INTERVIEWS SCOOPS

Pro Talk : มุมมอง ความคิด กับการถ่ายภาพเวดดิ้งของมืออาชีพ

ช่างภาพเวดดิ้งที่โลดแล่นในวงการมีมากมาย หลายคนมีผลงานโดดเด่น สะดุดตา ทั้งมุมมองภาพ การถ่ายทอดอารมณ์ภาพ การจัดองค์ประกอบ การใช้แสง การโพรเซสภาพ หรือเทคนิคต่างๆที่ใช้ แต่สิ่งที่จะทำให้ช่างภาพเหล่านี้ยืนหยัดได้ยาวนานมีปัจจัยต่างๆมากมาย ทั้งทีมงาน การจัดการ การตลาด และเหนืออื่นใด คือ สไตล์ที่ชัดเจน และนี่คือ 7 ช่างภาพ ที่ทีม FOTOINFO ชื่นชอบ มาดูความเห็น มุมมอง แนวคิดของช่างภาพทั้ง 7 ท่านนี้ กันครับว่า อะไรคือสิ่งสำคัญในการถ่ายภาพเวดดิ้ง กับคำถามของเราดังนี้

  • สำหรับคุณ เรื่องราวในภาพ อารมณ์ของภาพ แสง องค์ประกอบภาพ เทคนิค อะไรสำคัญที่สุดในการถ่ายภาพเวดดิ้ง เพราะอะไรช่วยให้ความเห็น
  • คุณหาไอเดียใหม่ๆในการถ่ายภาพจากที่ไหน อย่างไร
  • คุณมีการเตรียมตัววางแผนอย่างไร ก่อนออกไปทำงานในแต่ละครั้ง
  • เคล็ดลับในการทำงานกับคู่บ่าวสาวของคุณคืออะไร
  • คุณคิดว่าเทรนด์ของภาพเวดดิ้งในปี 2018 จะเป็นไปในแนวใด
  • อยากให้ฝากอะไรกับน้องๆ ที่กำลังสนใจการถ่ายภาพแนวนี้

Vin Buddy  ช่างภาพเวดดิ้งสุดฮอต ที่มีงานถ่ายภาพดาราและผู้มีชื่อเสียงอยู่ตลอด ด้วยสไตล์ภาพอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งมุมมองภาพ และอารมณ์ของภาพและด้วยการจับ Moment ที่เยี่ยมยอดประกอบกับ การถ่ายทอดสไตล์ภาพเชิงข่าว ที่เล่าเรื่องราวได้ชัดเจน เข้าใจง่าย ทำให้เขาเป็นช่างภาพเวดดิ้งระดับแนวหน้า www.facebook.com/VinBuddy/

• ถ้าเป็นภาพพรีเวดดิ้ง ผมว่าอารมณ์ของภาพสำคัญที่สุด เพราะมักจะบันทึกด้วยแสงธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นวันงานผมจะพยายามให้ทุกอย่างมันอยู่ในภาพๆ เดียวให้ได้ พยายามให้อารมณ์ คอมโพสิชั่น แสง อยู่ด้วยกันได้เยอะที่สุด ให้ภาพมันสื่อออกมาได้ชัดเจน เช่น เวลาเค้าร้องไห้ ก็อยากให้มันชัดเจน เข้าใจง่าย ได้ตรงอารมณ์ภาพ การรวมสิ่งต่างๆ เหล่านี้ลงในภาพได้มันทำให้ภาพเข้าถึงได้ง่ายกว่า

• ไอเดียในการถ่ายภาพนั้น ผมชอบดูภาพเยอะๆ ครับ ชอบหารูป เสพรูปจาก IG จากช่างภาพเมืองนอก ผมไม่มีไอดอลส่วนตัว ผมชอบรูปไหนก็จะ save เก็บไว้ แล้วเวลาตัน คิดอะไรไม่ออก เวลาไปถ่ายพรีเวดดิ้งก็เอารูปเหล่านี้มาดูว่ากับจุดที่เรายืนอยู่ พอจะใช้ไอเดียจากภาพไหนได้ก็ดัดแปลงปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ตอนนั้น

• การเตรียมตัวก่อนออกไปทำงานนั้น ผมจะศึกษาคู่งานแต่งให้มากที่สุด ว่าเค้าเป็นคนอย่างไร ชอบทำอะไร รู้จักกันอย่างไร พยายามทำให้มากที่สุด กรณีที่อาจไม่เคยเจอกับเค้ามาก่อนก็พยายามทำความคุ้นเคย ทำให้เค้าสบายใจและมีความสุขเพื่อให้ภาพออกมาเป็นธรรมชาติ

