5 กล้อง Mirrorless คู่ใจสาย Vlog
ในปัจจุบัน มีช่างภาพและผู้คนหลากหลายอาชีพ ผันตัวมาเป็น Youtuber และ Vlogger ทำคอนเทนต์ออนไลน์ในรูปแบบวิดีโอ กันมากมาย ซึ่งหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำงานให้ออกมามีคุณภาพ นอกเหนือ ไปจากความน่าสนใจของคอนเทนต์ ต่างๆ ที่คิดกันมาเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งก็คือกล้องสำหรับบันทึกภาพนั่นเองซึ่ง Fotoinfo.online ได้รวบรวมเอากล้อง Mirrorless ที่มีขนาดกะทัดรัด และมีฟีเจอร์ที่ตอบสนองชาว Youtuber และ Vlogger ได้เป็นอย่างดี นั่นคือ มีจอมอนิเตอร์ที่หมุนกลับมา ด้านหน้า 180 องศาได้ มีช่องไมค์โครโฟนภายนอกสำหรับบันทึกเสียงมาด้วยในตัว และมีระบบกันสั่นที่ดีพอสำหรับการเดินถือ ถ่ายสไตล์ Vlog
มาดูกันครับ ว่ามีรุ่นไหนกันบ้าง
Canon EOS M50
จุดเด่น
- เซ็นเซอร์ CMOS ขนาด APS-C
- ความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล
- ระบบโฟกัส Dual Pixel CMOS AF
- ช่องมองภาพ OLED EVF 2,360,000 พิกเซล
- ISO 100-25,600 ปรับขยายได้เป็น ISO 100-51,200
- บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K UHD 24p
- Slow motion 120p (HD)
- จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3.0 นิ้ว 1,040,000 พิกเซล พับออกด้านข้าง ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
- มีช่องต่อไมโครโฟน
- มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว
กล้อง Mirrorless ที่ได้รับการปรับปรุงระบบการทำงานเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมมากทีเดียว โดดเด่นที่ระบบโฟกัส Dual Pixel CMOS AF พร้อมจุดโฟกัสแบบ Contrast Detection 143 จุด, แบบ Phase Detection 99 จุด ตอบสนองการโฟกัสที่รวดเร็ว และแม่น ยำ ตัวกล้องยังมาพร้อมความละเอียดสูงถึง 24.1 ล้านพิกเซล และหน่วยประมวลผล DIGIC 8 ช่วยให้กล้องมีการทำงานที่ รวดเร็วฉับไว รวมทั้งยังให้ภาพที่ใสเคลียร์ แม้จะถ่ายภาพที่ความไวแสงสูงๆ ด้วย
สำหรับโหมดวิดีโอ เพื่อตอบสนองการใช้งานของชาว Vlogger นั้น บันทึกได้ด้วยคุณภาพสูงถึง 4K UHD เฟรมเรท 24 เฟรมต่อวินาที, บันทึก Full HD 1080p เฟรมเรท 6o เฟรมต่อวินาที และบันทึกคุณภาพ HD 720p เฟรมเรท 120 เฟรมต่อวินาที เพื่อเปิดชมภาพแบบ Slow Motion นั่นเอง
ตัวกล้องมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อกับไมโครโฟนเสริม ทั้งแบบ Shot Gun และ Wireless Microphone ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับ การบันทึกวิดีโอ เนื่องจากจะได้คุณภาพเสียงที่ดีมากขึ้น รวมทั้งสะดวกกับการทำงาน เมื่อต้องถ่ายภาพระยะไกล หรือตัวแบบ ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กล้องอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Digital IS ทำงานผสานกับเลนส์ที่มี ระบบป้องกัน การสั่นไหว ช่วยให้ถือกล้องบันทึกวิดีโอได้นิ่งมากขึ้นกว่าปกติ
ตัวกล้องใช้จอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1,040,000 พิกเซล แบบปรับหมุนได้ โดยปรับออกด้านข้างได้ 180 องศา และปรับหมุนรอบตัวได้ 270 องศา ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส สะดวกทั้งการบันทึกภาพทั่วๆ ไป และการบันทึก ภาพตัวเอง เมื่อต้องทำงานคนเดียวอีกด้วย
ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 22,990 บาท (เฉพาะตัวกล้อง), 25,990 บาท (รวมเลนส์ kit 15-45มม.)
