ในช่วงฤดูนกอพยพนี้ ผมมักจะถูกถามเข้ามามากเป็นพิเศษเกี่ยวกับเลนส์ที่เหมาะสำหรับถ่ายภาพนก และพิเศษกว่านั้นอีกคือ ในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งแน่นอนว่าเลนส์ซุปเปอร์เทเลโฟโต้ทุกตัวสามารถถ่ายภาพนกให้มีขนาดที่ใหญ่กว่าที่ตาเห็นได้ แต่ถ้าหากว่ามีเงื่อนไขในการถ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ราคา ความคล่องตัว คุณภาพ หรือแม้แต่สถาการณ์หรือสถานที่ที่ผู้ถามกำหนดไว้แล้วว่าเป็นสถานที่แบบใด การแนะนำยิ่งต้องคิดแล้วคิดอีกว่า จะแนะนำตัวไหนถึงจะคุ้มค่าและตัดสินใจเลือกมาใช้ได้ง่ายที่สุด และผมก็ไปเจอบทความจากเว็บต่างประเทศที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้นำมาแปล/เรียบเรียงให้ได้อ่านกันครับ


เลนส์ที่ผมจะแนะนำนี้ประกอบด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ที่ดีมากๆ ซึ่งเลนส์บางตัวผมใช้เวลากับมันนานพอ และบางตัวก็เคยจับแค่ผ่านๆ แต่ก็พอจะนำมาเล่าสู่ฟังได้ ซึ่งผมคิดว่าเลนส์เหล่านี้จะดีพอสำหรับการแนะนำต่อให้ผู้ที่สนใจในการถ่ายภาพนกครับ เพราะเลนส์เหล่านี้มีประสิทธิภาพความเร็วโฟกัสสูง ติดตามวัตถุได้รวดเร็ว ในราคาที่คนถ่ายภาพนกทั่วๆ ไปสามารถเอื้อมถึงได้ ไม่ว่าคุณจะถ่ายนกตามธรรมชาติหรือนกหลังบ้านคุณเองก็ตาม
ผมได้รวบรวมตัวเลือกสำหรับเมาท์เลนส์หลักๆ ที่ใช้มีการใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ทั้งระบบมิเรอร์เลสและ DSLR ดังนั้นไม่ว่าคุณจะใช้กล้องอะไร เลนส์ที่ผมจะแนะนำน่าจะครอบคลุมสำหรับสายนกครับ

1. SIGMA 150-600mm f/5-6.3 DG OS HSM Sport
- เมาท์ : Canon EF, Nikon F, SIGMA SA
- ออโต้โฟกัส : Ultrasonic (ring-type)
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด 2.6 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด 0.2x
- ฟิลเตอร์ 105 มม.
- ขนาด 121 x 290 มม.
- น้ำหนัก : 2,860 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ เลนส์ที่มีโครงสร้างแข็งแรงดีเยี่ยม
+ ให้คุณภาพของภาพระดับสุดยอด
สิ่งที่ควรทราบ :
– มีความยาวมากเมื่อใช้งานที่ซูมระยะสูงสุด
– น้ำหนักมากเกือบ 3 กิโลกรัม
เลนส์เทเลซูมซีรี่ส์ Sport ระดับมืออาชีพ (pro-grade zoom) ที่สุดยอดทั้งประสิทธิภาพและความเร็ว มอเตอร์ออโต้โฟกัสความเร็วสูงแบบ super-fast ring-type ultrasonic มีระบบกันสั่นที่เลือกใช้งานได้ทั้งในโหมดปรกติและแพนภาพ (panning modes), สามารถปรับจูนโฟกัสและอัพเดทเฟิร์มแวร์ผ่าน USB Dock กระบอกเลนส์มีซีลป้องกันแบบ fully weather-sealed รองรับการใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศ เลนส์ชิ้นหน้าสุดเคลือบผิวด้วย fluorine กันการเกิดรอยนิ้วมือและคราบน้ำ ให้คุณภาพของไฟล์ภาพที่สุดยอดตลอดการใช้งานทุกช่วงซูม ใช้งานได้กับ Canon EF / Nikon F หรือกับ Canon RF / Nikon Z ผ่านอแดปเตอร์
ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : ยังไงซะเลนส์ตัวนี้ก็ยังเป็นเลนส์มหาชนที่คนสนใจถ่ายภาพนกมักจะให้ความสนใจเป็นลำดับต้นๆ เพราะราคาที่สามารถเอื้อมถึง คุณภาพกับระยะที่คุ้มค่า จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นเลนส์ตัวนี้ในสังคมคนถ่ายนกทั้งมือใหม่และเก่าครับ มันคุ้มมากที่จะจัดหามาประจำการ