• เคล็ดลับในการทำงานกับคู่บ่าวสาว คือการพยายามทำให้เขารีแลกซ์ อย่างเช่นเวลาไปถ่ายภาพที่ทะเลผมก็พยายามเก็บอารมณ์ของเค้าให้เป็นธรรมชาติร่วมกับคลื่น ดวงอาทิตย์และบรรยากาศ แล้วผมก็ต้องเก็บอารมณ์ที่มีความสุข ความร่าเริงเหล่านั้น ต้องแคปเจอร์ให้ได้โมเมนต์ที่ดีให้ได้

• เทรนด์ของภาพเวดดิ้งในปีนี้ ผมว่ามันไม่ได้เปลี่ยนเป็นแนวใดแนวหนึ่งแต่มันจะดูอาร์ตมากขึ้น รูปแบบเทคนิคที่เคยใช้กันมาอาจใช้ได้น้อยลง ช่างภาพที่ทำงานด้านนี้จึงต้องศึกษามากขึ้น อาจต้องดูหลายแนวให้ภาพดูอาร์ตมากขึ้น มันอาจไม่ได้อยู่ในเทรนด์ใดๆ แต่จะมีความเป็นอาร์ตมากขึ้น ผมเองก็พยายามพัฒนาตัวเองอยู่

• ช่างภาพที่สนใจจะมาทำด้านนี้ อย่างแรกคือ ต้องชอบในสิ่งที่ตนทำ แล้วหลับหูหลับตาทำไป แต่ทำให้เต็มที่ ศึกษาให้เต็มที่ แล้วงานมันจพออกมาดี ทำเรื่อยๆก็จะเห็นผล



Sitphotograph ช่างภาพเวดดิ้งที่อยู่ในระดับแนวหน้า มาได้ยาวนานด้วยจุดเด่นของงาน ที่เน้นเรื่องราวในภาพ การจัดวางภาพที่สมดุล เรียบง่าย สื่อสารชัดเจน ประณีต เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ครบ ผนวกกับอารมณ์ของภาพที่สอดคล้องกับองค์ประกอบ สร้างความประทับใจแก่ผู้ชมภาพเสมอมา www.sitphotograph.com

• เรื่องราวในภาพ อารมณ์ของภาพ แสง องค์ประกอบภาพและเทคนิคนั้น จริงๆ แล้วทุกข้อล้วนสำคัญทั้งนั้น ในการทำงานจริงก็ใช้ทั้งหมด แต่ถ้าจะให้ระบุจริงๆ ส่วนตัวผมให้ความสำคัญกับเรื่องราวของภาพมากที่สุด ด้วยสไตล์การถ่ายภาพภาพของผมจะเป็นการเล่าเรื่อง ภาพที่ถ่ายออกมาจะต้องเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ วันนั้นได้ชัดเจน เมื่อย้อนกลับมาดูภาพถ่ายก็จะนึกถึงเหตุการณ์และความทรงจำตอนนั้นได้

• ไอเดียใหม่ๆ ในการถ่ายภาพนั้น จริงๆ แล้วช่างภาพจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ไม่ควรที่จะหยุดนิ่ง เพราะโลกของเราก้าวหมุนไปข้างหน้าตลอดเวลา แหล่งความรู้ นอกจากนิตยสาร เว็บไซต์ หรือสื่อโซเชียลต่างๆ ผมมักจะดูหนังเมื่อมีเวลาว่าง เพราะซีนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนังมีมู้ดแอนด์โทน ที่น่าสนใจ รวมทั้งมุมกล้องที่นำเสนอ สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการถ่ายภาพนิ่งได้เช่นกัน

• การเตรียมตัวนั้น เมื่อใกล้ถึงวันงานที่ลูกค้าจองคิวไว้จะติดต่อลูกค้าก่อนวันงานประมาณสามถึงสี่วัน เพื่อคอนเฟิร์มคิวงานอีกครั้ง รวมถึงขอหมายกำหนดการของงานเพื่อดูว่าจะมีลำดับพิธีการในงานเป็นยังไง เพื่อที่จะได้วางแผนรับสถานการณ์ได้ รวมถึงสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นในการทำงานเช่น ลูกค้าอยากให้เก็บดีเทลของงานส่วนไหนเป็นพิเศษมั้ย อยากให้เน้นบุคคลสำคัญคนไหนบ้าง อยากได้ช็อตภาพไหนเป็นพิเศษบ้าง ซึ่งก็จะช่วยให้งานของเราตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น บ่อยครั้งที่ช่างภาพไม่ได้เก็บภาพสิ่งที่ลูกค้าต้องการมา ซึ่งเป็นเพราะความไม่รู้นั่นเอง

