Leica SL2

จุดเด่น

• เซ็นเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม ความละเอียด 47.3 ล้านพิกเซล
• หน่วยประมวลผล Maestro II
• ระบบโฟกัส Leica Object Detection AF จุดโฟกัส 225 จุด
• เลนส์เม้าท์ L-mount
• ISO 100-50,000 ปรับขยายได้เป็น ISO 50-50,000
• บันทึกวิดีโอคุณภาพ 5K 30p UHD, 4K 60p DCI
• ช่องมองภาพ EyeRes OLED ความละเอียด 5,760,000 พิกเซล
• จอมอนิเตอร์ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 2,100,000 พิกเซล ปรับควบคุมระบบสัมผัส
• มีระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ 5 แกน
• ตัวบอดี้ซีลป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ
• มี Wi-Fi และ Bluetooth ในตัว

กล้อง Mirrorless คุณภาพสูง ได้รับการพัฒนามาเป็นรุ่นที่สอง โดดเด่นด้วยเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียดสูงถึง 47.3 ล้านพิกเซล มีไดนามิกเรนจ์กว้างถึง 14 สตอป และยังมีฟีเจอร์พิเศษ Multishot ที่ใช้คุณสมบัติพิเศษของระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัว ในการถ่ายภาพทั้งหมด 8 ภาพ โดยแต่ละภาพจะเป็นกาขยับเซ็นเซอร์ทีละนิด จากนั้นจะนำภาพทั้งหมดมาประมวลผลใหม่ ซึ่งได้ความละเอียดสูงสุด 187 ล้านพิกเซล และจะต้องเป็นการถ่ายภาพซับเจคต์ที่ไม่มีการเคลื่อนไหว รวมทั้งต้องตั้งกล้องไว้บนขาตั้งกล้องด้วย

ตัวกล้องมาพร้อมหน่วยประมวลผล Maestro III ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้กล้องตอบสนองการทำงานที่รวดเร็ว และให้สีสันที่อิ่มตัว สมจริงตามธรรมชาติ และให้ภาพที่ใสเคลียร์ แม้จะถ่ายภาพที่ความไวแสงสูงๆ ก็ตาม โดยสามารถปรับความไวแสงได้ทั้งแบบ Auto และปรับตั้งเองที่ ISO 100-50,000 สามารถปรับขยายได้เป็น ISO 50-50,000 นอกจากนี้ยังช่วยให้ถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 ภาพต่อวินาทีอีกด้วย

นอกเหนือจากภาพนิ่งแล้ว SL2 ยังสามารถบันทึกวิดีโอคุณภาพสูงระดับ 5K 30p 10 bit, 4K 60p UHD และ Full HD 180 เฟรมต่อวินาที เพื่อการเล่นภาพแบบ Slow Motion นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Hybrid Log Gamma (HLG) และโปรไฟล์ L-Log gamma ที่ขยายรายละเอียดส่วนไฮไลต์และชาโดว์ ให้ถ่ายทอดรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน สำหรับการนำไปปรับแต่งในภายหลัง ตัวกล้องยังมาพร้อมช่องไมโครโฟนและหูฟังเสริม สำหรับการบันทึกที่เน้นคุณภาพมากขึ้นทั้งภาพและเสียงนั่นเอง

SL2 ใช้วินไฟน์เดอร์ EVF แบบ EyeRes OLEDR ความละเอียด 5.76 ล้านพิกเซล ให้กำลังขยาย 0.78 เท่า พร้อมรีเฟรชที่ 120 เฟรมต่อวินาที ช่วยให้มองภาพได้คมชัดและเป็นธรรมชาติ ส่วนจอมอนิเตอร์ด้านหลังมีขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 2.1ล้านพิกเซล รองรับการควบคุมระบบสัมผัส นอกจากนี้ยังมีจอ LCD ขนาด 1.28 นิ้ว สำหรับแสดงผลการตั้งค่าถ่ายภาพ ซึ่งคงสถานะไว้ และสามารถดูได้ แม้จะปิดสวิทช์กล้องอยู่ก็ตาม บันทึกไฟล์ภาพและวิดีโอในหน่วยความจำแบบ SD Card มีให้ใช้งาน 2 ช่อง รองรับ UHS-II นอกจากนี้ ยังมี Wi-Fi และ Bluetooth ในตัว ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น Leica FOTO สำหรับการถ่ายโอนไฟล์ภาพแบบไร้สายไปยังสมาร์ทโฟน รวมทั้งใช้เป็นรีโมทคอนโทรลสำหรับควบคุมตัวกล้องด้วย

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 216,000 บาท (เฉพาะบอดี้)

เหมาะสำหรับ : กล้อง Mirrorless ความละเอียดสูง สำหรับการใช้งานที่ซีเรียสแบบมืออาชีพที่ต้องการเน้นคุณภาพทั้งไฟล์ภาพ และคุณภาพของตัวกล้องด้วย

ข้อจำกัด : มีราคาค่อนข้างสูง จึงเป็นกล้องสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพของแบรนด์ Leica จริงๆ