2. Sigma 500mm F5.6 DG DN OS Sports
- เมาท์ : L-mount
- ออโต้โฟกัส : HLA (High-response Liner Actuator)
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด : 3.2 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด 0.17x
- ฟิลเตอร์ 95 มม.
- ขนาด 108 x 235 มม.
- น้ำหนัก : 1,370 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง
+ คุณภาพของภาพยอดเยี่ยม
+ ระบบกันสั่นและโฟกัสอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ควรทราบ :
– เทเลคอนเวอร์เตอร์ Sigma ใช้ได้เฉพาะกับเมาท์ L เท่านั้น
– ขาดความคล่องตัวในการใช้งานแบบซูม
เลนส์ไพรม์ซูเปอร์เทเลโฟโต้โดยทั่วไปมักถูกมองว่ามีสองปัจจัย คือ ราคาแพงเกินไป และหนักมากเกินไป อย่างไรก็ตาม เลนส์ Sigma 500mm F5.6 DG DN OS Sports ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่นี้ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัม เลนส์นี้ไม่ได้เบามาก แต่เป็นเลนส์ที่คุณสามารถถือถ่ายได้เป็นเวลานานโดยไม่ทำให้แขนเมื่อยล้า และด้วยราคา 2,779 ปอนด์/2,999 ดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าไม่ถูกนัก แต่ก็เข้าถึงได้ง่ายกว่าเลนส์ไพรม์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ระดับไฮเอนด์ ซึ่งอาจมีราคาสูงถึงห้าหลัก
เลนส์นี้ยังเป็นเลนส์ที่ยอดเยี่ยมในตัวของมันเอง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพกีฬาและสัตว์ป่า ด้วยระบบกันสั่นไหว 5 สต็อป ที่มีประสิทธิภาพ และออโต้โฟกัสที่รวดเร็วเป็นพิเศษ มีความสามารถมากพอที่จะตอบสนองความต้องการรายละเอียดของเซนเซอร์ Sony ที่มีความละเอียดสูง และจากการทดสอบ ฉันพบว่ามันสามารถบันทึกภาพที่มีความคมชัดได้อย่างสม่ำเสมอ แม้ในสถานการณ์ที่แสงน้อยก็ตาม

ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : ผมเคยใช้งานเลนส์ตัวนี้เมื่อครั้งที่มันเปิดตัวใหม่ๆ อย่างแรกเลย ผมชอบขนาดของมันมาก และระยะ 500mm กับราคานี้ ผมว่าหลายคนสามารถจับต้องได้ และคุณภาพของมันก็เหมาะสมกับราคา มันเป็นเลนส์ที่ดีใช้สนุกมาก และหวังพึ่งการใช้งานภาพถ่ายที่ได้จากเลนส์ตัวนี้ที่เรียกได้ว่าเกินราคาของมันเลยทีเดียวครับ

