Back to Basic Basic Knowledge

10 ข้อควรรู้ก่อนซื้อกล้อง MIRRORLESS ตัวใหม่

ปัจจุบันแม้กล้อง DSLR จะยังคงได้รับความนิยมจากผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพหลายระดับตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงมืออาชีพก็ตาม  แต่ในขณะเดียวกันกล้อง mirrorless ก็มีอัตราการเติบโต และได้รับความนิยมขึ้นมามาก จะเห็นได้ว่าปัจจุบันผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Canon, Nikon ต่างประกาศหันหลังให้กับกล้อง DSLR และหันมาพัฒนากล้องมิเรอร์เลสอย่างจริงจัง รวมทั้งแบรนด์อื่นๆที่ทำตลาดกล้องมิเรอร์เลสอยู่ด้วยเช่นกัน หลังจากปล่อยให้ Sony ครองตลาดกล้อง full-frame mirrorless มาเป็นเวลานาน 

หากต้องการเป็นเจ้าของกล้อง mirrorless ซักตัว ควรต้องรู้อะไรบ้าง? คำแนะนำ 10 ประการนี้จะช่วยให้คุณเลือกกล้องที่ดีที่สุด มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และตรงตามความต้องการใช้งานของคุณเองมากที่สุด

1. High-resolution viewfinder ช่องมองภาพความละเอียดสูง

ช่องมองภาพ EVF – electronic viewfinder ส่วนใหญ่จะมีการแสดงผลที่ไม่ดีนัก ความละเอียด-ความคมชัดต่ำ การแสดงสีสันไม่ถูกต้อง การเกิด Black out และอื่นๆ หากเทียบกับช่องมองภาพของกล้อง DSLR จะยิ่งเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน ช่องมองภาพ EVF จึงถูกปฏิเสธจากช่างภาพระดับสูง และช่างภาพมืออาชีพที่จริงจังกับการถ่ายภาพ

กล้อง mirrorless ในปัจจุบันหลายรุ่น มีการพัฒนาเรื่อง EVF ไปไกลมาก มีการขยายขนาดช่องมองภาพให้ใหญ่ขึ้น, เพิ่มความละเอียด, อัตรา refresh rate สูงมากขึ้น และอื่นๆจนทำให้ช่องมองภาพ EVF มีประสิทธิภาพสูงมาก กล้องหลายๆรุ่นมี EVF ที่อาจจะเรียกได้ว่ามีความเป็นธรรมชาติ และถ่ายทอดภาพได้ใกล้เคียงช่องมองภาพ OVF ในกล้อง DSLR เช่น กล้องที่มี EVF ความละเอียดสูงๆอย่าง Panasonic S1 / S1R ที่ใช้ EVF ความละเอียดถึง 5.76 ล้านจุด, Sony A9, Fujifilm X-T4, Canon EOS R3, R5 และ Nikon Z9 ที่มี EVF ความละเอียด 3.69 ล้านจุด เป็นต้น

คำแนะนำ อย่ามองหากล้องที่มีความละเอียดของ EVF ต่ำกว่า 2.36 ล้านจุด ถ้าเป็นไปได้เลือกกล้องที่มี EVF ความละเอียด 3.69 ล้านจุด และอัตราขยายภาพที่ 0.76x หรือมากกว่าขึ้นไป

2. Sensor-based image stabilization ระบบกันสั่นที่เซ็นเซอร์

ระบบกันสั่นที่ใช้อยู่มีทั้งที่อยู่ในบอดี้กล้องและในเลนส์ ซึ่งเป็นระบบที่ดีทั้งคู่ แต่ระบบกันสั่นที่เซ็นเซอร์ในบอดี้จะเป็นกันสั่นที่มีประสิทธิภาพที่ช่างภาพต้องการมากกว่าด้วยเหตุผลหลายๆประการ เช่น

  • ใช้งานได้กับเลนส์ที่มีและไม่มีกันสั่น และกล้องหลายรุ่นยังออกแบบให้กันสั่นในบอดี้ทำงานร่วมกับกันสั่นในเลนส์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างความมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย
  • ผู้ผลิตเลนส์อิสระหลายแบรนด์ ยังผลิตเลนส์ที่ไม่มีกันสั่น และบางรายเพิ่งเริ่มพัฒนาระบบกันสั่นในเลนส์ การเลือกบอดี้ที่มีกันสั่นในตัว สร้างความมั่นใจและได้เปรียบกว่า
  • ใช้งานกับเลนส์มือหมุนรุ่นเก่าๆกันสั่นในบอดี้ยังทำงานได้

3. Two memory card slots ช่องใส่เมมโมรี่การ์ดคู่

ในอดีตกล้องดิจิตอลจะมีช่องใส่เมมโมรี่การ์ด 1 ช่อง เป็นเรื่องปรกติและเพียงพอต่อการใช้งาน แต่การมี 2 ช่องให้ความสะดวกมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องเมมเต็ม, หมดกังวลเรื่องการถอดใส่เมมหรือพกอุปกรณ์อื่นๆไปเพิ่ม

