Pentax K-1 mark II
จุดเด่น
- เซ็นเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม ความละเอียด 36.4 ล้านพิกเซล แบบไม่มี AA Filter
- หน่วยประมวลผล Prime IV
- ระบบโฟกัส Hybrid AF Phase และ Contrast Detection
- จุดโฟกัส 33 จุด เป็นแบบ Cross-type 25 จุด
- ISO 100-819,200
- ฟังก์ชั่น Pixel Shift Resolution
- จอมอนิเตอร์ 3.2 นิ้ว 1,037,000 พิกเซล ปรับได้หลายมุมมอง
- ระบบป้องกันการสั่นไหว SR2 (Shake Reduction) แบบ 5 แกน
- Weather Resistant ซีลรอยต่อป้องกันน้ำและฝุ่นละออง
- มี Wi-Fi ในตัว
พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มเติมจากรุ่น K-1 แต่ยังคงมาพร้อมเซ็นเซอร์ภาพแบบแบบไม่มี AA Filter ขนาดฟูลเฟรม ความละเอียด 36.4 ล้านพิกเซล ซึ่งช่วยให้เก็บรายละเอียดของซับเจคต์ที่มีขนาดเล็กๆ น้อยๆ อย่าง เส้นผม, เส้นด้านบนเนื้อผ้า หรือพื้นผิวต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัด นั่นคือ เมื่อเปิดดูภาพ จะเกิดรอยหยักเหลื่อมๆ หรือที่ เรียกว่า Moire’ ซึ่งทำ ให้ดูภาพได้ไม่สบายตามากนัก แต่ตัวกล้องก็มีฟีเจอร์ที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ นั่นคือ ฟังก์ชั่น AA Filter Simulator โดยการ สร้างแบบจำลองภาพเหมือนกับการใช้งานเซ็นเซอร์ที่มี AA Filter ปกติ ช่วยให้ดูภาพได้สบายตามากขึ้น
ตัวกล้องตอบสนองการทำงานที่รวดเร็ว จากประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล Prime IV ช่วยให้กล้องตอบสนองการใช้งานที่รวดเร็วฉับไว รวมทั้งให้ไฟล์ภาพที่มีสีสัน สดใสและอิ่มตัว มีระบบจัดการ Noise ที่ดีเยี่ยม ถึงแม้จะถ่ายภาพด้วยความไวแสงสูงๆ นอกจากนี้ ยังช่วยให้การทำงานของ ฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆ อาทิ Pixel Shift Resolution ที่เพิ่มความละเอียดขึ้นมาเป็น 42 ล้านพิกเซล หรือ Astro Tracer ให้ตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัดแต่อย่างใด
K-1 mark II ใช้เซ็นเซอร์โฟกัสแบบ SAFOX 12 AF System พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้สูงมากขึ้น ตอบสนองการโฟกัส ได้ฉับไวและแม่นยำ มีจุดโฟกัสทั้งหมด 33 จุด และเป็นแบบ Cross-type 25 จุด และสามารถเลือกโหมดโฟกัสได้ทั้งแบบอัตโนมัติทุกจุด, แบบโซนอัตโนมัติ 9 จุด, เลือกจุดโฟกัสตรงกลาง 1 จุด หรือเลือกจุดโฟกัสด้วยตนเอง โดยสามารถโฟกัสอัตโนมัติในสภาพแสงน้อยถึง -3EV
จุดเด่นหนึ่งของกล้อง Pentax รวมทั้ง K-1 II ด้วยคือ มีระบบป้องกันการสั่นไหวในตัวกล้อง แบบ 5 แกน ที่ช่วยลดการสั่นไหวได้ทั้งการถือกล้อง ในแนวระนาบ การหมุนกล้อง การเอียงตัวกล้อง และการก้มหรือเงยกล้อง ซึ่งช่วยให้ถือกล้องถ่ายภาพด้วยมือ ทีความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่า ปกติถึง 5 สตอป ช่วยให้ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ เพื่อเก็บบันทึกแสงธรรมชาติในขณะนั้น โดยไม่ใช้แฟลชหรือขาตั้งกล้องได้อย่าง สะดวกมากขึ้น
ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 78,900 บาท (เฉพาะบอดี้)
เหมาะสำหรับ : กล้อง DSLR ระดับโปร ความละเอียดสูง มาพร้อมฟีเจอร์การทำงานที่ครบครัน และมีระบบป้องกันการสั่นไหวในตัว เหมาะสำหรับช่างภาพที่ต้องการไฟล์ภาพขนาดใหญ่ และต้องการกล้องถ่ายภาพที่ตอบสนองการทำงานได้ในทุกสภาพอากาศ
ข้อจำกัด : ตัวกล้องมีขนาดใหญ่ และน้ำหนักมาก จึงไม่เหมาะสำหรับช่างภาพสำหรับเดินทางท่องเที่ยว และบันทึกวิดีโอคุณภาพสูงสุดที่ Full HD เท่านั้น