3. Tamron SP 150-600mm f/5-6.3 Di VC USD G2
- เมาท์ : Canon EF, Nikon F,
- ออโต้โฟกัส : Ultrasonic (ring-type)
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด 2.2เมตร
- อัตราขยายสูงสุด 0.16x
- ฟิลเตอร์ 95 มม.
- ขนาด 108 x 260 มม.
- น้ำหนัก : 2,010
คุณสมบัติที่ดี :
+ ระบบออโต้โฟกัสและกันสั่นปรับปรุงใหม่
+ มี Weather-seals และเคลือบผิวเลนส์ด้วย fluorine coating
สิ่งที่ควรทราบ :
– ให้ความคมชัดปานกลางที่ระยะซูมต่ำสุด
– ต้องอัพเดทเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 2 หากจะใช้งานกับ Canon RF และ Nikon Z
Tamron 150-600mm รุ่นที่สองนี้มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับ SIGMA 150-600 mm Contemporary แต่มี weather seals เพิ่มเข้ามา ระบบกันสั่นอัพเกรดชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้ที่ 4.5 สตอป มีสวิทช์เลือกโหมดการทำงานสามโหมดคือ โหมดปรกติ กันสั่นในการแพนภาพ และ กันภาพสั่นขณะโฟกัสภาพ (exposure-only modes) มอเตอร์โฟกัสแบบใหม่ ring-type autofocus system ให้ความเร็วกว่ารุ่นเดิม ความคมชัดดีมากที่ระยะซูมใกล้ 600 มม. และด้อยลงในระยะซูมที่ต่ำลงมา สามารถอัพเดทเฟิร์มแวร์ผ่าน TAP-in Console ได้
ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : แน่นอนว่ามี Sigma ก็ต้องมี Tamron ครับ ซึ่งเป็นเลนส์ที่มีระยะเดียวกัน โดยส่วนตัวไม่อยากให้คิดว่าเป็นคู่แข่ง แต่อยากให้ผู้ใช้ได้ลองใช้และบอกเองดีกว่าว่าตัวเองชอบคาแร็คเตอร์ของเลนส์ตัวไหน โดยส่วนตัวผมชื่นชอบการถ่ายทอดสีสันของเลนส์ตัวนี้มากครับ การโฟกัสก็ทำได้ดีขึ้นกว่าตัวแรก (G1) มาก และเป็นเลนส์อีกตัวที่ผมแนะนำให้ลองจัดหามาใช้เช่นกันครับ

4. Canon EF 100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM
- เมาท์ : Canon EF
- ออโต้โฟกัส : Ultrasonic (ring-type)
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด 0.98 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด 0.31x
- ฟิลเตอร์ 77 มม.
- ขนาด 94 x 193 มม.
- น้ำหนัก : 1,640 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ ระบบ optical ที่มีคุณภาพสูงelements
+ กันสั่นมีสามโหมดให้เลือกใช้งานTriple-mode image stabilizer
สิ่งที่ควรทราบ :
– ระยะซูมน้อยเกินไป
Canon EF 100-400mm เลนส์เทเลซูมเวอร์ชั่นแรกจะใช้ระบบซูมแบบดึงกระบอกเลนส์เข้าออก (push-pull zoom mechanism) มาในเวอร์ชั่นที่สองนี้มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงหลายจุด การซูมโดยใช้การหมุนวงแหวนซูม มีการใช้ชิ้นเลนส์ fluorite และ Super UD และมี Air Sphere coating, ระบบกันสั่นสามารถเลือกใช้งานได้สามโหมด กระบอกเลนส์มี weather-seals เลนส์ชิ้นหน้าและหลังเคลือบผิวด้วย fluorine coating เป็นเลนส์เทเลซูมคุณภาพสูงที่น่าใช้งานมากรุ่นหนึ่ง แต่ราคาอาจจะสูงไปและมีระยะซูมที่สั้นกว่า 150-600mm

ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : เลนส์ค่ายอีกตัวที่ไม่พูดถึงไม่ได้ครับ แม้ระยะจะแค่ 400mm แต่หากมองไปที่องค์ประกอบอื่นๆ ในตัวเลนส์ตัวนี้ ที่มีคุณภาพสูง บอกได้เลยครับว่า มันจะช่วยให้คุณได้ภาพที่ดีแน่นอน หากใช้งานที่ระยะ 400mm กับกล้องที่มีเซนเซอร์พิกเซลมากๆ หน่อย การครอปก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้ได้ภาพนกที่มีขนาดตัวใหญ่ขึ้นได้ครับ