กล้องทุกรุ่นที่มี 2 สล็อต สามารถสั่งบันทึกภาพเดียวลงในเมมทั้งสองได้ในเวลาเดียวกัน หากแผ่นใดแผ่นหนึ่งเสีย ก็ยังมีไฟล์ต้นฉบับสำรองให้ใช้งานได้จากเมมอีกแผ่น หรือจะเลือกให้บันทึกไฟล์รูปแบบต่างกันลงในแต่ละช่องก็ยังได้ เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับช่างภาพได้มาก

4. Hybrid autofocus ระบบออโต้โฟกัสไฮบริดจ์

เป็นออโต้โฟกัสที่รวมเอาทั้ง contrast-detect AF และ phase-detect AF มาไว้ด้วยกัน กล้องที่มีระบบออโต้โฟกัสประเภทนี้จะทำงานได้รวดเร็ว มั่นใจว่ากล้องจะสามารถโฟกัสภาพได้ในทุกสถานการณ์ และยังให้ทั้งความแม่นยำในการตามจับโฟกัสวัตถุเคลื่อนที่ เช่นการถ่ายภาพกีฬา หรือภาพแอคขั่น และยังเหมาะมากกับการใช้งานวีดีโออีกด้วย

5. Top-plate display จอแสดงผลขนาดเล็กบนบอดี้

กล้องที่มีจอแสดงผลแบบนี้มักจะเป็นกล้องระดับกลาง (mid-range) ขึ้นไปจนถึงกล้องระดับอาชีพหรือ high-end จอแสดงผลขนาดเล็กมีประโยชน์ในด้านการแสดงข้อมูลค่าการตั้งกล้องที่จำเป็น ให้ความสะดวกในการปรับตั้งค่าต่างๆโดยไม่ต้องใช้ช่องมองภาพหรือมองจอแสดงผลด้านหลังกล้อง ปัจจุบันกล้องที่มีจอแสดงผลขนาดเล็กแบบนี้ เช่น Canon EOS R3/R5, Fujifilm X-H2S, Nikon Z9, Z7 และ Panasonic S1 / S1R

6. Vari-angle and tri-axis tilting screens จอแสดงผลปรับมุมมองอิสระ

จอแสดงผลหลังกล้องปัจจุบันมี 3 รูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยคือ

  • แบบแรก ที่ใช้ในกล้อง Nikon Z6 และ Sony A7 III เป็นแบบปรับขึ้นลงได้เท่านั้น ให้ความสะดวกในการถ่ายภาพมุมสูงและมุมต่ำ แต่ไม่สามารถปรับพลิกไปด้านหน้าตัวกล้องได้
  • แบบที่สอง พลิกเก็บหน้าจอไว้ด้านใน ปรับพลิกไปมาและปรับออกมาที่ด้านข้างของบอดี้ได้ และยังพลิก 180° กลับไปที่ด้านหน้าบอดี้ได้อีกด้วย เช่น Olympus OM-D E-M1 Mark II และ Canon EOS R เป็นจอที่ให้ความสะดวกในการใช้งานมาก และยังพับเก็บป้องกันความเสียหายได้ด้วย
  • แบบสุดท้าย จอแสดงผลที่พลิกขึ้นลงเหมือนแบบแรก แต่ยังสามารถดึงออกมาด้านข้างเหมือนแบบที่สองได้ด้วย เช่น Fujifilm X-T3 และ Panasonic S1

จอแสดงผลที่เหมาะสมคือ เลือกตามลักษณะการใช้งานของตัวคุณเอง ชนิดแรกอาจเหมาะกับการถ่ายภาพทั่วๆ แต่หากถ่ายวีดีโอเป็นหลัก อาจจะเหมาะกับแบบที่สอง และแบบสุดท้ายอาจจะช่วยให้การถ่ายภาพในมุมมองที่ไม่ปรกติทำได้ง่ายขึ้น

ภาพประกอบคือจอแสดงผลของ Nikon Z9 ที่ออกแบบใหม่ปรับเอียงได้ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน อำนวยความสะดวกให้ช่างภาพได้มากขึ้น

7. Eye detection ระบบโฟกัสตามดวงตา

ระบบ Face detection กลายเป็นฟีเจอร์หลักที่กล้องทุกรุ่นในปัจจุบันต้องมี แต่ในสองสามปีที่ผ่านมานี้ระบบโฟกัสติดตามใบหน้าได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นให้สามารถโฟกัสตามดวงตาได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการถ่ายภาพ portrait โดยเฉพาะ มากกว่า face detection เดิม

