MIRROR LENS เล็ก เบา เอฟเดียว โบเก้โดนัท
นี่คือเลนส์ที่คนถ่ายภาพหลายคนรู้จักแต่ไม่เคยใช้ เลนส์ที่หลายคนไม่เคยใช้และไม่รู้จัก เลนส์ที่หลายคนรู้จักแต่ไม่คิดจะใช้ และนี่อาจจะเป็นเลนส์ที่หลายคนหลงรักจนต้องยอมจ่ายกว่าครึ่งแสนสำหรับเลนส์มือสองตัวจิ๋ว
มันคือ MIRROR LENS หรือที่เราเรียกกันว่า REFLEX LENS แม้จะเป็นเลนส์ที่ค่ายกล้องไม่สนใจ แต่เลนส์รีเฟล็กซ์เป็นเลนส์ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว ซึ่งอาจจะตรงกับความชอบของคุณได้ มีอะไรน่ารู้เกี่ยวกับเลนส์ชนิดนี้ ..ไปดูกัน
1. ชื่อเรียกหลากหลายที่สุด
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218407381-1024x1024.jpg)
เลนส์รีเฟล็กซ์ที่เรารู้จักกันนั้น จริงๆ แล้วชื่อเรียกที่ใช้กันอย่างเป็นทางการ คือ Mirror Lens (เลนส์กระจกเงา) เพราะเป็นเลนส์ถ่ายภาพชนิดเดียวที่ใช้กระจกเงาในโครงสร้างระบบออพติคของเลนส์ อีกชื่อที่ใช้กันค่อนข้างมากคือ Reflex Lens (เพราะอาศัยหลักการสะท้อนกลับไปมาของแสงด้วยกระจกเงา) ส่วนอีกชื่อที่ไม่ค่อยมีใครใช้แล้วคือ Catadioptric Lens (คำผสมของ Catoptrics กระจกเงาโค้ง กับ Dioptrics) ซึ่งเป็นระบบออพติคที่ผสมกันระหว่างชิ้นเลนส์แก้วกับกระจกเงา
เลนส์ชนิดนี้ผลิตออกมานานมากแล้วโดยใช้กันในแวดวงดาราศาสตร์ เป็นกล้องดูดาว แต่ต่อมาได้ผลิตออกมาให้มีขนาดเล็กลงเพื่อใช้กับการถ่ายภาพนิ่ง เป็นเลนส์ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในช่วง 30-40 ปีที่แล้ว แต่ความนิยมลดลงเพราะใช้งานยาก ปรับโฟกัสยาก ปรับเอฟไม่ได้ คุณภาพแค่พอใช้ และแทบทั้งหมดต้องโฟกัสด้วยมือหมุน
2. ใช้กระจกเงาเพื่ออะไร
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218409150-1024x1021.jpg)
Mirror Lens จะใช้กระจกเงา 2 ชิ้นในการสะท้อนแสง โดยกระจกเงาชิ้นแรกจะติดกับชิ้นเลนส์ด้านหน้าสุด ด้านที่เป็นกระจกเงาจะอยู่ด้านใน ส่วนกระจกเงาชิ้นที่สองจะมีขนาดใหญ่ วางอยู่ส่วนท้ายของกระบอกเลนส์ ผิวกระจกเป็นทรงโค้งเพื่อรวมแสงสะท้อนกลับไปยังกระจกเงาชิ้นแรก จากนั้นแสงจะสะท้อนจากกระจกเงาชิ้นแรกผ่านชุดเลนส์ออกไปยังฟิล์มหรือเซ็นเซอร์รับภาพ
ปกติแล้วเลนส์ทางยาวโฟกัส 500 มม. ทั่วๆ ไปจะต้องใช้กระบอกเลนส์ที่ยาวประมาณ 45-60 ซม. แต่ด้วยการพับแสงเป็นสามชั้นของเลนส์รีเฟล็กซ์ทำให้สามารถออกแบบให้เลนส์สั้นลงได้ถึง 2-3 เท่า เลนส์รีเฟล็กซ์ 500 มม. จะมีกระบอกเลนส์ยาวเพียง 15-20 ซม. เท่านั้น จึงเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