5. Canon RF 800mm f/11 IS STM
- เมาท์ : Canon RF
- ออโต้โฟกัส : STM motor
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์ (4-stop)
- โฟกัสใกล้สุด 6 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด 0.14x
- ฟิลเตอร์ 95 มม.
- ขนาด 102 x 282/352 มม.
- น้ำหนัก : 1,260 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ เลนส์เทเลโฟโต้ Monster (ระยะซูมที่มากจนน่าทึ่ง)
+ ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ดีไซน์พับเก็บได้
+ คุณภาพและการจับถือที่ดี
สิ่งที่ควรทราบ :
– รูรับแสง f/11 คงที่
– ไม่มีซีลกันสภาพอากาศ
เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ Canon RF 800 มม. f/11 IS STM สำหรับกล้องมิเรอร์เลส Canon EOS R ซีรีส์นี้ ให้ระยะการซูมที่เหนือชั้น แต่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เลนส์ตัวนี้มีรูรับแสงคงที่ที่ f/11 ซึ่งนักถ่ายภาพนกหลายคนอาจคิดว่าแคบเกินไป ในขณะที่บางคนอาจไม่ประทับใจที่ไม่สามารถปรับรูรับแสงได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยรูรับแสง f/11 นั้น มันจะทำให้เลนส์มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา พร้อมชิ้นเลนส์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า ทำให้มีน้ำหนักเพียง 1,260 กรัม จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถือกล้องถ่ายภาพเป็นเวลานาน พร้อมระบบกันสั่นออปติคอลที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังมีกลไกแบบยืดหดได้เพื่อลดขนาดพื้นที่จัดเก็บ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานได้ทุกที่ ตั้งแต่งานกีฬาในท้องถิ่นไปจนถึงการถ่ายภาพสัตว์ป่าในมุมที่ห่างไกลทั่วโลก
ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : ทำไมแนะนำตัวนี้ทั้งที่ใช้ f ได้กว้างสุดแค่ f/11 อย่างแรกเลยคือ ระยะ อย่างที่สองคือราคาครับ ในเรื่องของประสิทธิภาพ ผมเห็นพี่ๆ สายนกที่รู้จักกัน (รวมถึงผมด้วย) นำไปใช้งานก็ไม่ค่อยมีปัญหากับ f/11 จะรู้สึกว่ามีปัญหาบ้างเมื่อถ่ายในที่แสงน้อยอย่างในป่าทึบ แต่ก็นั่นแหละครับ ผมใช้คำว่า “รู้สึก” เพราะอันที่จริง หากใช้กับกล้องรุ่นใหม่ๆ อย่าง R System ผมว่ากล้องสามารถจัดการ Noise ที่เกิดจากการดัน ISO ได้ดีขึ้นครับ ยิ่งปัจจุบันซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพมีการพัฒนาควบคู่ไปด้วย f/11 จึ่งอาจจะไม่เป็นปัญหาในทางเทคนิคมากมาย แต่อาจเป็นปัญหาในความรู้สึก ซึ่งผมว่าสบายใจได้ครับ หากความต้องการคือ ระยะ และราคาที่คุ้มค่าครับ

6. Nikon AF-S 200-500mm f/5.6E ED VR
- เมาท์ : Nikon F
- ออโต้โฟกัส : Ultrasonic (ring-type)
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด 2.2 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด 0.22x
- ฟิลเตอร์ 95 มม.
- ขนาด 108 x 268 มม.
- น้ำหนัก : 2,300 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ ช่วงซูมและประสิทธิภาพที่โดดเด่น
+ รูรับแสงคงที่ทุกช่วงซูม
สิ่งที่ควรทราบ :
– ไม่มีซีลกันสภาพอากาศ
– ระยะซูมสูงสุดค่อนข้างจำกัดเกินไป (ต้องต่อ Teleconverter)
หากเปรียบเทียบกับ SIGMA และ Tamron 150-600mm เลนส์เทเลซูมจากนิคอนรุ่นนี้จะมีระยะซูมที่น้อยกว่า แต่ได้เปรียบที่รูรับแสงคงที่ตลอดทุกช่วงซูมที่ f/5.6 ไม่ไหลไปที่ f/6.3 ที่ระยะซูมสูงสุด ระบบกันสั่น VR (Vibration System) มีสองโหมดให้เลือกใช้ ชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้ถึง 4.5 สตอป, มีกลไกปรับรูรับแสงระบบแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ควบคุมรูรับแสงด้วยสัญญาณดิจิตอลผ่านทาง CPU ของเลนส์ หากใช้กับกล้อง SLR รุ่นเก่าจะใช้งานได้ที่รูรับแสงกว้างสุดค่าเดียวเท่านั้น ระบบออโต้โฟกัสที่รวดเร็วและถ่ายทอดคุณภาพของภาพได้สุดยอดมาก


ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : เลนส์ตัวโปรดของผมที่เป็นทั้งเลนส์เทเลโฟโต้ตัวแรกในชีวิต และยังใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ Nikon จะเปลี่ยนผ่านจาก F เมาท์สู่ Z เมาท์ เลนส์ตัวนี้ก็ยังครองใจใครหลายๆ คน แม้จะมี ระยะ 180-600 มม. มาทดแทนในระยะที่ใกล้เคียงกัน และราคาที่จับต้องได้พอกัน แต่เลนส์ตัวนี้ก็ยังยืดระยะลมหายใจของช่างภาพสายนก(รุ่นเก่า)ออกไปได้อีก ด้วยการเปลี่ยนบอดี้แต่ยังใช้เลนส์ตัวนี้ผ่าน FTZ ได้นั่นเอง

7. Nikon Z 800mm f/6.3 VR S
- เมาท์ : Nikon Z
- ออโต้โฟกัส : มี
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด : 5 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด : 0.16x
- ฟิลเตอร์ : 46 มม.
- ขนาด : 140 x 385 มม.
- น้ำหนัก : 2,385 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ โฟกัสอัตโนมัติที่รวดเร็ว
+ การประกอบ วัสดุดีเยี่ยม และการควบคุมระดับมืออาชีพ
+ คุณภาพของภาพยอดเยี่ยม
สิ่งที่ควรทราบ :
– รูรับแสง f/6.3 ปานกลาง
– ขนาดค่อนข้างใหญ่ (แต่เบาเมื่อเที่ยบกับเลนส์ระยะเดียวกันหลายตัว)
– ราคาแพง (แต่คุ้มค่า)
เลนส์นี้มอบพลังเทเลโฟโต้ที่เหนือกว่าให้กับคุณในแพ็คเกจที่มีน้ำหนักเบา โครงสร้างที่เล็กลงนี้เป็นผลมาจากการทำให้รูรับแสงอยู่ที่ f/6.3 ที่ไม่สูงมาก และชิ้นเลนส์ออปติคอล Phase Fresnel ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันทั่วไปในการโฟกัสลำแสงในประภาคาร การเพิ่มระบบลดการสั่นไหวแบบออปติคอลประสิทธิภาพสูงซึ่งทำงานร่วมกับ IBIS ในกล้องฟูลเฟรมระบบ Z จะช่วยให้ภาพนกมีความคมชัดเป็นพิเศษ
อุปกรณ์เสริมที่มีประโยชน์มากมายสำหรับการจับถือช่วยให้ได้ผลลัพธ์คุณภาพสูงสุดทุกครั้ง พร้อมความสม่ำเสมอที่ยอดเยี่ยมแม้ในการถ่ายแบบถือด้วยมือ เมื่อคุณต้องการเก็บภาพช่วงเวลาสำคัญในการถ่ายภาพสัตว์ป่า นี่คือเลนส์ที่คุณวางใจได้อย่างแน่นอน มันไม่ถูก แต่ราคาถูกกว่า Nikon Z 400mm f/2.8 TC VR S เกือบครึ่งหนึ่ง

ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : ผมเคยใช้งานในช่วงเวลาสั้นๆ (แต่หลายครั้ง) ความประทับใจแรกเลยคือน้ำหนักเบา เบาขนาดที่ว่าถือเดินป่าถ่ายนกได้ทั้งวันนั่นแหละครับ และอีกอย่างคือระยะที่เหมาะมากๆ กับการถ่ายนกครับ คือถ้าจะถ่ายนก ระะยะที่ผมชอบเลยก็มักจะเป็นระยะตั้งแต่ 600 ขึ้นไปนั่นแหละครับ มันค่อนข้างต่างจากการถ่ายสัตว์ป่าครับ

