โหมดวัดแสง ยังสำคัญอยู่มั๊ย
โหมดวัดแสง เป็นตัวกำหนดให้กล้องรู้ว่า จะต้องวัดแสงพื้นที่ไหน ตามที่ผู้ใช้กำหนดมา ในยุคฟิล์ม ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเฉลี่ยกลางภาพ หรือ วัดแสง ตรงกลางภาพครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 70% เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว คนถ่ายภาพมักจะวางตำแหน่งของตัวแบบไว้ที่กลางภาพนั่นเอง
โหมดวัดแสงหลักๆ ของกล้องทั่วๆ ไป จะมีแบบแบ่งหลายส่วน, เฉลี่ยหนักกลางภาพ และเฉพาะจุด
โหมดวัดแสง
ของกล้องรุ่นใหม่ขึ้น หรือรุ่นปัจจุบันที่เป็นกล้องดิจิตอลแล้ว นอกจากจะมีแบบเฉพาะจุดเลือกขนาดพื้นที่ได้แล้ว ยังมีแบบเฉลี่ยนหลายส่วน ซึ่งช่วยให้การวัดแสงแม่นยำมากขึ้น โดยการทำงานของแบบเฉลี่ยหลายส่วนคือ เครื่องวัดแสงจะแบ่งพื้นที่บนเซ็นเซอร์ภาพออกเป็นหลายๆ ส่วน เช่น เมื่อแตะปุ่ม ชัตเตอร์ เพื่อวัดแสง แต่ละส่วนจะคำนวณปริมาณแสงในพื้นที่ของตัวเอง แล้วส่งข้อมูลไปยังหน่วยประมวลผล หน่วยประมวลผลจะคำนวณค่าเฉลี่ยจากจำนวนพื้นที่ทั้งหมดที่ส่งข้อมูลเข้ามา ซึ่งจะมีความละเอียดมาก และช่วยให้การวัดแสงแม่นยำมากด้วยนั่นเอง
ภาพที่มีความแตกต่างของโทนสีมากๆ แบบนี้ ถ้าวัดแสงผิดพลาดด็อาจจะได้ภาพที่สว่างเกินไป จนทำให้รายละเอียดของกลีบดอกสีขาวหายไปได้
โหมดวัดแสงในกล้อง Mirrorless ยังคงยกระบบมาจากกล้อง DSLR แต่แยกย่อยพื้นที่วัดแสงได้ละเอียดมากกว่า อีกทั้งคุณสมบัติพิเศษของกล้อง Mirorlress คือ เห็นภาพจริง ตั้งแต่การตั้งค่ากล้อง เพราะแสดงผลแบบ Live View ทำให้เราสามารถเห็นภาพจริง ตั้งแต่การ ปรับตั้งค่ากล้อง นั่นเอง อยากได้ภาพสว่าง หรือมืดแค่ไหน ก็สามารถปรับไปได้ตามที่ต้องการ แล้วค่อยกดชัตเตอร์ถ่ายภาพได้เลย
กล้อง Mirrorless ช่วยให้ความผิดพลาดของการถ่ายภาพ หรือการวัดแสงลดลงไปอย่างมากทีเดียว ช่างภาาพสามารถมองภาพจริงได้ตั้งแต่การปรับตั้งค่ากล้อง และช่วยให้ได้ภาพที่ต้องการได้ตั้งแต่ก่อนกดชัตเตอร์
ความสะดวกของกล้อง Mirrorless แบบนี้นี่เอง ทำให้คนชอบถ่ายภาพ สามารถถ่ายภาพได้สวยงาม ทั้งๆ ที่อาจจะไม่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ หรือการวัดแสงเลย เพียงแค่ปรับตั้งกล้อง แล้วมองภาพจริงที่จอ หรือวิวไฟน์เดอร์ พอปรับได้ตามที่ต้องการแล้ว ก็กดชัตเตอร์ถ่ายภาพ ได้เลย ซึ่งโหมดวัดแสงจะตั้งอยู่แบบไหนก็ได้ แค่ปรับไปตามที่ตาเห็นเท่านั้นก็พอแล้ว
ภาพพลุ ก็เป็นอีกรูปแบบของการถ่ายภาพที่ไม่ต้องวัดแสง สามารถเลือกใช้ f/8 หรือ f/11 แล้วใช้ชัตเตอร์ B กำหนดเวลาถ่ายภาพเอง
หลายๆ คนที่ซื้อกล้องมา อาจจะไม่เคยเปลี่ยนโหมดวัดแสงเลย ตั้งมาแบบไหนตอนแกะกล่อง ก็ใช้ไปแบบนั้น จึงเกิดคำถามว่า ยังจำเป็นอยู่มั๊ย ซึ่งตามจริงแล้ว สำหรับมือใหม่ หรือมือสมัครเล่นที่ขอแค่ได้ภาพสวยงาม อาจจะไม่จำเป็นเลย แต่สำหรับช่างภาพมืออาชีพ ที่ต้องการความแม่นยำ ต้องการปรับตั้งค่ากล้องได้อย่างรวดเร็ว อาจจะยังจำเป็นอยู่ แต่คงไม่ได้ใช้งานทุกโหมดที่มีอยู่ในกล้อง ใช้แค่แบบแบ่งพื้นที่หลายโซน ซึ่งแต่ละค่ายก็เรียกแตกต่างกันไป หรือถ้าสภาพแสงแตกต่างกันเยอะ ระหว่างส่วนมืด และสว่าง ก็ปรับมาใช้แบบเฉพาะจุด เลือกเน้นที่ซับเจคต์เป็นหลักเท่านั้นเอง แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้น ถ้าใช้กล้อง Mirrorless ที่ช่วยลดความผิดพลาดของการวัดแสงไปได้เยอะมาก ก็ไม่ต้องปรับเปลี่ยนไปๆ มาๆ ก็ได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนมากกว่า ว่าจะใช้แบบไหนครับ
ภาพถ่ายยามค่ำคืน ที่อาจจะยุ่งยากในเรื่องของการวัดแสงอยู่บ้างสำหรับมือใหม่ที่ใช้กล้อง DSLR แต่พอเป็นกล้อง Mirrorless ก็สามารถถ่ายรูปแบบนี้ได้ง่ายๆ
..ขอให้มีความสุขกับการถ่ายภาพนะครับ…
Leave feedback about this