3. ทำไมมีเอฟเดียว
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218410954-1024x1024.jpg)
เลนส์รีเฟล็กซ์ทุกรุ่นไม่สามารถปรับรูรับแสงได้ ทั้งนี้เป็นผลจากการใช้กระจกเงาชิ้นหน้าที่ขวางทางเดินแสง แสงจะผ่านได้เฉพาะส่วนของชิ้นเลนส์ที่อยู่รอบๆ กระจกเงาชิ้นหน้า เมื่อแสงสะท้อนจากกระจกเงาไปที่ชุดเลนส์ท้ายจึงไม่สามารถควบคุมแสงด้วยไดอะแฟรมได้ หากต้องการลดความเข้มแสงจะต้องใช้ฟิลเตอร์ ND ซึ่งเลนส์รีเฟล็กซ์หลายรุ่นออกแบบให้สามารถใส่ฟิลเตอร์ที่ด้านท้ายเลนส์ได้
ความสว่างของเลนส์รีเฟล็กซ์ไม่สูงมาก เช่น เลนส์ทางยาวโฟกัส 250-400 มม. มักจะเป็น f/5.6 หรือ f/6.3 ส่วนเลนส์ 500-600 มม. มักจะเป็น f/8 ส่วนเลนส์ตั้งแต่ 800 มม. มักจะเป็น f/11 แต่ก็มีเลนส์รีเฟล็กซ์บางรุ่นที่ออกแบบได้สว่างมาก เช่น Vivitar Series 1 450mm f/4.5 เป็นต้น แต่ก็ใหญ่และหนักจนทำให้ขายไม่ได้
4.เอาไว้ใช้งานอะไร
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218412571-1024x1024.jpg)
เลนส์รีเฟล็กซ์ก็คือเลนส์เทเลโฟโต้ชนิดหนึ่ง ประโยชน์ในการใช้งานจึงไม่ต่างจากเลนส์เทเลโฟโต้ทั่วไป คือใช้ถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ในระยะไกล แต่ด้วยรูรับแสงที่ไม่กว้าง การโฟกัสที่ต้องปรับด้วยมือ(ปรับหาจุดชัดยากกว่าเลนส์เทเลโฟโต้ทั่วไปมาก) จึงไม่เหมาะกับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว ภาพกีฬา ภาพนกบิน ภาพในสภาพแสงน้อย แต่มันเหมาะกับการถ่ายภาพสัตว์ที่อยู่นิ่งๆ ภาพนกเกาะบนกิ่งไม้ ภาพทิวทัศน์ดวงอาทิตย์ตก หรือภาพบุคคลที่ต้องการเอฟเฟคของโบเก้รูปโดนัท
** มีเลนส์รีเฟล็กซ์เพียงสองรุ่นเท่านั้นที่ทำงานในระบบ AF ได้ คือ MINOLTA AF 500mm F8 Reflex และ SONY AF 500mm F8 Reflex (ยกเอาโครงสร้างและการออกแบบมาจาก MINOLTA)
5. โบเก้คือจุดขาย
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218414287-1024x1024.jpg)
ในยุคนี้ช่างภาพที่ซื้อเลนส์รีเฟล็กซ์มาใช้ไม่ใช่เพราะขนาดที่เล็ก กะทัดรัด ไม่ใช้น้ำหนักที่เบา แต่เป็นเพราะต้องการโบเก้รูปโดนัทที่ได้จากเลนส์ชนิดนี้ มันสามารถสร้างฉากหลังที่แปลกตาด้วยวงโดนัทที่ดูเหมือนจะลายตา รบกวนสายตา แต่ไม่ใช่ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ช่างภาพหลายคนยอมจ่ายเงินครึ่งแสนเพื่อซื้อเลนส์รีเฟล็กซ์ขนาดจิ๋ว มือสอง อายุกว่า 40 ปี (เงินขนาดนี้ซื้อเลนส์เทเลโฟโต้หรือเทเลซูมดีๆ สว่างกว่าได้สบาย)