• เคล็ดลับในการทำงานกับคู่บ่าวสาวของผมคือ วางตัวเป็นคนทำงานบริการคนนึง อย่ามองว่าตัวเองเป็นอาร์ตติสอะไรแบบนั้น อะไรที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจก็จะพยามเต็มที่ รวมไปถึงความชัดเจนตรงไปตรงมา ลูกค้าทุกคนจะได้รับบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ราคาเดียวกัน มีความซื่อตรงและจริงใจต่อลูกค้า มีข้อตกลงในการว่าจ้างที่จัดเจน นอกเหนือจากนี้แล้วคงเป็นเรื่องของความเป็นมืออาชีพ ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาหรือตอบคำถามต่างๆ ที่ลูกค้ามี ผมคิดว่าลูกค้าคงสัมผัสได้ถึงความจริงใจในการบริการของเรา

• ถ้าจะบอกว่าเทรนด์ของภาพเวดดิ้งเป็นอย่างไรก็คงจะบอกยาก เพราะว่ากลุ่มลูกค้าเวดดิ้งในเมืองไทยมีหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีสไตล์ของภาพที่ชัดเจน ถ้าโฟกัสในกลุ่มลูกค้าของตัวผมเอง เทรนด์คงจะเป็นลักษณะภาพที่มีความเป็นธรรมชาติ สีสันโทนของภาพไม่ผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติมากนัก จะเน้นภาพที่สื่อความหมาย อารมณ์ และบอกเล่าเรื่องราวได้ดี ไม่ค่อยชอบการเซ็ตอัพที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ ลักษณะภาพจะเป็นสไตล์การถ่ายแบบแคนดิด ถึงแม้จะมีการเซ็ตอัพบ้าง แต่ก็ต้องเซ็ทให้แบบออกมาดูมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด

• สำหรับผู้ที่จะทำงานด้านนี้ อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ การจะเป็นช่างภาพเวดดิ้งอาชีพ หากมีแค่ความรู้ด้านถ่ายภาพอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะจะมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นหากต้องการที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพนี้แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอัพเดทความรู้ต่างๆ ให้ทันยุคทันสมัยอยู่เสมอ กล่าวได้ว่า เมื่อใดที่เราต่อต้านการเปลี่ยนแปลงหรือหยุดพัฒนาตนเอง ก็เปรียบดังว่าเราได้ตายไปจากธุรกิจนั้นแล้ว


Oat-Chaiyasith (ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี) ความมุ่งมั่นและพลังที่ไม่เคยถดถอยของช่างภาพหนุ่มคนนี้ได้พิสูจน์มาหลายปี งานของ โอ๊ต ชัยสิทธิ์ โดดเด่นด้วยการเล่าเรื่องเชิงสารคดี ภาพบรรยายเรื่องราว ความประทับใจ ความรัก ไปพร้อมๆ กับมุมมองที่โดดเด่น การจับ Moment ที่ยอดเยี่ยม www.oat-chaiyasith.com

• ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการถ่ายภาพเวดดิ้งคือเรื่องราวและอารมณ์ในภาพ เพราะว่าเรากำลังเล่าถึงเรื่องราวในวันสำคัญของคนสองคน ซึ่งเรื่องราวในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเฉพาะเรื่องของความรักความโรแมนติก แต่มันคือบรรยากาศทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้น หน้าที่อย่างหนึ่งของภาพถ่าย คือ มันจะต้องสามารถพาคู่บ่าวสาวกลับไปยังช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในทุกครั้งที่ได้ดู นี่เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องราวกับอารมณ์ในภาพถึงสำคัญมาก

• ไอเดียและแรงบันดาลใจของผมจริงๆ ก็มาจากหลายอย่างเหมือนกัน แต่ว่ามากที่สุดก็คงเป็นพวกหนังสือครับ ผมสะสมหนังสือเกี่ยวกับภาพถ่ายไว้ค่อนข้างเยอะ แล้วก็มีหลายประเภทพอสมควรทั้ง Portrait Fashion Documentary เพราะผมมองว่าหนังสือเป็นสิ่งที่ถูก Approve มาจากเจ้าของผลงานแล้วว่าสิ่งนี้/เรื่องราวนี้ คือสิ่งที่ศิลปินอยากนำเสนอมากที่สุด เวลาจะหาไอเดียใหม่ก็จะลองมาหยิบลองมาหาจากหนังสือพวกนี้เพราะภาพเวดดิ้ง มันไม่ใช่แค่การถ่าย Portrait หรือ Documentary แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานระหว่างการเล่าเรื่องราวในแบบ Documentary, การ Characterize ในแบบ Portrait, การใส่ความ Stylish ในแบบของ Fashion Photography ซึ่งจริงๆ ก็จะทำคู่ไปกับการหาทางอินเทอร์เน็ตด้วย เพราะเนื้อหาทางอินเทอร์เน็ตเป็นอะไรที่ค่อนข้างเปิดกว้าง สามารถที่จะลิงก์เราไปสู่อย่างอื่นๆ ต่อไปได้เรื่อยๆ อีกอย่างคือการดู Exhibition ต่างๆ ใน Museum ทั้งที่เป็นงานภาพถ่าย แล้วก็งานศิลปะอื่นๆ ด้วย อย่างงาน Design, Painting, Installation Art พอเราได้เรียนรู้ ได้เห็นอะไรที่หลากหลายมากขึ้นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ มันก็จะเกิดขึ้นตามมา