อ่านรีวิว Canon EOS M50 (คลิ๊ก)
Fujifilm X-T200
จุดเด่น
- เซ็นเซอร์ Bayer Filter CMOS
- ขนาด APS-C ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล
- ระบบโฟกัส Hybrid AF เลือกได้ 425 จุด
- ช่องมองภาพ OLED EVF 2,360,000 พิกเซล
- ISO 200-12,800 ปรับขยายได้เป็น ISO 100-51,200
- บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K 30p
- Slow motion 120p (Full HD)
- Digital Gimbal ให้ภาพวิดีโอนิ่งยิ่งขึ้น
- จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3.5 นิ้ว 2,760,000 พิกเซล พับออกด้านข้างปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
- มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว
กล้อง Mirrorless ขนาดกลาง รุ่นล่าสุด มาพร้อมความโดดเด่นหลายๆ อย่าง อาทิ เซ็นเซอร์ Bayer Filter CMOS ขนาด APS-C ปรับปรุงใหม่ให้ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล การออกแบบตัวกล้องได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่นเดิมมากทีเดียว โดยเฉพาะกริปมือจับที่ด้านหน้า ที่ช่วยให้จับถือกล้องได้กระชับมั่นคงมากขึ้นด้วย โดดเด่นด้วยจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ถึง 3.5 นิ้ว ความละเอียด 2,760,000 พิกเซล ออกแบบให้ปรับหมุนได้ และรองรับการควบคุมด้วยระบบสัมผัส
ตัวบอดี้ของ X-T200 ตัดเอาปุ่มและแป้นควบคุมบางอย่างออกไป เพื่อให้ผู้ใช้ปรับตั้งค่าการทำงานหลายๆ อย่าง ผ่านหน้าจอ มอนิเตอร์ขนาดใหญ่แทนนั่นเอง นอกจากนี้ ปุ่มที่เหลืออยู่ ยังสามารถตั้งค่าให้เป็นคีย์ลัดสำหรับการทำงานเฉพาะตัว หรือให้ เป็นเมนูที่ใช้งานบ่อยๆ ได้อีกด้วย
โหมดบันทึกวิดีโอ ได้รับการพัฒนาให้บันทึกด้วยคุณภาพ 4K ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที แบบไม่ครอปเซ็นเซอร์ ปรับเลือกได้ เป็น Full HD ความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาที และ 120 เฟรมต่อวินาที เพื่อเปิดชมภาพแบบ Slow Motion ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมี HDR Movie Mode เพิ่มไดนามิกเรนจ์ของการบันทึกวิดีโอ ให้ถ่ายทอดรายละเอียดในส่วนมืดและส่วนสว่างได้อย่างครบถ้วน ตัวกล้องมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อไมโครโฟนสำหรับการบันทึกเสียงที่เน้นคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย
ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 27,990 บาท (รวมเลนส์ 15-45mm)
อ่านรีวิว Fujifilm X-T200 (คลิ๊ก)
Nikon Z50
จุดเด่น
- เซ็นเซอร์ BSI CMOS ขนาด APS-C ความละเอียด 20.9 ล้านพิกเซล
- หน่วยประมวลผล Expeed 6
- ระบบโฟกัสแบบ Hybrid Phase/Contrast Detection มีจุดโฟกัส 209 จุด
- ISO 100-51,200 ปรับขยายได้เป็น ISO 50-204,800
- บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K UHD 30p
- Slow Motion 120p (Full HD)
- จอ LCD 3.2 นิ้ว 1,040,000 พิกเซล ปรับระดับได้ และควบคุมด้วยระบบสัมผัส
- ช่องมองภาพ OLED EVF ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล
- มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว
หลังจากที่ปล่อยกล้อง Z-series ตัวท๊อปและรองท๊อปที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดฟูลเฟรมวางจำหน่ายในตลาดแล้ว ก็ถึงคราวของ รุ่นกลางที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาด APS-C กันบ้าง โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Z50 และใช้เมาท์เลนส์ Z-mount แบบเดียวกับรุ่นพี่ Z6 และ Z7 เพียงแต่เลนส์ที่ใช้ให้เหมาะสมก็จะต้องเป็นเลนส์ Z-mount ที่ออกแบบสำหรับเซ็นเซอร์ APS-C แต่ก็ยังสามารถใช้เลนส์ Z-mount สำหรับกล้องฟูลเฟรม รวมทั้งเลนส์ F-mount ได้เช่นเดิม เพียงแต่มุมรับภาพ หรือทางยาวโฟกัสเทียบเท่าของเลนส์ จะเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นเอง