ความชัดลึกที่น้อยมากทำให้เลนส์รีเฟล็กซ์สามารถสร้างวงแหวนโดนัทได้ง่ายๆ ขอเพียงฉากหลังหรือฉากหน้ามีจุดสว่าง เช่น แสงที่ลอดพุ่มไม้ แสงอาทิตย์ระยิบระยับที่สะท้อนบนผิวน้ำ
6. อย่าคาดหวังกับคุณภาพ
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218415939-1024x1024.jpg)
หากจะซื้อเลนส์รีเฟล็กซ์มาใช้ ไม่ควรคาดหวังกับคุณภาพมากนัก ด้วยรูปแบบระบบออพติคที่อาศัยการสะท้อนกลับไปมาของแสงกับโครงสร้างออพติคที่ไม่มีการพัฒนามากว่า 40 ปี ไม่มีการใช้ชิ้นเลนส์พิเศษ ไม่มีการเคลือบผิวที่ดีนัก ดังนั้นความคมชัดที่ได้จากเลนส์รีเฟล็กซ์จึงเป็นรองเลนส์เทเลโฟโต้รุ่นใหม่ๆ อย่างชัดเจน หรือแม้จะเทียบกับเลนส์เทเลซูมระดับกลางๆ ก็ยังเป็นรอง ความคมชัดของมันทำได้พอๆ กับเลนส์เทเลซูมรุ่นประหยัด ส่วนเรื่องแสงฟุ้งก็เป็นอีกสิ่งที่มักจะเป็นจุดด้อยของเลนส์รีเฟล็กซ์หลายรุ่น การถ่ายย้อนแสงแรงๆ จะทำให้คอนทราสต์และสีสันดรอปลงบ้าง
7. ข้อจำกัดในการใช้งาน
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218417841-1024x1024.jpg)
เลนส์รีเฟล็กซ์มีข้อจำกัดในการใช้งานหลายอย่าง คือ ไม่เหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องการความรวดเร็วคล่องตัว เพราะการโฟกัสต้องทำอย่างประณีตมาก หากเป็นกล้อง Mirrorless ควรใช้วิธีขยายจุดโฟกัสแล้วจึงปรับ การใช้ระบบ Peaking Focus มีโอกาสโฟกัสหลุดได้ง่าย ต้องโฟกัสย้ำตำแหน่งชัดให้ชัวร์ก่อนลั่นชัตเตอร์ทุกภาพ เรื่องที่สองคือ แม้จะเล็กและเบาก็ควรใช้ขาตั้งกล้องเพราะหากความเร็วชัตเตอร์ไม่สูงพอ คือไม่ถึงตามกฏ 1/ทางยาวโฟกัส โอกาสที่ภาพจะเบลอก็เป็นไปได้มาก เช่น ถ้าใช้เลนส์ 500 มม. ก็ควรใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/500 วินาทีขึ้นไป (แต่ในการใช้งานจริง แสงที่จะแรงขนาดนั้นหายาก จึงมักต้องดัน ISO เสมอ) ถ้ากล้องมีระบบกันสั่นในตัวจะช่วยได้มาก ไม่ใช่แค่เรื่องภาพชัดหรือเบลอ แต่จะช่วยให้การโฟกัสง่ายขึ้นเมื่อถือกล้องด้วยมือ
8. ของใหม่ยังมีขายอยู่มั๊ย
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218419675-1024x1024.jpg)