ปัจจุบัน ระบบ eye detection มีการพัฒนาให้สามารถจับโฟกัสตามดวงตาที่เคลื่อนที่ไปมา เลือกสลับตาซ้ายขวา, จับโฟกัสที่ดวงตาสัตว์ และบางรุ่นยังแสดงการจับโฟกัสแบบ real time อีกด้วย ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจได้ว่าจะได้ภาพถ่าย portrait ที่โฟกัสดวงตาได้คมชัด โดยไม่ต้องเสียเวลาไปปรับตั้งค่าใดๆ

* อัพเดท กล้องรุ่นใหม่ๆ เช่น EOS R3, Z9 มีระบบตรวจจับที่สามารถติดตามวัตถุเคลื่อนไหวทั้งรถยนต์, มอเตอร์ไซค์ เพิ่มเข้ามาสำหรับช่างภาพกีฬา และ X-H2S ยังเพิ่มในส่วนของโฟกัสตามรถไฟ เครื่องบิน เข้ามาด้วย

8. Silent shutter ชัตเตอร์ไร้เสียง

ระบบชัตเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในกล้อง DSLR คือ Mechanical shutters ซึ่งมีการนำมาใช้ในกล้อง mirrorless ด้วยเช่นกัน เวลาทำงานจะมีเสียงดังและยังเป็นข้อจำกัดของการถ่ายภาพต่อเนื่องด้วย

ชัตเตอร์ไฟฟ้า หรือ electronic shutters เป็นระบบการทำงานที่ใช้ไฟฟ้าควบคุมความเร็วชัตเตอร์ ที่นำมาใช้ในกล้อง mirrorless มีการเพิ่มฟีเจอร์ Silent shutter หรือการทำงานแบบไร้เสียงมาให้ใช้งาน ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพงานพิธี, ภายในอาคาร, การแสดงดนตรี หรือในสถานที่ๆไม่อนุญาตให้มีเสียงรบกวน ฟีเจอร์นี้ไม่ได้มีในกล้องทุกรุ่น หากมีความต้องการใช้งาน ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนซื้อกล้อง

ปัจจุบันเริ่มมีกล้องมิเรอร์เลสหลายรุ่นที่มีเฉพาะชัตเตอร์ไฟฟ้า หรือ electronic shutters มาให้เพียงอย่างเดียว หากต้องการใช้แมคคานิคส์ชัตเตอร์ ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนซื้อกล้องครับ

9. Weather resistance บอดี้กันน้ำกันฝุ่นได้

หากคุณเป็นช่างภาพที่ต้องเดินทางถ่ายภาพเป็นประจำ, ถ่ายภาพ landscapes หรือชื่นชอบการถ่ายภาพ outdoor ประเภทต่างๆ กล้องที่มี Weather resistance เป็นกล้องที่เหมาะกับคุณ เพราะมันป้องกันได้ทั้งฝน ฝุ่น และยังทำงานได้ในที่อุณหภูมิติดลบ

ตัวอย่างกล้องที่มี Weather resistance เช่น Nikon Z9, Canon EOS R3, Panasonic S1, Sony A7R IV, Olympus OM-1 และ Fujifilm X-H2S บอดี้จะมีการซีลตามรอยต่อ ซอกหรือร่องเล็กๆทั่วทั้งตัวป้องกันน้ำ กันฝุ่นที่จะเข้าไปสร้างความเสียหายภายใน รวมทั้งยังป้องกันอุปกรณ์ภายในจากอุณภูมิติดลบ แต่ไม่สามารถป้องกันกล้องจากการตกน้ำ และไม่สามารถนำไปใช้งานในน้ำได้

10. High-resolution mode โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง

เซ็นเซอร์ที่ใช้ในกล้อง mirrorless ปัจจุบันจะมีตั้งแต่ 12MP ถึง 47MP (อาจจะมีสูงกว่านี้หากนับรวมกล้อง medium format เข้าไปด้วย) ความละเอียดนี้เพียงพอต่อการใช้งาน ทั่วๆไป แต่มีช่างภาพบางประเภทที่ต้องการใช้ภาพที่ความละเอียดสูงกว่านั้น เช่น 80MP, 96MP หรือสูงถึง 187MP

high-resolution mode ทำงานโดยการถ่ายภาพหลายๆภาพแล้วนำมารวมกันเป็นภาพเดียวจากซอฟต์แวร์ในตัวกล้อง การใช้โหมดนี้ต้องตั้งกล้องให้นิ่งบนขาตั้งกล้อง ภาพที่ได้นอกจากจะมีความคมชัดสูงแล้ว ยังสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างยอดเยี่ยม เหมาะทั้งกับผู้ที่ต้องการใช้ภาพที่มีรายละเอียดสูง หรือต้องการนำภาพไปครอปโดยที่ยังไม่สูญเสียรายละเอียดและความคมชัดไป

ที่มาtechradar

Leave feedback about this

  • Quality
  • Price
  • Service

PROS

+
Add Field

CONS

+
Add Field
Choose Image
Choose Video