลาด อาจทำให้ปรับแต่งภาพได้ยาก และคุณภาพของภาพลดลง
การถ่าย RAW file
ข้อดี
ได้ไฟล์ภาพคุณภาพสูง ข้อมูลจะไม่ถูกบีบอัด สามารถเก็บรายละเอียดของภาพ และ dynamic range ได้ดีกว่า JPEG file มีความยืดหยุ่นในการแก้ไขแสง สี รวมทั้งรายละเอียดในการปรับตั้งค่าของไฟล์ภาพได้อย่างอิสระ
ข้อเสีย
เป็นขนาดไฟล์ใหญ่ ใช้พื้นที่จัดเก็บมากกว่ารูปแบบ JPEG file รวมถึงต้องใช้เวลาในการ process หรือแก้ไขเพิ่มเติมในตัวกล้องเองสำหรับบางรุ่น หรือปรับแต่งจากโปรแกรมตกแต่งภาพ ก่อนจะนำไฟล์ภาพใช้งานจริง
สรุป
ไม่ใช่เรื่องผิด หรือถูกสำหรับทั้งสองวิธีการ แต่อยู่ที่วัตถุประสงค์และการใช้งานของแต่ละบุคคลมากกว่าครับ ถ้าหากว่าต้องการไฟล์ภาพคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่นในการแก้ไข และเลือกบันทึกไฟล์ที่คุณภาพสูงสุด RAW file เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็ว การเชื่อจอและถ่ายแค่ JPEG file อาจเหมาะกว่าในบางสถานการณ์ที่อยากจะเอาภาพไปใช้งานทันทีหลังถ่ายเสร็จ
สำหรับตัวแอดมินเอง ถ่ายเป็นไฟล์ RAW + JPEG ครับ แน่นอนว่าเปลืองเมมโมรี่มาก ทั้งตอนถ่ายภาพและการจัดเก็บในภายหลัง แต่ก็สามารถเลือกไฟล์สำหรับการใช้งานรูปแบบต่างๆ ได้สะดวกขึ้น ถ่ายเสร็จอยากจะส่ง line ให้เจ้าของงานเลย ก็แค่โหลดไฟล์ JPEG มาส่งก่อน ส่วนภาพที่ซีเรียสหน่อย อยากจะเอาไปขยายใหญ่ๆ ก็เอา RAW file ไป process แล้วส่งให้ภายหลังครับ แต่ยังไงๆ ก็ต้องมีคนขอดูหลังกล้องตอนถ่ายเสร็จแล้วแน่ๆ ล่ะ
..เพื่อนๆ ล่ะครับ ตั้งค่ากล้องแบบไหนกันบ้าง…
Leave feedback about this