เลนส์รีเฟล็กซ์ของใหม่ยังมีขายอยู่หลายรุ่นซึ่งมักจะเป็นจากผู้ผลิตเลนส์อิสระ เช่น TOKINA SZX 400mm F8 Reflex MF , Kenko Mirror 400mm F8 N II (ออพติคเดียวกับ Tokina ต่างกันแค่ภายนอก) , Samyang 300mm F6.3 ED UMC CS , Sony AF 500mm F8 Reflex (ยังพอหาซื้อได้ เป็น A Mount ) นอกจากนั้นจะเป็นแบรนด์จีน แต่ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก เช่น JINTU 900mm F8 (ขนาดเล็กจนไม่น่าจะเป็น 900mm F8 ราคาแค่ประมาณ 4000 บาท)
* อัพเดทข้อมูลของเลนส์รีเฟล็กซ์ ระยะสองสามปีหลังนี้มีเลนส์รีเฟล็กซ์รุ่นใหม่ๆที่เป็นของใหม่ มือ 1 ออกมาให้เลือกใช้กันหลายแบนด์ เช่น Tokina มีออกมาหลายทางยาวโฟกัสให้เลือก, NiSI, Kase Optics
9. มือสองตัวไหนน่าสน
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218421528-1024x1024.jpg)
เลนส์รีเฟล็กซ์ที่โด่งดังที่สุด เป็นที่ต้องการมากที่สุดคือ MINOLTA 250mm F5.6 ราคาของมันเคยเริ่มตั้งแต่สองหมื่นกว่าบาท แต่ด้วยความหายาก ขนาดที่เล็กมากใกล้เคียงกับเลนส์ Kit โบเก้โดนัทที่โดดเด่น ทำให้ราคาขายทะลุครึ่งแสนไปแล้วสำหรับเลนส์สภาพดี หากสู้ราคาไม่ไหวเราแนะนำ Nikon AIS 500mm F8 Reflex เลนส์แมนนวลหน้าตาสวยงาม ภาพดี โฟกัสใกล้ 1.5 เมตร ยังหาได้ไม่ยากในตลาดมือสอง ราคา 15,000-25,000 บาท อีกรุ่นคือ TAMRON SP 500mm F8 Reflex เลนส์ในซีรีส์โปรของแทมรอน คุณภาพดี ออกแบบดี แต่ต้องระวังเรื่องฝ้า ดูให้ดีก่อนซื้อ ราคา 4,000-8,000 บาท และตัวสุดท้ายที่แนะนำคือ MINOLTA AF 500mm F8 Reflex เลนส์ตัวนี้เป็นระบบออโตโฟกัส A Mount หากจะนำมาใช้กับกล้อง Mirrorless ของโซนี่ต้องผ่านอแดปเตอร์ LA-EA4 จึงจะใช้ระบบ AF ได้ การใช้งานดีมากครับ คุณภาพดี ราคามือสอง 8,000-14,000 บาท (ปัจจุบันราคาน่าจะไปมากกว่านี้ครับ)
10. เลนส์รีเฟล็กซ์ในตำนาน
![](https://fotoinfo.online/wp-content/uploads/2024/02/FB_IMG_1709218423446-1024x1024.jpg)
ในตลาดเลนส์ถ่ายภาพ มีเลนส์รีเฟล็กซ์ที่ผลิตออกมาไม่น้อยกว่า 30 รุ่น แต่ที่โดดเด่นในยุค 30-40 ปีก่อนขอยกให้ตัวนี้ครับ มันเป็นเลนส์จากผู้ผลิตอิสระที่โด่งดังมากในยุคนั้นคือ Vivitar กับเลนส์รุ่น Series 1 450mm F4.5 Reflex เลนส์ที่สว่างเหลือเชื่อ(สำหรับเลนส์รีเฟล็ก) ขนาดใหญ่โต น่าใช้แต่หายากมากในปัจจุบัน อีกรุ่นคือเลนส์รีเฟล็กซ์ขนาดยักษ์ของนิคอน Reflex Nikkor 2000mm F11 เลนส์รีเฟล็กซ์สำหรับการถ่ายภาพนิ่งที่หายากและโคตรแพง ราคาที่ขายกันใน Ebay อยู่ที่ระดับหนึ่งล้านบาท!!สำหรับเลนส์สภาพดี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางด้านหน้า 254 มม. น้ำหนัก 17.5 กก.
Leave feedback about this