• การเตรียมตัวนั้น สิ่งที่ผมทำอย่างแรกเลย คือ การทำเปเปอร์เวิร์ค เหมือนกับเป็นการสมมุติดูว่าในวันที่เราไปถ่ายจริงจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างจะได้รู้ว่าตอนนั้น เวลานั้น เราควรจะอยู่ตรงไหนถึงจะดีที่สุด และถูกที่ถูกเวลาได้มากที่สุด ปกติหลังการถ่ายภาพในทุกๆ ครั้ง ผมก็จะวิเคราะห์สิ่งที่เราถ่ายไปแล้วว่าเราพลาดอะไรไปบ้าง อะไรที่ยังทำได้ไม่ดี ก่อนไปถ่ายผมก็จะเอา Comment ต่างๆ เหล่านี้กลับมาประกอบกันเพื่อกำหนด Objective ในแต่ละครั้งว่า ครั้งไหนเราต้องเพิ่มอะไรลงไปบ้าง พอถ่ายเสร็จก็จะกลับมาประเมินงานที่ถ่ายไปอีกที ซึ่งก็จะทำแบบนี้เสมอในทุกๆ งาน

• เราจะต้องรู้จักบ่าวสาวให้มากที่สุด ผมว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่สำคัญมากเพราะว่าเรากำลังจะเล่าเรื่องราวในวันที่สำคัญที่สุดของคนสองคน การถ่ายเวดดิ้งมันไม่ใช่แค่การถ่ายภาพเพื่อเล่าเรื่องในวันนั้นวันเดียว แต่มันเป็นการถ่ายที่จะต้องเล่าถึงอุปนิสัยของเค้า เรื่องราวที่ผ่านมารวมถึงความรู้สึกที่มีต่อกัน ซึ่งความรู้สึกตรงนี้ก็ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของคู่บ่าวสาวเท่านั้น แต่จะต้องมีความรู้สึกของคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนที่เค้ารักด้วย ดังนั้นการเข้าใจถึงคาแรกเตอร์ของคู่บ่าวสาวก่อนก็จะทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น และทำให้งานที่ออกมานั้นเล่าเรื่องราวได้ลึกมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมให้ความสำคัญอยู่เสมอ

• สำหรับเทรนด์ในปี 2018 ผมมองว่าสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้นน่าจะเป็นในเรื่องของความจริงเป็นหลัก การเล่าเรื่องราวผ่านภาพถ่ายน่าจะเป็นเทรนด์ที่บ่าวสาวมองหาในปีนี้มากกว่าเรื่องของเทคนิค เวลาทำงานจริงๆ เราก็จะต้องแยกก่อนว่ามันมีทั้งเทรนด์แล้วก็สิ่งที่ลูกค้าต้องการ สิ่งที่ลูกค้าต้องการส่วนใหญ่คือการทำยังไงก็ได้ให้ภาพมันเล่าเรื่องได้ ซึ่งผมมองว่าสิ่งนี้มันคือหัวใจของการถ่ายเวดดิ้ง จริงๆ แล้ว 10 ปีที่ผ่านมา มันมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของเทรนด์การถ่ายภาพมาเรื่อยๆ อย่างปีที่ผ่านๆ มาเทรนด์ภาพแบบมินิมอลจะค่อนข้างเป็นที่นิยมมากเหมือนกัน ในการถ่ายภาพเวดดิ้ง มันเลยกลายเป็นการผสมผสานกับระหว่างสไตล์แบบฮิปสเตอร์ แล้วก็การเล่าเรื่อง ดังนั้นแล้วผมมองว่าสองสิ่งนี้มันจะต้องเกิดควบคู่กันไป แต่คุณจะต้องสื่อสารในเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นได้ก่อน แล้วค่อยจับเทรนด์มาใส่เข้าไป