ตัวกล้องมาพร้อมเซ็นเซอร์ BSI CMOS ความละเอียด 20.9 ล้านพิกเซล และหน่วยประมวลผล EXPEED 6 เช่นเดียวกับรุ่นพี่ ซึ่งช่วยให้ตอบสนองการใช้งานที่รวดเร็วฉับไวมากขึ้น และให้ไฟล์ภาพเคลียร์ใส ปราศจาก Noise รบกวน ถึงแม้ว่าจะถ่ายภาพ ด้วยความไวแสงสูงๆ ก็ตาม โดยปรับช่วงความไวแสงได้ทั้งแบบ Auto หรือปรับตั้งเอง ISO 100-51,200 และสามารถปรับ ขยายได้เป็น ISO 204,800 ช่วยให้ใช้งานด้วยการใช้มือถือกล้องถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ โดยไม่ใช้แฟลชหรือขาตั้งกล้อง สะดวกมากขึ้น
Z50 ใช้จอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1,040,000 ล้านพิกเซล ปรับระดับเพื่อถ่ายภาพมุมมองต่างๆ ได้ และปรับหมุน ลงด้านล่างตัวกล้องเพื่อถ่ายภาพ selfies รวมทั้งบันทึกวิดีโอ Vlog ได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถปรับควบคุมการทำงานผ่าน ระบบสัมผัส ซึ่งช่วยให้ใช้งานกล้องได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังเลือกจัดองค์ประกอบภาพได้ทั้งผ่านจอมอนิเตอร์ หรือจาก ช่องมองภาพ EVF ความละเอียด 2,360,000 ล้านพิกเซลได้ด้วยเช่นกัน
ด้านโหมดวิดีโอนั้น บันทึกด้วยคุณภาพ 4K UHD เฟรมเรท 30 เฟรมต่อวินาที แบบไม่มีครอปตัดส่วน หรือบันทึก Full HD 1080p เฟรมเรท 120 เฟรมต่อวินาที เพื่อเปิดชมภาพแบบ Slow Motion สามารถบันทึกรูปแบบไฟล์ได้ทั้ง MOV และ MP4 และตัวกล้องยังมาพร้อมพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อไมโครโฟนเสริม เพื่อการบันทึกเสียงที่มีคุณภาพมากขึ้นด้วย
ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 28,900 บาท (เฉพาะบอดี้), 33,800 บาท (รวมเลนส์ Z 16-50mm), 42,900 บาท (รวมเลนส์ Z16-50mm+50-250mm)
ข้อมูลเพิ่มเติม กล้อง Nikon Z50 (คลิ๊ก)
Panasonic Lumix G95
จุดเด่น
- เซ็นเซอร์ LiveCMOS ฟอร์แมท Micro Four Thirds ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล
- หน่วยประมวลผล Venus Engine
- ระบบโฟกัส DFD Contrast Detection มีจุดโฟกัส 49 จุด
- ระบบป้องกันการสั่นไหวในตัว Dual IS 2 แบบ 5 แกน
- ISO 200-25,600 ปรับขยายได้เป็น ISO 100-25,600
- บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K 30p
- จอ LCD 3 นิ้ว 1,240,000 พิกเซล ปรับหมุนได้ ควบคุมระบบสัมผัส
- ช่องมองภาพ OLED EVF ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล
- มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว
กล้อง Mirrorless ฟอร์แมท Micro Four Thirds ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ LiveMos แบบไม่มี Low Pass Filter ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล ถ่ายทอดรายละเอียดของภาพได้อย่างคมชัด ปรับปรุงตัวบอดี้ให้จับถือ และควบคุมการทำงานให้สะดวกกว่ารุ่น เดิม รวมทั้งเพิ่มความละเอียดของช่องมองภาพแบบ OLED EVF เป็น 2,360,000 พิกเซล และโดดเด่นด้วยระบบป้องกัน การสั่นไหวในตัว Dual IS 2 ทำงานผสานกันระหว่างระบบกันสั่นในตัวกล้องกับระบบกันสั่นในตัวเลนส์ ช่วยให้ชดเชย ความเร็วชัตเตอร์ได้สูงถึง 5 สตอปจากความเร็วชัตเตอร์ปกติ ทำให้สะดวกในการถือกล้องด้วยมือ และถ่ายภาพในสภาพ แสงน้อยๆ เพื่อเก็บบรรยากาศในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี
ระบบโฟกัสของ Lumix G95 ก็เป็นอีกหนึ่งในความโดดเด่น ซึ่งเป็นแบบ DFD Contrast Detection พร้อมจุดโฟกัส 49 จุด ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลการโฟกัสไปยังหน่วยประมวลผลด้วยความเร็ว 240 เฟรมต่อวินาที ทำให้สามารถจับโฟกัสได้อย่าง รวดเร็วและแม่นยำ แม้จะเป็นการถ่ายภาพแบบแอคชันที่มีการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วก็ตาม ตัวกล้องตอบสนองการถ่ายภาพนิ่ง ต่อเนื่องด้วยความเร็วที่ 9 fps ด้วยการล็อกโฟกัสและค่าแสงในเฟรมแรก หรือเมื่อเลือกเป็นการโฟกัสและวัดแสงแบบต่อเนื่อง ด้วย จะถ่ายภาพได้ด้วยความเร็ว 6 fps
ส่วนวิดีโอนั้นมาพร้อมฟีเจอร์ V-Log L และบันทึกด้วยคุณภาพ UHD 4K ความเร็ว 30p และ 24p โดยไม่จำกัดเวลาบันทึก นอกจากนี้ยังสามารถส่งไฟล์วิดีโอ 8bit แบบ 4:2:2 ผ่านสาย HDMI เพื่อไปยังเครื่องบันทึกภายนอกได้ รวมทั้งมีทั้งช่อง ไมโครโฟนและหูฟัง สำหรับการใช้งานระดับอาชีพด้วย
ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 35,990 บาท (รวมเลนส์ 12-60mm)
ข้อมูลเพิ่มเติม กล้อง Panasonic Lumix G95 (คลิ๊ก)
Sony A6600
จุดเด่น
- เซ็นเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด APS-C
- ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล
- หน่วยประมวลผล BIONZ X
- ระบบโฟกัส Fast Hybrid AF 425 จุด
- ระบบป้องกันการสั่นไหวในตัว 5 แกน
- Eye AF ทำงานกับวิดีโอได้ดีเยี่ยม
- ISO 100-32,000 ปรับขยายได้เป็น ISO 50-102,400
- บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K UHD 30p
- ช่องมองภาพ XGA OLED ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล
- จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3 นิ้ว 921,600 พิกเซล ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
- มี Wi-Fi และ NFC ในตัว
กล้อง Mirorless ระดับหัวแถวของกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ตัวคูณ หรือขนาด APS-C มีฟีเจอร์การทำงานในระดับมืออาชีพ ทั้งภาพ นิ่งและภาพเคลื่อนไหว โดยมาพร้อมเซ็นเซอร์ Exmor R แบบ BSI CMOS ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ตอบสนองการ ทำงานที่รวดเร็วจากการทำงานที่มีประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล BIONZ X ให้ไฟล์ภาพคุณภาพสูงที่มีความคมชัด และถ่ายทอดรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน
A6600 ใช้ระบบโฟกัสแบบ Fast Hybrid AF ปรับโฟกัสอัตโนมัติแบบ Phase Detection และ Contrast Detection มีจุดโฟกัส 425 จุด ครอบคลุมเฟรมภาพได้ทั้งแนวนอน และแนวตั้ง ตอบสนองการโฟกัสได้อย่างรวดเร็วฉับไว พร้อมเทคโนโลยีในการ โฟกัสแบบล่าสุด Eye AF และ Animal Eye AF ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องพะวงกับการปรับโฟกัส เพราะเพียง แค่เล็งกล้องไปที่ใบหน้าของซับเจคต์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพบุคคล หรือถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง กล้องจะจับโฟกัสที่ดวงตาให้โดย อัตโนมัติ ช่างภาพเพียงแค่เล็งจัดองค์ภาพตามที่ต้องการ แล้วกดชัตเตอร์เท่านั้นเอง
ด้านวิดีโอ บันทึกด้วยคุณภาพ 4K 30p พร้อม S-Log3 และ HLG หรือ Hybrid Log-Gamma ให้ไดนามิกเร้นจ์ที่กว้าง มีความ ยืดหยุ่นในการถ่ายทอดโทนภาพที่เป็นธรรมชาติ ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ นอกจากนี้ จอมอนิเตอร์ยังสามารถพับกลับมาด้านหน้า ได้ 180 องศา เหมาะสำหรับถ่ายภาพ Selfies รวมทั้งสำหรับบันทึกวิดีโอของชาว Vlogger ด้วยเช่นกัน ตัวกล้องมีพอร์ตสำหรับ ต่อไมโครโฟนเสริม เพื่อบันทึกเสียงที่ให้คุณภาพสูงมากขึ้น
ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 45,990 บาท (เฉพาะบอดี้), 59,990 บาท (บอดี้ + เลนส์ 18-135mm)
อ่านรีวิว Sony A6600 (คลิ๊ก)