8. Fujifilm XF100-400mm f/4.5-5.6 R LM OIS WR
- เมาท์ : Fujifilm X-mount
- ออโต้โฟกัส : Dual linear stepping motors
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด : 1.75 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด : 0.19x
- ฟิลเตอร์ : 77 มม.
- ขนาด : 95 x 211 มม.
- น้ำหนัก : 1,375 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ เลนส์เทเลซูมระยะสูงสุด 600mm
+ โครงสร้างและประสิทธิภาพระดับดีเยี่ยม
สิ่งที่ควรทราบ :
– น้ำหนักมากไปหากเทียบกับกล้อง APS-C
– ความคมชัดลดลงเล็กน้อยที่ระยะซูมสูงขึ้น
เป็นเลนส์เทเลซูมที่มีความเร็วของระบบออโต้โฟกัสระดับ super-fast autofocus system กันสั่นประสิทธิภาพสูงชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้ถึง 5 สตอป, มีชิ้นเลนส์ ED (Extra-low Dispersion) 5 ชิ้น และชิ้นเลนส์ Super ED ที่กระบอกเลนส์มี weather seal ทุกจุด เลนส์ชิ้นหน้าสุดเคลือบ fluorine การถ่ายทอดคุณภาพของภาพและประสิทธิภาพโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม แม้ว่าความคมชัดจะลดลงบ้างในการใช้งานระยะซูมที่สูงขึ้น

ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : ผมเคยยืมเพื่อนที่ไปถ่ายนกด้วยกันมาใช้บ่อยๆ ความประทับใจในเลนส์ตัวนี้คือ เบา ครับ และการถ่ายทอดรายละเอียดของสีที่ดีมากๆ และโดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบคาแรกเตอร์สีของค่าย Fujifilm เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย การถ่ายทอดรายละเอียดสีที่เป็นธรรมชาติจึงเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษครับ

9. Panasonic DG Vario-Elmar 100-400mm f/4-6.3 Asph. Power O.I.S.
- เมาท์ : Micro Four Thirds
- ออโต้โฟกัส : Stepping motor
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด : 1.3 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด : 0.25x
- ฟิลเตอร์ : 72 มม.
- ขนาด : 83 x 172 มม.
- น้ำหนัก : 985 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ ซูมสูงสุดได้ถึง 800mm
+ มีระบบกันสั่น Power O.I.S. (Optical Image Stabilizer)
สิ่งที่ควรทราบ :
– รูรับแสงที่ระยะซูมสูงสุดแคบ
เลนส์เทเลซูมสำหรับกล้อง MFT ซึ่งใช้งานกับ Olympus ได้ด้วย น้ำหนักใกล้เคียงกับ SIGMA / Tamron 100-400mm ให้ระยะซูมสูงสุดถึง 800mm ในกล้อง APS-C เท่ากับเลนส์ 150-600mm โครงสร้างกระบอกเลนส์มีความประณีต แข็งแกร่ง (excellent build quality) มีวงแหวนล็อคระยะซูม, คอลล่าร์ใส่ขาตั้งกล้อง และระบบกันสั่นที่มีประสิทธิภาพสูงยกเว้นการใช้งานในโหมด panning ความคมชัดลดลงบ้างเมื่อใช้งานซูมที่ระยะสูงขึ้น ประสิทธิภาพและคุณภาพโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม
ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : เป็นเลนส์ที่มีการประกอบ และวัสดุที่ดีเยี่ยม การสัมผัสจับถือ การใช้งานดีมากครับ น้ำหนักไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะเบาตามธรรมชาติของเลนส์ MFT อยู่แล้ว และที่น่าประทับใจคือระยะที่ได้ถึง 800mm ซึ่งเป็นความได้เปรียบที่ผมเองต้องทึ่งมาแล้วกับการถ่ายภาพนกที่ระยะเท่ากัน โดยที่ผมใช้เลนส์อีกตัว และช่างภาพสายนกอีกคนใช้เลนส์ตัวนี้ เมื่อนำภาพมาเปรียบเทียบกันแล้ว รายละเอียดที่เป็นผลมาจากระยะเลนส์นั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด (ใครว่าระยะไม่สำคัญ ฮ่าาาา)