• อยากจะบอกไว้ก่อนเลยว่า การถ่ายภาพเวดดิ้งไม่ใช่เรื่องง่าย คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าการถ่ายภาพเวดดิ้งเป็นอะไรที่ง่าย ใครๆ ก็ทำได้ แต่จริงๆ แล้วการจะเป็นช่างภาพเวดดิ้งที่ดีเป็นสิ่งที่ค่อนข้างหนักพอสมควร อย่างแรกเลย คือคุณต้องมีวินัยต่อตัวเอง อีกอย่างคือ คุณจะต้องมีความรับผิดชอบที่สูงมากในการทำงาน เพราะคุณกำลังรับผิดชอบวันสำคัญของคนสองคน ซึ่งเป็นวันที่ไม่สามารถกลับมาถ่ายซํ้าได้ใหม่ ดังนั้นสำหรับน้องที่สนใจที่จะเป็นช่างภาพสายนี้สิ่งที่เราต้องทำคือเราจะต้องฝึกฝนทั้งทักษะในการทำงาน แล้วก็ความรับผิดชอบต่องานที่เราได้รับมอบหมายสำคัญที่สุด คือเราจะต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่เรากำลังทำมันคือ Moment เดียวในชีวิตที่เกิดขึ้นกับคนสองคน อย่าประมาท เพราะถ้าเป็นวันสำคัญของเราเอง เราก็คงไม่อยากให้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นเหมือนกัน


Loveroom เวทประจิต แซ่อึ๊ง (ราจิตร) เราเห็นพลังสร้างสรรค์ภาพของชายหนุ่มคนนี้มานาน เป็นช่างภาพที่เปี่ยมไอเดีย มีความคิดนอกกรอบและยังพร้อมด้วยเทคนิคการสร้างสรรค์ภาพ เขาคือหนึ่งในตัวอย่างของช่างภาพที่มีสไตล์ชัดเจน มีตัวตนชัดเจน www.loveroomwedding.com , Facebook : www.facebook.com/loveroomwedding , Instagram @loveroomwedding

• การถ่ายเวดดิ้งนั้นมีข้อได้เปรียบหลักๆ ตรงที่โจทย์หลักค่อนข้างตรงไปตรงมาครับ คือ “ถ่ายภาพคนรักกัน” แล้วจากนั้นตัวช่างภาพอย่างเราก็มีหน้าที่ถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด แต่งานเรามีข้อจำกัดตรงที่ เราไม่สามารถกำหนดทุกอย่าง หรือรอเวลาทุกอย่างได้เหมือนถ่ายแฟชั่น ดังนั้นผมคิดว่าอย่างแรกที่ควรมีก่อนคือเรื่องราวและอารมณ์ภาพครับ ส่วนแสงและเทคนิคนั้นมีไว้ตอบโจทย์กับแก้ไขปัญหาในการทำงาน

• ไอเดียใหม่ๆ นั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาครับ ผมขอแบ่งคำตอบข้อนี้เป็นสองส่วนนะครับ ส่วนแรกเป็นการหา reference และแรงบันดาลใจ ซึ่งในปัจจุบันในโลกไร้พรมแดนนี้มีช่องทางมากมายที่ช่างภาพจะศึกษาและลองนำมาฝึกฝนกับงานของเรา เช่น Instagram , Pintrest ,Facebook พอเราได้เจอภาพที่เราว่าสวย เห้ยเราอยากถ่ายได้แบบนี้บ้าง เราก็จะทดไว้ในใจก่อนครับ พอวันที่ไปนำเสนองานลูกค้าเราก็ลองเอาไอเดียนี้ไปคุยว่าลูกค้าเราชอบไหม มั่นใจที่จะแสดงออกแบบนี้ในการออกกองถ่ายภาพไหม อีกส่วนนึงเป็นไอเดียที่ได้จากลูกค้า เพราะผมเคยลองให้ลูกค้าทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวตนเขาเพียงเพื่อรองรับสิ่งที่เรียกว่า “อยากได้อะไรแปลกๆ” แล้วมันไม่เวิร์ค หลังจากนั้นผมเลยเปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่ ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการออกไอเดียมากขึ้น ให้เขารับรู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเขาเองต้องการอะไร เพียงแค่ช่างภาพต้องคุยกับลูกค้าให้เยอะพอที่จะเข้าใจตัวตนของบ่าวสาว ว่าตัวตนเขาเป็นอย่างไร ชอบอะไร แล้วหลังจากนั้นไอเดียมันจะต่อยอดออกมาได้เอง