10. OM System M.Zuiko 150-600mm f/5.0-6.3 IS
- เมาท์ : Micro Four Thirds
- ออโต้โฟกัส : Stepping motor
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด : 0.56m (ที่ 150mm) / 2.8m (ที่ 600mm)
- อัตราขยายสูงสุด : 0.24x
- ฟิลเตอร์ : 95 มม.
- ขนาด : 264.4 x 109.4 มม.
- น้ำหนัก : 2,065 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ ระยะ 600-1200 มม. ที่ยอดเยี่ยม
+ ระบบกันสั่นสูงสุด 7 สต็อป
+ มี weather กันละอองฝน IPX1
สิ่งที่ควรทราบ :
– ใหญ่และหนักสำหรับกล้อง MFT
– ราคาค่อนข้างสูง
ตัวคูณครอป 2 เท่าของ Micro Four Thirds ถือเป็นข้อดีมากๆ สำหรับการถ่ายภาพสัตว์ป่า ยกตัวอย่างเช่น เลนส์ OM System M.Zuiko 150-600 มม. ซึ่งคูณและจะได้ระยะ 300-1200 มม. เมื่อติดตั้งกับกล้อง OM System, Olympus หรือ Panasonic (และสามารถขยายเพิ่มได้อีกขั้นด้วยเทเลคอนเวอร์เตอร์) และเลนส์นี้ยังได้รับการซีลป้องกันสภาพอากาศอย่างแน่นหนาเช่นเดียวกับเลนส์ในระบบ OM System แม้ว่าจะไม่ได้มาตรฐาน IP53 เสียทีเดียว แต่ IPX1 ก็ยังถือว่าดีเยี่ยม หมายความว่าคุณสามารถใช้งานกลางแจ้งในสภาพอากาศเลวร้ายได้อย่างสบายใจ
ราคาปกติอยู่ที่ 2,699 ดอลลาร์สหรัฐ / 2,499 ปอนด์ ซึ่งถือว่าไม่ใช่เลนส์ราคาถูก และเป็นหนึ่งในเลนส์ที่สูงของระบบ OM อย่างไรก็ตาม มีเลนส์เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถครอบคลุมระยะโฟกัสที่กว้างขนาดนี้ได้ ในขณะที่ยังคงคุณภาพสูงและถือด้วยมือได้ ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเลนส์นี้ หากคุณรู้สึกหงุดหงิดที่นกตกใจหนีไปก่อนที่คุณจะเข้าใกล้พอที่จะถ่ายภาพมันได้ เลนส์นี้จะช่วยให้คุณรักษาระยะนั้นไว้ได้ และยังคงได้ภาพที่มีรายละเอียดครบถ้วนและเต็มเฟรมครับ
ในการทดสอบของเรา ความคมชัดของเลนส์ได้รับคะแนนที่ดีพอสมควร อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นเลนส์ที่ดีมาก ในการทดสอบของเรา พบว่ากล้องสามารถสร้างภาพนกที่มีความสว่างสดใสและมีความคมชัด พร้อมทั้งมีรายละเอียดขนที่มากมาย
ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : แม้ว่าโดยส่วนตัวจะไม่เคยใช้งานอย่างจริงจัง (เคยใช้บ้างเมื่อเจอกับสายนกด้วยกันที่ใช้โอลิมปัส) แต่สิ่งหนึ่งที่ผมให้ความมั่นใจได้เลยสำหรับค่ายนี้คือชิ้นเลนส์ครับ จะใสอะไรขนาดนั้นนน (ภาษาพูดที่อยากจะให้ได้ยินเสียงในการอ่านเลยหละ) และสเปกอย่าง f/6.3 ที่ 600mm แม้จะเป็น Micro Four Thirds แต่มันก็มีประโยชน์มากสำหรับสถานการณ์แสงน้อยในหลายๆ สถานที่ โดยเฉพาะแก่งกระจานที่แทบจะเป็นป่าทึบครับ มันช่วยได้จริงๆ

11. Sony FE 200-600mm f/5.6-6.3 G OSS
- เมาท์ : Sony E
- ออโต้โฟกัส : Ultrasonic (ring-type)
- กันสั่น : มีกันสั่นในตัวเลนส์
- โฟกัสใกล้สุด 2.4 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด 0.2x
- ฟิลเตอร์ 95 มม.
- ขนาด 112 x 318 มม.
- น้ำหนัก : 2,115 กรัม
คุณสมบัติที่ดี :
+ ใช้งานได้ทั้งกับกล้อง Full-frame และ APS-C
+ โครงสร้าง ประสิทธิภาพและการถ่ายทอดคุณภาพของภาพน่าประทับใจ
สิ่งที่ควรทราบ :
– ขนาดใหญ่และน้ำหนักมากเมื่อเทียบกับขนาดบอดี้กล้อง
– รูรับแสงกว้างสุด f/6.3 ที่ระยะซูมสูงสุด
เป็นเลนส์เทเลซูมที่มีระยะซูมสูงสุด 600mm สูงสุดของเลนส์ E-mount กระบอกเลนส์มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับกล้อง E-mount ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก เมื่อใช้งานกับกล้อง APS-C จะมีระยะซูมสูงสุดถึง 900mm , กันสั่นมีให้เลือกใช้งานสามโหมด ทั้งการถ่ายภาพทั่วๆไป, ถ่ายแพน และโหมดแสดงภาพในช่องมอง ทำงานร่วมกับกันสั่นในกล้องให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น, มอเตอร์โฟกัสแบบ DDSSM (Direct Drive Super Sonic Motor) มีความเร็วสูงมาก (super-fast) พร้อมปุ่ม focus-hold ที่กระบอกเลนส์, ประสิทธิภาพ ความคมชัดและคอนทราสต์ อยู่ในระดับดีเยี่ยมตลอดทุกช่วงซูม

ความเห็นผู้แปล/เรียบเรียง : เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์ที่ทำให้ผมฮือฮาได้เมื่อครั้งที่มันเปิดตัวมาใหม่ๆ (ทุกวันนี้ก็อยากใช้มันนะ) ด้วยระยะที่เหมาะสม ราคาที่จับต้องได้ ยิ่งได้ลองใช้ระยะหนึ่งแม้จะสั้นๆ แต่มันก็ตอบโจทย์สายนก และไม่แปลกที่มันจะครองใจสายนกหลายๆ คน และเมื่อเข้าสังคมคนถ่ายนกจริงๆ คุณจะต้องได้เห็นเลนส์ตัวนี้ในวงถ่ายนกแน่ๆ ครับ
สรุปโดยผู้แปล/เรียบเรียง : ยังมีเลนส์เทเลและเทเลซูม (ทั้งเก่าและใหม่) อีกหลานรุ่นที่เหมาะกับการถ่ายภาพนก ไม่ว่าจะเป็น Sigma 60–600mm F4.5–6.3 DG DN OS, RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM, NIKKOR Z 180-600mm f/5.6-6.3 VR แต่ที่นำบทความมาแปล/เรียบเรียง แล้วนำมาแนะนำในครั้งนี้มักจะเป็นเลนส์ที่มือใหม่ที่มีความสนใจในการถ่ายภาพนกสามารถจัดหามาใช้งานได้เมื่อต้องมีเงื่อนไขเรื่องของราคาและปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก ความคล่องตัว ความคุ้มค่า เป็นต้น และผู้แปลยังเห็นว่าเลนส์ที่กล่าวมานั้นเหมาะกับสภาพแวดล้อมการถ่ายภาพนกในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนกกลางแจ้ง นกตามบ่อ man made เป็นอย่างมาก จึงได้นำมาแนะนำกันครับ
ที่มา : digitalcameraworld.com


Leave feedback about this