• การทำงานของผม เริ่มตั้งแต่วันแรกที่ลูกค้าแชทมาถาม ด่านแรกที่ลูกค้าผมจะเจอคือการบ้านที่ผมให้ไปทำ ว่าอยากได้ภาพสไตล์ไหน เพราะผมเองมั่นใจระดับนึงว่าเทคนิคที่ผมมีนั้นสามารถถ่ายภาพได้ทุกแบบ แก้ไขปัญหาได้หลากหลายพอหลังจากนั้นผมจะนัดบ่าวสาวมาคุยทำการบ้านเพิ่มครับ โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการควบคุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบ ไม่บานปลาย คุยเรื่องชุด พร๊อพ สถานที่ เวลาในการเดินทางต่างๆ สำหรับวันถ่ายทำจริง นอกจากจะเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์เพื่อให้ได้ภาพที่คุยกันไว้แล้วสิ่งสำคัญที่ต้องนึกเสมอตลอดเวลาคือ แผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน และการควบคุมเวลาในการถ่ายทำให้พอดีไม่ให้มีซีนไหนใช้เวลาเยอะเกินไปจนเบียดบังซีนอื่นๆ ครับ

• เคล็ดลับในการทำงานกับคู่บ่าวสาวของผมคือ ทำงานเหมือนเป็นเพื่อนของบ่าวสาวครับ เมื่อไหร่ที่ช่างภาพสามารถดึงความเป็นธรรมชาติของบ่าวสาวออกมาได้ จะทำงานง่ายขึ้นมาก

• ผมคิดว่าเทรนด์ของภาพเวดดิ้งในปีนี้หลายๆ อย่างน่าจะลดความหรูหราฟู่ฟ่าลง เทคนิคแสงแพรวพราวยิงแฟลชหลายๆ ตัวน่าจะน้อยลงจนเป็นงานเฉพาะทางไป แล้วภาพสไตล์มินิมอล คลาสสิค จะเพิ่มมากขึ้นครับ

• สิ่งที่อยากจะฝากกับผู้ที่สนใจจะทำงานด้านนี้ (คำตอบเชิงจริยธรรม) คือ ช่างภาพเวดดิ้งอย่างเรา ต้องไม่คิดว่าเรากำลังทำงานหาเงินแล้วกลับบ้านครับ เราต้องเข้าใจว่าบ่าวสาวทุกคนที่มาหาเรานั้นทุกคู่คงอยากจะจัดงานแต่งงานครั้งเดียว ดังนั้นเราต้องคิดแทนบ่าวสาวในเรื่องอื่นๆ ด้วย ทำงานเหมือนกับกำลังช่วยเพื่อน ช่วยญาติเราจัดงานแต่งงานทุกคู่ ใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของเราอยู่เผชิญปัญหาที่เขาต้องเจอตลอดการจัดงานแต่งงานไปจนสุดทางครับ…แล้วหลังจากนั้นเราจะได้รับอะไรกลับมามากกว่าเงินทองครับ

(คำตอบเชิงเทคนิค) การถ่ายภาพเวดดิ้งนั้น ไม่เหมือนกับการถ่าย portrait ตรงที่ เราต้องถ่ายทอดความรักของบ่าวสาวออกมาด้วย เวลาออกกองถ่าย ให้มองข้อนี้เป็นหลักก่อน หลังจากนั้นค่อยใช้เทคนิคและอุปกรณ์ที่เรามี เสริมสร้างภาพถ่ายของเราให้ดูดีขึ้นไปอีก


DanNeramit ช่างภาพเวดดิ้งที่ถ่ายทอดอารมณ์ของภาพให้ดูสนุกสนานเป็นธรรมชาติ โดยยังคงเน้นมุมมอง แสง และเงา ให้เติมเต็มอารมณ์ของภาพให้เด่นชัดยิ่งขึ้น เป็นช่างภาพที่ได้รับคัดเลือกจาก weddinglist.co.th ให้เป็นหนึ่งในช่างภาพแต่งงานผลงานเด่นประจำปี 2017 www.danneramit4u.com , www.facebook.com/danneramit4u , 0807747444

• เรื่องราวในภาพอารมณ์ของภาพ แสง องค์ประกอบภาพ เทคนิค สำหรับผม ผมว่าเรื่องราวนะสำคัญที่สุดและมาก่อนสิ่งอื่นเลย ทุกเหตุการณ์ต้องมีภาพ จะสวยรึไม่สวยก็ได้แต่ต้องมี เพราะวันนั้นสิ่งสำคัญคือเก็บเรื่องราวให้เค้า แล้วค่อยต่อยอดเรื่ององค์ประกอบ-แสง-เทคนิคเพื่อให้ภาพสวยขึ้น

• ไอเดียใหม่ๆ ในการถ่ายภาพนั้น ส่วนมากผมใช้เวลาอยู่บน social ค่อนข้างมากนะ เวลามีอะไรมาใหม่ๆ รึกระแสบางอย่าง บางทีก็เอาไปเล่นบ้าง

• การเตรียมตัวก่อนออกไปทำงาน หากเป็นที่ที่ไม่เคยไปถ่ายเลย ถ้ามีเวลาจะแอบไปดูสถานที่ก่อน อย่างพรีเวดดิ้ง บางทีก็มีแอบขับไปดู รึไม่ก็สอบถามเพื่อนๆ ที่เคยไปถ่าย ปกติเพื่อนๆ ช่างภาพก็ช่วยชี้แนะกันนะ ไม่ค่อยหวง

• เคล็ดลับในการทำงานกับคู่บ่าวสาวของผมคือ เราต้องเข้าใจเค้า สำหรับเรา เราถ่ายมาเป็นร้อยเป็นพันงาน แต่สำหรับเขา คือครั้งแรก เราบอกได้ว่าเขาควรทำอะไรบ้าง ควรหลีกเลี่ยงอะไร ถ้างานราบรื่น ภาพก็ราบรื่นตาม

• เทรนด์ของภาพเวดดิ้งในปี 2018 เท่าที่ดู ภาพแนวเรียบๆ ง่ายๆ สะอาดๆ กำลังมานะ แล้วก็เป็นแนวภาพที่ดูได้ยาวๆ ไม่เบื่อ

• สำหรับผู้ที่สนใจการถ่ายภาพเวดดิ้ง สำหรับงานแต่งงาน ผมอยากบอกว่า มันคือวันของเค้า เรามีหน้าที่มาเก็บภาพสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องเซตหนักๆ เพื่อภาพ จนงานขาดความเป็นธรรมชาติไป ควรมีเซตถ่ายบ้างเพื่อความเรียบร้อย แต่ก็ไม่ต้องถึงกับทั้งหมด การพูดจา การแต่งตัวในงานสำคัญมากๆ ต้องดูดี สะอาด แต่ต้องไม่เด่น เผื่อกล้องคนอื่นถ่ายติดมาด้วย


DARINIMAGES Darin Limsuansub ช่างภาพเวดดิ้งสาวที่ผันตัวเองมาจาก Creative Director ของนิตยสารชื่อดัง ภาพของเธอโดดเด่นด้วยความสดใส ความเป็นธรรมชาติ การสื่อสารที่ดูเข้าใจง่าย ชัดเจน เปี่ยมความคิดสร้างสรรค์ ประกอบกับองค์ประกอบภาพที่ลงตัว และอารมณ์ของภาพที่ดูอบอุ่น www.darinimages.com

• เรื่องราวในภาพ อารมณ์ของภาพ แสง องค์ประกอบภาพ เทคนิค สำหรับเราแล้วจะให้นํ้าหนักกับอารมณ์ของภาพมากที่สุด เพราะอยากให้คนดูมีความรู้สึกและรับรู้เรื่องราวทันทีที่ได้ดูภาพนั้นๆ แต่ภาพที่ดีที่สุดคือภาพที่สื่ออารมณ์ ในสภาพแสงและองค์ประกอบที่ดีที่สุดเช่นกัน

• เราหาไอเดียในการถ่ายภาพใหม่ๆ ด้วยการออกเดินทางท่องเที่ยว ดูคอลเลกชั่นเสื้อผ้า ตามงานดีไซนเนอร์ และศิลปินในแบบที่ตัวเองชอบ

• เราเตรียมตัววงแผนก่อนออกไปทำงานโดยตรวจสอบตารางหมายกำหนดการในแต่ละงานแต่งให้รอบคอบ พูดคุยกับลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจตรงกันในการถ่ายก่อนเริ่มงาน

• เคล็ดลับในการทำงานกับคู่บ่าวสาวของเราคือ ปล่อยให้เค้าเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ในขณะที่เราก็มองหาและดึงด้านที่งดงามที่สุดของเค้าออกมา

• สำหรับผู้ที่สนใจการถ่ายภาพแนวนี้และอยากทำงานด้านนี้ อยากให้ฝึกฝนด้านเทคนิคและมุมมองจนเชี่ยวชาญ หาเอกลักษณ์ของตัวเอง และลองคิดทำอะไรใหม่ๆ


Sanit Photography ศานิต นิธิกุลตานนท์ ช่างภาพเวดดิ้งแนวสตรีทที่มีผลงานโดดเด่น น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่ง โดดเด่นด้วยมุมมอง ไอเดีย และการจับโมเมนต์ของคู่บ่าวสาว ด้วยภาพที่ดูสนุก มีชีวิตชีวากับคำกล่าวของเขาที่ว่า “พรีเวดดิ้งก็เป็นเหมือนทุกๆ วันของคุณ” www.sanitportfolio.com , www.facebook.com/sanit.portfolio

• สำหรับผมเอง ผมจะให้ความสำคัญกับอารมณ์ของภาพมากที่สุด ผมอยากให้บ่าวสาวได้ดูรูปโมเมนต์ที่เขายิ้มออกมาจริงๆ หัวเราะออกมาจริงๆ อยากให้เขาเอาไปแปะฝาบ้าน พอเวลากลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ แล้วพอมาเห็นรูปแล้วรู้สึกยิ้มตามไปกับมันได้ เพราะฉะนั้นรูปมันจะต้องเป็นอะไรที่จริงใจ รู้สึกว่ามันเป็นเเบบนั้นจริงๆ  แต่ถ้าอารมณ์ได้ แล้วยิ่งได้ส่วนประกอบเรื่องอื่นๆ มาด้วยมันก็จะยิ่งเพอร์เฟ็คครับ

• ไอเดียจริงๆ เป็นสิ่งที่ยากมากๆ มันจะใช้การเค้นออกมาไม่ได้ ไอเดียมันต้องอยู่ดีๆ แล้วก็ออกมาเอง บางทีนอนๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วก็นึกนู่นนี่ได้ เราก็จะจดไว้ เอามาใช้กับงาน หรือบางทีดูอะไรรอบตัวๆ คนเดินไปมา สิ่งของ หนัง ภาพของช่างภาพคนอื่น ทุกอย่างมันส่วนประกอบให้เรานำมาก่อเกิดไอเดียได้หมด ผมจะใช้การต่อยอด คือ ถ้าเราได้หัวข้ออะไรมา เราก็ค่อยมาขยายความอีกที ว่าเราจะเล่นอะไรกับมันได้บ้าง แล้วส่วนตัวผมเป็นคนชอบคิดอะไรเพ้อเจ้ออยู่แล้วด้วย มันก็เลยลงตัว 555+ คิดอะไรได้ก็ยัดๆ มันลงไป เพียงแต่มันต้องทำออกมาแล้วให้คนเชื่อว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

• การวางแผนก่อนออกไปทำงานในแต่ละครั้งของผมน่ะ 555+ ถ้าพูดแล้วจะดูน่าเกลียดไปเลย เพราะผมก่อนออกไปถ่ายพรีเวดดิ้งแต่ละที เน้นนอนหลับกินอิ่ม ก่อนถ่ายผมจะไม่เครียด ไม่คิดไรเลย พอเจอบ่าวสาว แล้วก็ค่อย solo เลย แต่ถ้าเกิดไปถ่ายโลเคชั่นใหม่ๆ ก็อาจจะต้องมีการไปสำรวจก่อน ว่าจุดตกของแสงอยู่ที่ไหน แล้วผมจะเลือกจุดนั้นเป็นจุดสุดท้าย เพื่อจะได้แสงเย็น เพราะสำหรับผมแสงเย็นสำคัญมากๆ

• เคล็ดลับในการทำงานกับคู่บ่าวสาวของผมคือ ต้องไม่เครียดครับ เราต้องทำงานเหมือนทำงานกับเพื่อน ชวนคุย เล่นมุข หยอดมุขตลอดเวลา ให้เขารู้สึก สบายใจ ทำงานให้ไม่เหมือนทำงาน เเล้วบ่าวสาวจะได้รู้สึกไม่เครียด อีกอย่างใช้มูฟเมนต์เยอะๆ เพราะเวลาคนเรามีมูฟเมนต์ มันจะช่วยให้เขาลืมไปว่าเขากำลังถ่ายงานอยู่

• เทรนด์ของภาพเวดดิ้งในปี 2018 ไม่รู้เลยครับ 555+ ผมว่าช่างภาพเด๋วนี้ไอเดียบรรเจิดกันมาก คิดว่าคงจะมีอะไรแปลกๆ มาให้เราได้เห็นเรื่อยๆ แต่มันคงจะเป็นอะไรที่สะท้อนตัวบ่าวสาวมากขึ้น

• ผู้ที่สนใจการทำงานแนวนี้ต้องตั้งใจทำงานครับ ทำให้เต็มที่ ทำให้รู้สึกว่า เราใส่ทุกอย่างไปหมดกับงานๆนี้  อย่ามัวเอาเวลาไปศึกษาแต่กับทฤษฎี การปฎิบัติสำคัญกว่า เพราะหน้างานมันจะทำให้เราได้เห็นปัญหาอย่างแท้จริง แล้วก็จงสนุกกับมัน ถ้าถ่ายแล้วยิ่งเครียด ถ่ายแล้วไม่มีความสุข อาจจะไม่ใช่ทางเรา เพราะภาพถ่ายส่วนนึงก็คือการสะท้อนคาแร็คเตอร์ของตัวช่างภาพเอง ลองหาสไตล์ที่เราชอบแล้วก็มุ่ง ตั้งใจทำให้สุดทาง !!


อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^

(SCAN QR CODE ด้านล่างเพื่อเพิ่มเพื่อนใน Line อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ)

หรือสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับมุมมองของช่างภาพมืออาชีพที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่
https://test2.fotoinfo.online/all-about-photo/protalk/